ผู้เขียน | เสาวลักษณ์ สวัสดิ์กว้าน |
---|---|
เผยแพร่ |
เรื่องราวของ คุณวันเพ็ญ นิสภวาณิชย์ อายุ 46 ปี อดีตสาวแบงก์ ที่ตอนนี้ผันตัวเองมาเป็นเกษตรกรเต็มตัวที่จังหวัดลพบุรี ได้รับการนำเสนอออกสู่สายตาผู้อ่านมาตั้งแต่เมื่อราว 2 ปีที่แล้ว
ด้วยความน่าสนใจของการที่เธอละทิ้งเงินเดือนหลายหมื่นในเมืองกรุง แล้วมุ่งสู่จังหวัดลพบุรี เพื่อทำการเกษตรอินทรีย์
จนถึงปัจจุบัน สิ่งที่เธอทำกำลังไปได้สวย แถมขยายการผลิต นำผลผลิตในเรือกสวน มาแปรรูป รวมทั้ง ชักชวนเกษตรกรชาวบ้านให้มารวมกลุ่มกันทำเกษตรอินทรีย์และพร้อมที่จะเติบโตไปด้วยกัน
ย้อนกลับไปเมื่อราวปี 2536 คุณวันเพ็ญ จบการศึกษาจากคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จากนั้นได้เข้าทำงานธนาคารเป็นสาวแบงก์เต็มตัว ระหว่างทำงานศึกษาต่อปริญญาโท สาขาเอ็มบีเอ (การบริหาร) ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน และทำงานแบงก์เรื่อยมา
เธอเล่าว่า มุ่งมั่นตั้งใจมาตั้งแต่เป็นพนักงานออฟฟิศแล้วว่า จะเกษียณตัวเองจากงานประจำที่อายุ 45 ปี และความตั้งใจก็เป็นจริง เมื่อเธอได้มุ่งหน้าสู่ต.หนองบัว อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี เพื่อทำการเกษตรในที่ดิน 18 ไร่ ที่ซื้อเก็บไว้ระหว่างที่ทำงานประจำ โดยตั้งชื่อว่่า ไร่สบายจิต
เริ่มต้นด้วยการทดลองปลูกพืชผักไปเรื่อย อะไรที่ไม่ได้ผลก็ตัดทิ้งเปลี่ยนใหม่ ส่วนที่ได้ผล ก็ขายผลผลิต ขายหน่อ ขายต้น ได้เงินพอเป็นทุนรอนสำหรับการลงทุนเพิ่มผลผลิตใหม่ๆ ต่อไป
พืชที่ปลูกในช่วงแรกคือ กล้วยน้ำว้า ราว 500 ต้น มะขามเปรี้ยวยักษ์ 60 ต้น และไผ่กิมซุง หรือเรียกอีกชื่อว่าไผ่ลืมแล้งอีก 200 ต้น กล้วยน้ำว้าได้ขายผล ไผ่ขายหน่อ และขายต้นพันธุ์ที่คุณวันเพ็ญ บอกว่า พยายามเลือกท่อนพันธุ์ใหญ่ๆ สวยๆ ขายให้เกษตรกร
ระหว่างนั้น ปลูกข้าวโพด แต่ไม่ได้ผลมากนัก และมันสำปะหลัง สำหรับบริโภคในครัวเรือนที่ชาวบ้านเรียกว่า มันสำปะหลัง 5 นาที ซึ่งการปลูกพืชผลที่ผ่านมา พบว่า ข้าวโพด รวมทั้งขิง และข่าที่ทดลองปลูกแล้ว ได้ผลไม่ดีนัก จึงต้องพยายามปลูกอย่างอื่นกันต่อไป ส่วนพืชผักสวนครัวทั้ง พริก ตะไคร้ มะเขือ ได้ผลดี
“คือตั้งใจจะหยุดงานประจำตอนอายุ 45 แต่ไม่ได้ตั้งใจจะหาธุรกิจเป็นของตนเอง เพียงแต่มีแนวคิดว่า ถ้าไม่ต้องวิ่งตามภาวะเศรษฐกิจ จะทำอะไรได้บ้าง ซึ่งเราต้องมีความมั่นคงทางด้านอาหาร พลังงาน เกษตรจึงเป็นคำตอบ ดังนั้นเลยมุ่งทำตามสิ่งที่คิด เกษตรถ้าจะมั่นคง ยั่งยืน เราต้องมีน้ำ มีพลังงาน เราเลยเริ่มจากการสร้างฝาย ขุดสระ หาน้ำในไร่ หาพันธุ์พืชมาลง โดยพืชที่ลงต้องเข้ากับหุ้นส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย เรามองว่า ดิน อากาศ น้ำ คือหุ้นส่วนที่สำคัญ เริ่มต้นเราไม่รู้หรอกว่าอะไรดีไม่ดี เข้าได้หรือไม่ได้ เอาเท่าที่หาความรู้พอได้ ก็เริ่มต้นจากกล้วยน้ำว้า ไผ่ และ มะขามยักษ์ ก็ได้ผลบ้าง ตายบ้าง ที่ได้ผลก็ขาย เราขายทั้งผล ทั้งพันธุ์ (แต่กล้วยไม่ได้ขายหน่อเพราะมันขุดยาก ถ้าง่ายขายไปแล้ว ฮ่าๆๆ)” คุณวันเพ็ญ ว่าอย่างนั้น พร้อมเล่าต่ออย่างอารมณ์ดี ว่า
