อยากลาออกจากมนุษย์เงินเดือน มาเป็นเกษตรกร กลับไปคิดอีก 100 ตลบ!!

ข้อคิดดีๆ จากสาวผู้มากประสบการณ์  คุณหนึ่งฤทัย แพรสีทอง อดีตบัณฑิตคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้ผันตัวมาเป็นสื่อมวลชน และมีไร่มะละกอ พร้อมทั้งรับซื้อมะละกอ ป้อนเข้าสู่ตลาดไท และอีกหลายสายการบิน  เธอพบเห็นปัญหาในวงการเกษตรมานับไม่ถ้วน และวันนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ขอนำคำแนะนำดีๆ ของเธอมาแบ่งปัน

โดยคุณหนึ่งฤทัย ออกมาเตือน คนที่อยากลาออกจากมนุษย์เงินเดือน เพื่อมาทำการเกษตร ดังนี้

“เห็นเพื่อนๆ หลายคน อยากลาออกมาทำเกษตรแล้วบอกตรงๆ ว่า….ห่วง…ค่ะ …

จะลาออกมาด้วยเหตุผลของความเบื่องานประจำ อยากมีอิสระ แรงกดดันหรือแรงบันดาลใจอะไรก็ตาม อยากให้กลับไปคิดดีๆ ก่อนค่ะ ตีลังกาคิดอีก 100 ตลบค่ะ เพราะมันไม่ง่าย….

คำถามที่ยากที่สุดก็คือ….ปลูกอะไรดี….

เพราะการทำอาชีพเกษตรที่หวังรายได้จากพืชเกษตรที่เราทำ….มันไม่ใช่อะไรก็ได้ค่ะ

….แต่ถ้าคิดจะทำเกษตรเพื่อความสุข เพื่อกินเอง เพื่อแบ่งปัน….เป้าหมายมันต่างกัน…. อะไรก็ได้….เป้าหมายคุณอยู่ที่ไหนค่ะ

  1. ความสำเร็จในอาชีพเกษตรในวันนี้…มันไม่ง่ายเหมือน 2-3 ปีที่ผ่านมา

คนที่สำเร็จกับอาชีพเกษตรในวันนี้…ย้ำว่าวันนี้นะคะ….ส่วนใหญ่มันต่อยอดมาจากความสำเร็จในอดีตค่ะ….ต้องยอมรับว่า ถ้าคุณเริ่มทำเกษตรเมื่อ 3 ปีย้อนหลังไป โอกาสสำเร็จมีเยอะกว่านี้มาก เพราะถือเป็นปีที่รุ่งเรืองของอาชีพเกษตร วงการเกษตรค่ะ เพราะเศรษฐกิจมันดีกว่านี้มาก

แต่นับจากปีที่แล้ว คือ ปี 60-ปัจจุบัน มันไม่ใช่ค่ะ เศรษฐกิจที่ตกต่ำส่งผลให้พืชแทบทุกชนิดราคาถูกแบบไม่เคยเจอมาก่อน จนหลายคนท้อ เลิกทำ กันไปเยอะ มีพืชเพียงไม่กี่ชนิดหรอกที่ราคายังดีและอยู่รอดได้ค่ะ ที่สำคัญคนที่ทำเกษตรมาก่อนหน้านี้ เขาสร้างตลาดมาก่อนหน้านั้นแล้ว มันง่ายกว่าการสร้างตลาดในวันนี้เยอะค่ะ วันนี้จึงมีพืชเพียงไม่กี่ชนิดที่คนแห่ไปปลูก

แต่คนที่ปลูกพืชเดิมอยู่แล้ว เป็นเกษตรกรมาก่อนหน้านี้ หมายถึงทำเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลัก คงไม่มีใครโค่นต้นยาง ไม่มีใครโค่นมะพร้าว โค่นฝรั่ง โค่นปาล์มน้ำมัน เลิกทำนา เลิกปลูกอ้อย เลิกปลูกข้าวโพดหรืออื่นๆ ที่ปลูกมานานเพื่อเปลี่ยนมาปลูกพืชอื่นค่ะ….แต่เขาต้องหาวิธีเพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตเพื่อพยุงพืชที่เขาปลูกให้อยู่ให้ได้ …แต่คนที่ทำเกษตรเป็นอาชีพเสริม มีรายได้จากอาชีพหลัก….คุณจะปลูกอะไรก็ได้….ขายในท้องถิ่นเล็กๆ น้อยๆ พอมีรายได้เสริมบ้าง…มันทำได้ค่ะ…

