ผู้เขียน | ทีมข่าว เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
กล้วยน้ำว้ายักษ์ จากไร่พัชชา จ.ราชบุรี มี “อาจารย์พัชนี ตุษยะเดช” เป็นเจ้าของ

แม้ว่า ช่วงนี้ กล้วยน้ำว้า ทั่วไป ราคาจะตก แต่ กล้วยน้ำว้ายักษ์ ยังขายได้ในราคา 40 บาทต่อหวี
ด้วยขนาดที่ใหญ่โต น้ำหนักต่อหวี เกือบ 4 กก. ซึ่งรูปทรงขนาดนี้ อ.พัชนี บอกว่า นำไปขาย ทำตลาดกล้วยไหว้เจ้าได้สบาย

อาจารย์พัชนี เล่าให้ฟังว่า ตัวเองไม่ได้เป็นเกษตรกรชาวสวนเต็มตัว แต่จุดเริ่มต้นที่มาถึงวันนี้ได้เพราะมีความชอบสะสมที่ดิน แต่เดิมที่ดินแปลงที่ปลูกกล้วยน้ำว้าอยู่นี้ชาวบ้านเคยปลูกมันสำปะหลังอยู่ก่อน แล้วตัวดิฉันก็รับช่วงปลูกด้วยเช่นกัน แต่หลังจากปลูกไปแล้วปรากฏว่าขาดทุนยับเยิน เลยเปลี่ยนมาปลูกข้าวโพดก็ไม่สำเร็จ หรือไปปลูกอ้อยก็ไม่สำเร็จเช่นกัน
จึงกลับมาทบทวนดูว่าการทำเกษตรกรรมตามแนวทางเดิมคงไม่ประสบความสำเร็จ อีกทั้งยังต้องผ่านคนกลางด้วย จากนั้นมองว่าควรจะปลูกอะไรดี ก็เห็นว่าที่ดินของเรามีน้ำสมบูรณ์จึงควรลองไปซื้อกล้วยพันธุ์มะลิอ่องเนื้อเยื่อที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ราคาต้นละ 40 บาทมาปลูก คราวที่เริ่มต้นปลูกจำนวนพันกว่าต้น
เมื่อมีผลผลิตเกิดขึ้นก็มีพ่อค้าเข้ามารับซื้อในสวนในราคาหวีละ 7-10 บาท ในเครือหนึ่งมีประมาณ 10 หวี พอหักแล้วได้กำไรตกเครือละร้อยกว่าบาท กลับมาคิดว่าแล้วมันจะคุ้มค่าไหม แต่ในที่สุดก็ต้องทำต่อไป
กระทั่งมาพบ คุณลออ ท่านเป็นข้าราชการซี 8 ปลูกกล้วยอยู่แถวจังหวัดกาญจนบุรี แล้วมาที่สวนดิฉันเพื่อต้องการซื้อหน่อมะลิอ่อง แต่เราไม่มีจึงพาไปหาซื้อพันธุ์มะลิอ่องให้คุณลออ หลังจากนั้นอีก 8 เดือน กลับไปเยี่ยมเยียนคุณลออที่บ้าน พบว่ากล้วยมะลิอ่องที่ปลูกคราวนั้นมีขนาดผล หวีใหญ่มาก ก็เลยขอแบ่งหน่อมาปลูก จนพบว่าได้ผลดีมีขนาดใหญ่ จากนั้นจึงตัดสินใจขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเนื้อเยื่อ ทั้งนี้ กล้วยน้ำว้ายักษ์พันธุ์นี้ถ้ามีความสมบูรณ์เต็มที่จะมีน้ำหนักเครือละประมาณ 65 กิโลกรัม หรือตกหวีละประมาณ 5-6 กิโลกรัม
อาจารย์พัชนี ชี้ว่า กล้วยน้ำว้ายักษ์ที่ปลูกทุกวันนี้ดูแลการปลูกตามปกติ ไม่ได้ใส่อะไรลงไปพิเศษ แต่เป็นเพราะเกิดจากสายพันธุ์นี้มีขนาดใหญ่ จึงกลายพันธุ์มาเป็นกล้วยน้ำว้ายักษ์ ถ้าหากนำไปปลูกแถวนครปฐมหรือสุพรรณบุรี ซึ่งมีคุณภาพดินสมบูรณ์มากอาจได้น้ำหนักถึง 5 กิโลกรัม ต่อหวี แต่จากการที่สวนเคยปลูกมันสำปะหลังมาก่อนก็เลยได้น้ำหนักเพียง 4 กิโลกรัม ต่อหวี เท่านั้น ซึ่งถ้าดูที่จำนวนผลผลิตก็ได้มากอยู่ แต่คุณภาพยังไม่พอใจนัก และราคาก็ไม่ลดลงเพราะขายอยู่ที่หวีละ 50-60 บาท เนื่องจากมีขนาดผลใหญ่
อาจารย์พัชนี เผยในเรืื่องการลงทุนว่า การลงทุนซื้อหน่อพันธุ์ และค่าปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์ มีการลงทุนตกไร่ละ 6,000 บาท (ปลูกระยะห่าง 4 คูณ 4 เมตร เนื่องต้น ต้นมีขนาดใหญ่)
“กล้วยที่ปลูกในสวนจะมีผลขนาดใหญ่ รสหวาน มีเนื้อเหนียวเหมือนกล้วยสวนโบราณ ซึ่งสามารถพิสูจน์เปรียบเทียบกับกล้วยมะลิอ่องที่บางกระทุ่มได้ ทั้งนี้ ได้มีการทดสอบรสชาติแล้ว โดยมีการสั่งซื้อไปทำกล้วยตาก นอกจากนั้น ยังเหมาะกับการทำกล้วยบวดชี”


“ช่วงที่หน่อออกมา มีประเทศเขมรต้องการสั่งซื้อทั้งผลผลิตและหน่อพันธุ์จำนวนมาก โดยก่อนหน้านี้ขายราคา หน่อละ 100 บาท เป็นหน่อกล้วย จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ แต่ตอนนี้ ล่าสุด ราคาลดลงมา เหลือหน่อละ 60 บาท แล้ว” อ.พัชนี กล่าว
สอบถามรายละเอียดกล้วยน้ำว้า “มะลิอ่องยักษ์” ได้ที่ อาจารย์พัชนี ตุษยะเดช โทรศัพท์ (086) 128-8000 หรือ (084) 527-9000