“แต่ด้วยมีความคิดว่า ถ้าเรามีพืชหลายอย่าง เราก็ได้กระจายความเสี่ยง ในงานแบงก์ เรียกว่า ไม่เกิด ความเสี่ยงด้านการกระจุกตัว (concentration risk) เราจึงปลูกพืชเพิ่มขึ้นหลากหลาย เช่น หมามุ่ยอินเดีย ถั่วดาวอินคา ขายทั้งผลและพันธุ์เช่นกัน และระยะเวลาของพืชที่แตกต่าง โดยระยะสั้น มีการปลูกข้าวโพด กระเจี๊ยบแดงเพิ่มเติมในบางช่วง แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะได้ผล ก็ต้องดูกันไป อย่างตอนนี้มีการปลูกมันสำปะหลัง 5 นาที ก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควร ข้าวโพดในช่วงร้อนแล้งที่ผ่านมา ก็สาหัสเช่นกัน เสียมากกว่าได้ ก็เรียนรู้กันไป ปรับกันไป”
สำหรับเหตุที่เลือกทำการเกษตรอินทรีย์นั้น คุณวันเพ็ญ ตอบว่า “ทำไมถึงทำเกษตรอินทรีย์ ต้องบอกว่า เราเชื่อว่าเกษตรอินทรีย์ปลอดภัย ทั้งเราและผู้บริโภคของเรา อีกอย่างดินที่นี่เป็นดินด่าง ถ้าใช้สารเคมี เกรงว่าดินจะแข็งกระด้าง ดังนั้นทุกอย่างในไร่จึงเป็นอินทรีย์ หรือ ออร์แกนิก
ล่าสุด เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ติดต่อไปสอบถาม ได้ความว่า เธอเริ่มนำไผ่ตงมาแปรรูป เป็นหน่อไม้ดอง อยู่ในแพ็กสวยงาม ที่สำคัญแบบที่ต้องขีดเส้นใต้คือ หน่อไม้ดองของเธอผ่านการตรวจสอบจากห้องปฏิบัติประชารัฐแล้วว่า ปลอดภัย
อย่างที่ทราบกัน หน่อไม้ดองเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมระดับหนึ่งเลย แต่สิ่งที่กังขาในใจผู้บริโภคคือ มีการผลิตที่ปลอดภัยหรือไม่
คุณวันเพ็ญ บอกว่า เนื่องจากมีหน่อไม้เยอะอยู่แล้วในสวน ช่วงที่ผลผลิตออกมามาก ราคาตก จึงนำหน่อไม้ ไปแปรรูปด้วยการดอง
ส่วนการดองที่ว่านี้ ใช้วิธีโบราณคือการดองเกลือ เกลือสมุทร
จากนั้นนำตัวอย่างสินค้าไปตรวจสอบกับห้องปฏิบัติการประชารัฐ ก็ได้ใบรับรองออกมา ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจขึ้น
ช่วงแรก เธอทำออกมาราว 10 กิโลกรัมต่อวันเท่านั้น โดยนำไปขายที่ วิสาหกิจชุมชนอาหารปลอดภัย อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี และอีกส่วนหนึ่ง นำไปขายที่กรุงเทพฯ ในราคาถุงละ 20 บาท (น้ำหนักเนื้อ 300 กรัม รวมน้ำหนักทั้งถุง 900 กรัม)
“จริงๆ เราผลิตได้เยอะกว่านี้ ถ้ามีออร์เดอร์มาล่วงหน้า คือชาวบ้านก็ปลูกไผ่กันเยอะ ก็พร้อมนำมาแปรรูป ส่วนการรวมกลุ่มกัน ก็จะมีเกษตรกรราว 20 คน ใครมีอะไรก็เอามาขาย เราก็รับซื้อแล้วไปส่งที่ ร้านวิสาหกิจ คือใครมีอะไรนิดหน่อย ก็เอามาส่ง พอเป็นรายได้กลับไปอย่าง 1 เจ้าที่เอามาส่งก็มะขาม 4 กก. ผักหวาน 4 ขีดอะไรประมาณนี้ แต่สิ่งที่เราเน้นคือ เราพยายามชักชวนให้เกษตรกรหันมาผลิตพืชผักด้วยระบบอินทรีย์ เพราะปลอดภัยต่อผู้บริโภค และที่สำคัญปลอดภัยต่อตัวเกษตรกรเองด้วย” คุณวันเพ็ญ ว่าอย่างนั้น
อ่านถึงตรงนี้ ใครสนใจหน่อไม้ดองปลอดภัย มาจากไผ่ออร์แกนิก ติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 094-894-5156 หรือเข้าไปติดตามเธอได้ที่เฟซบุ๊ก เพจไร่สบายจิต
ขอบคุณภาพจากเพจ ไร่สบายจิต