2. พืชใหม่ๆ เป็นความหวังได้ไหม

เมื่อพืชเดิมๆ ที่เราปลูกเริ่มมีปัญหาด้านราคา พืชใหม่ๆ พันธุ์ใหม่ๆ ถูกปลุกกระแสให้เป็น…ความหวังใหม่…ของเกษตรกร….หน้าใหม่…เพราะเกษตรกรหน้าเก่าๆ ก็ยังเห็นเขายังอยู่กับพืชเดิมๆ ที่เขาปลูกนะ พืชใหม่ๆ พันธุ์ใหม่ๆ ถ้าจะขายเป็นแมสหรือก้าวขึ้นมาเป็นพืชตลาดคงต้องใช้เวลาอีกนาน

ดังนั้น พืชใหม่ๆ พันธุ์ใหม่ๆ จึงเหมาะกับการขายเอง ทำตลาดเอง และส่วนใหญ่ก็ขายผ่านตลาดออนไลน์กันเยอะ นั่นคือช่องทางหนึ่งของการตลาดที่น่าสนใจสำหรับคนที่ปลูกไม่มาก แต่สามารถมีรายได้ที่มากได้

แต่ลึกๆ แล้ว ค่อนข้างห่วงสำหรับคนที่จะมาปลูกพืชใหม่ๆ เพราะคนเก่งเท่านั้นที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จได้

เพราะเขาจะสามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาในด้านต่างๆ ได้ แปรรูปได้ ขายเองได้ และยิ่งเขาสามารถโปรโมตตัวเองได้มากเท่าไหร่ ความสำเร็จก็จะยิ่งมากเท่านั้น แต่มันเป็นความสำเร็จเฉพาะตัว ตลาดเฉพาะตัวที่บางครั้งเราเดินตามได้ยากค่ะ และที่น่าห่วงก็คือ สื่อหรือนักข่าวส่วนใหญ่ก็ชอบนำเสนอข่าวแบบนี้แหละ….ความสำเร็จที่สร้างแรงบันดาลใจจากพืชใหม่ๆ มุมมองใหม่ๆ….ที่ยังมองไม่เห็นเป็นรูปธรรมจริงๆ

3. รายได้จากการทำเกษตรวันนี้มาจากผลผลิตจริงๆ หรือการขายพันธุ์ 

อยากสำเร็จในอาชีพเกษตรให้เร็วในวันนี้ …ต้องขายพันธุ์…คุณทำได้ไหม
แรงบันดาลใจอย่างหนึ่งที่ทำให้หลายคนอยากมาทำเกษตรก็คือ รายได้ พอเราเห็นโพสต์ใครที่บอกลงทุนแค่ไม่กี่หมื่น รายได้เป็นแสนหรือหลายแสนเท่านั้นแหละ ความอยากมาเลยค่ะ อยากลาออกมันซะวันนี้เลย….แล้วเยอะด้วยสิ โพสต์แบบนี้….คุณลองกลับไปดูนะคะว่า..

..
– ความสำเร็จของเขาในวันนี้ ใช้เวลานานแค่ไหน คุณรอคอยเวลาความสำเร็จแบบเขาได้ไหม เพราะปลูกพืชยืนต้นอะไรก็ตาม ชนิดที่ให้ผลผลิตเร็วที่สุดก็ต้องเกือบปี …คุณรอได้ไหม….ระหว่างที่รอเวลา 1 ปี คุณจะเอารายได้มาจากไหน คุณมีเงินพอที่จะใช้จ่ายรอไหม คุณต้องหาพืชสำรองหรืออาชีพสำรองที่ทำรายได้ให้คุณได้ระหว่างที่คุณรอพืชที่คุณปลูกให้ผลผลิตค่ะ บางพืชใช้เวลานานกว่านั้น

