“จั๋ง” ไม้ประดับฟอกอากาศ รับซื้อจำหน่ายเป็นไม้ประดับ สร้างรายได้เป็นเท่าตัว

จั๋งเป็นไม้ประดับชนิดหนึ่งที่สามารถนำมาปลูกประดับตกแต่งภายในและภายนอกอาคาร เพราะด้วยความสวยงาม ทนทาน ขนาดของต้นไม่ใหญ่มากและมีความสามารถในการช่วยปรับสภาพอากาศ  ช่วยดูดไอระเหยของสารเคมีต่างๆได้ดีเท่าต้นหมากเหลือง ทำให้ต้นจั๋งได้รับความนิยมนำมาปลูกประดับตามอาคารสถานที่ต่างๆซึ่งปัจจุบันแหล่งผลิตต้นจั๋งในบ้านเรานั้นมีให้เห็นอยู่ทุกภาคของประเทศ โดยเฉพาะชุมชนหมู่บ้านแคร่ ตำบลบ้านเป้า อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง

หมู่บ้านแคร่เป็นหมู่บ้านเล็กๆตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลบ้านเป้า อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง มีชื่อเสียงและความชำนาญในเรื่องการเพาะขยายพันธุ์ต้นจั๋งที่มีคุณภาพเป็นที่รู้จักและเป็นที่ต้องการของตลาดในจังหวัดและต่างจังหวัด ซึ่งในแต่ละปีนั้นสามารถทำรายได้ให้กับชุมชนได้มากกว่ารายได้จากการปลูกพืชหลักที่ทำอยู่

 

รับซื้อจำหน่ายเป็นไม้ประดับ สร้างรายได้เป็นเท่าตัว

จั๋งเดิมที่เป็นพืชที่คนในอำเภอลองจังหวัดแพร่นำยอดอ่อนมาปรุงเป็นอาหารรับประทาน ซึ่งจะมีรสชาติขมเล็กน้อยคล้ายกับหวาย ในขณะที่คนในชุมชนมองว่าต้นจั๋งเป็นพืชที่นำมาปรุงเป็นอาหารได้นั้น คุณศรีรัตน์ วงค์สุนะได้มองเห็นว่าต้นจั๋งนั้นสามารถนำมาปลูกใส่กระถางและนำมาประดับตกแต่งเพิ่มความสวยงามตามอาคารได้อีกทางหนึ่ง

คุณศรีรัตน์ วงค์สุนะ เป็นคนลำปางที่มีอาชีพขับรถออกขายของตามต่างจังหวัด ทำให้ได้พบเห็นต้นไม้หลากหลายชนิดซึ่งรวมถึงต้นจั๋งไม้ประดับสารพัดประโยชน์ชนิดนี้

“ผมมองว่าต้นจั๋งเป็นต้นไม้ที่สามารถขุดใส่กระถางแล้วนำไปขายเป็นไม้ประดับให้กับโรงแรมหรือว่าบ้านจัดสรรได้ แต่นั้นก็เป็นเพียงความคิดที่ยังไม่รู้ว่าจะได้ทำหรือเปล่า เพราะตอนนั้นยังไม่รู้ว่าตลาดมันเป็นอย่างไร ส่งขายที่ไหน ราคาเท่าไหร่ มีคนต้องการหรือเปล่าและที่สำคัญเทคนิควิธีการปลูก ขุด ห่อ ดูแลรักษาก็ยังไม่มีในตอนนั้นทำได้แค่เพียงหยิบสมุดขึ้นมาจดบันทึกไว้ว่าเจอต้นไม้แปลกๆที่บ้านแม่ป๋าน อำเภอลอง จังหวัดแพร่ ”

หลังจากออกขายของตามต่างจังหวัดมาหลายวันคุณศรีรัตน์ก็กลับมาพักผ่อนอยู่ที่บ้านจนวันหนึ่งได้ผ่านไปแถวๆบ้านน้ำโท้งซึ่งเป็นตลาดแถวๆหนองกระทิงก็ได้เห็นต้นจั๋งอยู่บนรถปิคอัพคันหนึ่งจึงจอดรถและลงไปถามเจ้าของรถจนได้คำตอบว่าจะเอาไปส่งให้เถ้าแก่ที่สวนเนิร์สเซอรี่ในตัวจังหวัดลำปาง

“ตัดสินใจขับรถตามไปส่งของที่สวนและได้เห็นว่าที่นี้เขามีต้นไม้พักไว้เพื่อรอส่งขายเป็นจำนวนมาก นับว่าเป็นแหล่งรับชื้อที่ใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง จึงเดินไปถามเจ้าของรถปิคอัพอีกครั้งว่ารับชื้อมาต้นละเท่าไหร่และเถ้าแก่เขารับชื้อต้นเท่าไหร่ เขาก็บอกว่ารับมาจากชาวบ้านโดยซื้อเหมายกเป็นสวนซึ่งราคาก็แล้วแต่จะตกลงส่วนราคาที่เถ้าแก่เขารับชื้อนั้นจะอยู่ที่ต้นละ 10 บาท” คุณศรีรัตน์กล่าว

สอบถามราคารับชื้อและราคาขายเป็นที่เรียบร้อย เช้าวันรุ่งขึ้นคุณศรีรัตน์จึงชวนคุณอนัน ปีบ้านใหม่ อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและคุณผิน มณีวรรณออกหาชื้อต้นจั๋งเพื่อนำมาส่งขายให้กับเถ้าแก่ในตัวจังหวัดลำปาง

“ผม คุณอนันและคุณผินตระเวณหาชื้อต้นจั๋งได้ทั้งหมด 230 ลำ นำไปส่งขายให้กับเถ้าแก่ซึ่งครั้งแรกที่ไปส่งยังไม่เป็นที่พอใจของเถ้าแก่ เพราะสินค้าที่เราเอาไปส่งนั้นเรายังขุดไม่เป็น ห่อตุ้มถุงไม่เป็น ขนส่งก็ยังไม่เป็น ทำให้สินค้าเกิดความเสียหาย ใบแตก ขุดขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าจะตายหรือเปล่าแต่เถ้าแก่ก็ใจดีรับชื้อของไว้ทั้งหมดแต่มีเงื่อนไขยังไม่จ่ายเงินเพราะต้องขอดูอาการของต้นไม้ก่อนเจ็ดวัน”

“หลังจากครบกำหนดเจ็ดวันผมก็มารับเงินซึ่งตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าจะได้เงินเท่าไหร่ รับมาก็เอามานับได้ทั้งหมด 2,340 บาท นั้นก็หมายความว่าต้นไม้ที่นำมาส่งไม่มีต้นไหนที่ตาย หลังจากนั้นมาผมก็ทำการค้ากับเถ้าแก่ไปพร้อมๆกับศึกษาวิธีการขุดและห่อตุ้มถุงรวมถึงกระบวนการขนส่งจนชำนาญจากสวนเนิร์สเซอรี่”คุณศรีรัตน์กล่าว

คุณศรีรัตน์ คุณอนันและคุณผินออกตระเวณหาซื้อต้นจั๋งในเขตภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง ทั้ง แพร่ น่าน เชียงราย เชียงใหม่ ไปถึงแม่จัน  แม่สาย จนแหล่งรับชื้อเริ่มน้อยลงทำให้ราคารับชื้อเริ่มสูงขึ้นจากเดิมเป็นลำละ 5 บาท แต่ช่วงนั้นคุณศรีรัตน์และเพื่อนๆก็ยังออกหารับซื้อและนำมาส่งขายให้กับเถ้าแก่เหมือนเดิม

เป็นช่วงเศรษฐกิจไม่ค่อยดีแต่คุณศรีรัตน์และเพื่อนๆก็ยังออกหาซื้อต้นจั๋งไปขายให้กับเถ้าแก่เหมือนเดิม ซึ่งเถ้าแก่เองก็เห็นใจขึ้นราคาให้เป็นลำละ 15 บาท จนราคาสูงขึ้นถึงลำละ 60 บาท แต่เถ้าแก่ก็ยังรับซื้อ คุณศรีรัตน์และเพื่อนๆเห็นว่าราคาดีจึงเอามาปลูกเองที่หมู่บ้านพร้อมกับแนะนำส่งเสริมให้กับชาวบ้านปลูกและก็รับชื้อไปขายต่ออีกทีหนึ่ง”

 

ส่งเสริมปลูกในพื้นที่ ตลาดดีเป็นที่น่าพอใจ

ด้วยราคาที่สูงขึ้น แต่แหล่งรับชื้อเริ่มน้อยลงทำให้คุณศรีรัตน์และเพื่อนๆได้นำมาปลูกเองในหมู่บ้านโดยเริ่มปลูกในพื้นที่ของคุณผินเป็นที่แรก ซึ่งขณะนั้นเองก็มีชาวบ้านหลายคนให้ความสนใจแบ่งพื้นที่มาปลูก