– ในมุมมองของดิฉันนะคะ การโพสต์รายได้ส่วนใหญ่มักโพสต์รายได้ของผลผลิตรวมกับกิ่งพันธุ์ ทำให้ตัวเลขรายได้สูงมากเมื่อเทียบกับการลงทุน คุณต้องถามข้อมูลให้ชัดค่ะ ต้องประเมินรายได้จากผลผลิตที่ได้จริงๆ นั่นคือรายได้หรือผลตอบแทนจริงของพืชที่เขาปลูกค่ะ แต่ถ้าคุณอยากสำเร็จเร็ว มีเงินกลับมาเร็วต้องทำพันธุ์ขายค่ะ คุณพร้อมไหม ขายออนไลน์นี่แหละ คุณมีเพื่อนเยอะแค่ไหน คุณจะสามารถสร้างแรงจูงใจหรือดึงดูดคนที่จะมาซื้อพันธุ์คุณได้แค่ไหน ความสำเร็จของคนที่เข้าสู่วงการเกษตรส่วนหนึ่งมาจากการสร้างตัวตนให้เป็นที่รู้จักหรือมีคนติดตามมาก คุณขายได้ค่ะ คุณจะทำอย่างนี้ได้ไหม

4. คุณรู้จักพืชที่อยากปลูกดีแค่ไหน

หลายคนลืมคิดเรื่องนี้นะคะ จริงๆ มันสำคัญมากค่ะ คุณจะปลูกอะไร คุณรู้จักพืชที่คุณปลูกดีแค่ไหน แต่ละพืชมันมีจุดดีเด่นและข้อจำกัดอยู่ทุกตัวค่ะ อย่าง
-มะนาว ใช้เวลา 1 ปี หรือ ปีครึ่ง  กว่าจะได้เก็บขาย และต้องทำให้ออกนอกฤดูเท่านั้นถึงจะได้ตังค์ ถ้าทำไม่ได้ คุณต้องมาโพสต์บ่นว่า มะนาวราคาถูกจนอยากเลิกปลูก แล้วมะนาวแตกใบอ่อนทุก 45 วัน ให้คุณปวดหัวกับโรค-แมลงตลอดอายุค่ะ

-มะพร้าวน้ำหอมใช้เวลา 3 ปี กว่าจะให้ผลผลิต ถ้าลาออกมาปลูกมะพร้าวน้ำหอม เท่ากับคุณตกงานไปอีก 3 ปีค่ะ แล้วบางทีปลูกแล้วเจอหนอนเจาะยอด เจาะลำต้นตายไปทุกปีอีก

-ฝรั่ง ต้องใช้เวลา 1 ปีกว่าจะได้เก็บ ต้องตัดแต่งกิ่งเป็น ฝรั่งถึงจะดก ต้องมีแรงงานห่อถ้าคุณทำเยอะ

-กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า ใช้เวลา 1 ปี คิดอะไรไม่ออกก็ปลูกกล้วย เพราะมันง่าย แต่พอเวลาออกเครือ ไม่รู้จะขายที่ไหน

-ไผ่ ปลูกพันธุ์อะไรดี เพราะมีเยอะมาก ช่วงฤดูหน่อไม้ออกทะลักพร้อมกันทั้งประเทศ คุณต้องไปนั่งขายหน่อไม้เอง

5. หาตลาดเจอรึยัง เตรียมตลาดไว้ล่วงหน้านะ

เรื่องตลาดเขียนไปเยอะล่ะ คิดก่อนปลูกเลยว่า ปลูกแล้วจะขายที่ไหน ขายให้ใคร อย่าปลูกไปแล้วค่อยคิดนะคะ เพราะถึงวันนั้น คุณอาจต้องมากินสิ่งที่คุณปลูกจนเบื่อหรือไม่ก็…ขายได้กี่บาทก็เอา…หรือไม่ก็ปล่อยทิ้งให้เป็นอนุสรณ์แห่งความล้มเหลว

6. คุณต้องรู้ต้นทุนพืชที่จะปลูก
เพราะการทำเกษตรต้องมีทุน ก้อนใหญ่ด้วยค่ะ คุณถึงจะได้ผลตอบแทนกลับมาคุ้มกับที่คุณลงทุน ทุกพืชก่อนจะปลูกต้องรู้ต้นทุนของพืชชนิดนั้นก่อนว่าลงทุนเยอะแค่ไหนกว่าที่คุณจะได้เก็บผลผลิต เพราะกว่าจะถึงวันขาย เราไม่สามารถตอบได้ว่าเราจะขายได้ราคาเท่าไหร่ แล้วมาประเมินว่า คุณมีเงินทุนพอไหม มีความคุ้มค่าที่จะลงทุนไหม

ถ้าคุณตอบทุกคำถามได้….ลุยเลยค่ะ…ไม่ต้องลอง…

กดติดตามเพจของคุณหนึ่งฤทัย ได้ที่นี่