“นำมาปลูกในพื้นที่พร้อมกับส่งเสริมให้ชาวบ้านในตำบลซึ่งส่วนใหญ่จะใช้พื้นที่ทำการเกษตร ปลูกถั่วลิสง ถั่วเหลือง ทำนา ซึ่งช่วงแรกที่เข้าไปส่งเสริมนั้นจะแนะนำวิธีการปลูกลงพื้นดินกลางแจ้ง โดยระยะห่างระหว่างต้นและแถวจะอยู่ประมาณ 1×1 เมตร ซึ่งการปลูกด้วยวิธีนี้จะช่วยทำให้แตกหน่อเพิ่มขึ้นและจากนั้นสามเดือนก่อนที่จะขุดขายก็จะคลุมด้วยซาแรนพร้อมกับใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 เล็กน้อยเพื่อช่วยทำให้ใบเขียว สวย มันวาว เป็นที่ต้องการของตลาดยิ่งขึ้น”

“ส่วนการดูแลรักษานั้นจะไม่ค่อยมีเพราะจั๋งเป็นพืชที่ไม่ค่อยมีโรคและแมลง ใช้พื้นที่ในการผลิตก็น้อย ทำให้ไม่ต้องดูแลมากแต่พื้นที่ที่ใช้ปลูกนั้นจะต้องเป็นดินร่วนซุยน้ำสามารถผ่านได้ดี” คุณศรีรัตน์กล่าว

หลายคนหันมาปลูกต้นจั๋งเสริมจนปัจจุบันมีพื้นที่การผลิตทั้งตำบลมากถึง 700 ไร่ ซึ่งประกอบไปด้วยหมู่บ้านแคร่ บ้านใหม่และบ้านหัวทุ่ง แต่เมื่อเทียบกับสัดส่วนพื้นที่ที่ใช้ในการผลิตพืชผลทางการเกษตรเดิมนั้นก็ยังมีปริมาณที่น้อยกว่า เพราะพื้นที่ที่ใช้ปลูกต้นจั๋งนั้นใช้ไม่มากสามารถปลูกตามพื้นที่ว่างๆบริเวณหลังบ้านหรือตามหัวไร่ปลายนาได้แต่ถ้าหากต้องการผลิตให้ได้ปริมาณที่มากๆก็ใช้พื้นที่เพียงไม่กี่ไร่ก็สามารถผลิตได้

จากการขยายพื้นที่ปลูกทำให้ปริมาณต้นจั๋งมีปริมาณเพิ่มขึ้น  ส่งผลต่อตลาดรับชื้อเดิมไม่สามารถรับซื้อได้หมด หลายคนหาตลาดเองโดยการนำสินค้าส่งเข้าไปขายในกรุงเทพฯ บางรายก็เข้าไปขายเองที่สวนจตุจักร ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

“สำหรับตลาดรับซื้อนั้น จะอยู่ที่กรุงเทพฯเป็นหลัก โดยเฉพาะที่ราบ 11 จะมีคนมารอรับซื้อและก็จะไปกระจายขายต่อตามจังหวัดต่างๆและอีกที่หนึ่งคือตลาดนัดสวนจตุจักรซึ่งส่วนใหญ่จะนำมาขายส่งให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่มีร้านประจำอยู่ บางครั้งก็มานั่งขายเอง ทำให้การขนส่งสินค้าในแต่ละครั้งต้องใช้รถในการขนส่งมากถึง 30 คัน” คุณศรีรัตน์กล่าวทิ้งท้าย

ปัจจุบันชาวบ้านตำบลบ้านเป้า อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ได้จัดตั้งกลุ่มไม้ดอกไม้ประดับรวบรวมสินค้าที่มีทั้งต้นจั๋ง ลีลาวดี ปาล์ม หมากเหลือง ฯลฯไว้จำหน่าย ท่านใดที่สนใจก็สามารถติดต่อสอบถามไปได้ที่  08-1998-3885 (คุณบุญส่ง อินคำเชื้อ) 08-1724-9202 (คุณสมัย ก๋าจารี) 08-7181-0091(คุณวร จันทร์ปัน)