ผู้เขียน | เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
กับการใช้ชีวิตเร่งรีบในสังคมเมืองหลวง ส่งผลให้ คุณพันดนัย สถาวรมณี หนุ่มวัย 29 ปี มองหาอาชีพที่จะทำให้ได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และสร้างความยั่งยืน
กระทั่งได้พูดคุยกับพี่ชาย คุณมิตรดนัย สถาวรมณี ซึ่งขณะนั้นเปิดบริษัทผลิตจำหน่ายปุ๋ย โดยมีโรงงานอยู่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ผู้มีความฝันเดียวกันคือ ต้องการสร้างอาชีพนำไปสู่ความยั่งยืน และเป็นอาชีพที่สร้างสุขได้ทุกขณะ และด้วยความคลุกคลีอยู่กับงานด้านการเกษตร สิ่งหนึ่งที่เขาพบคือ ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม แต่ทว่าผู้อยู่ในเส้นทางสายเกษตร หรือ เกษตรกร นั้นกลับมีอายุ 50 ปีขึ้นไป
คนรุ่นใหม่ไม่สนใจอาชีพนี้แล้วหรือ? และจะทำอย่างไรให้เขาเห็นว่า ภาคเกษตร สามารถเลี้ยงตัวเองให้เติบโตได้
หนีปัญหาวุ่นวาย แรงบันดาลใจเกษตร
จากปัญหาดังกล่าวนำมาสู่ CORO FIELD (โคโรฟิลด์) ธุรกิจเกษตร และฟาร์มท่องเที่ยวเกษตรแนวคิดใหม่สไตล์ญี่ปุ่น ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อตัวเองและส่วนรวม โดยเฉพาะกับการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เดินทางเข้ามา ให้หันหาอาชีพของบรรพบุรุษ
“จุดเริ่มต้นของผมอาจมาจากปัญหาส่วนตัว เพราะผมทำงานอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ด้วยชีวิตในเมืองเร่งรีบจนดูวุ่นวายไปหมด ผมต้องการธรรมชาติ” คุณพันดนัย เริ่มเล่าถึงปัญหาที่ตนเองเผชิญ
จากนั้น คุณมิตรดนัย ได้กล่าวถึงสิ่งที่ตนเองมองเห็น โดยเริ่มจากปัญหาของตนเองก่อน “ก่อนมาเริ่มทำธุรกิจปุ๋ย ผมไม่มีความถนัด แต่พอทำมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ปีที่ 8 แล้ว ความเชี่ยวชาญก็เกิดขึ้น ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า เราทำธุรกิจย่อมมีความเครียด เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับเราตัดสินใจ ทุกฝ่ายต้องเข้ามาขอคำปรึกษา
จนวันหนึ่ง ผมอยากนำเวลาว่างทั้งหมดมาสู่อาชีพที่ตื่นเช้ามาก็อยากจะทำ และความเชี่ยวชาญทางด้านการเกษตรก็เป็นสิ่งที่นึกถึง บวกกับได้เห็นเกษตรกรในวันนี้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ผมคิดว่าถ้าคนรุ่นใหม่ไม่เข้ามาสานต่ออาชีพนี้ อนาคตจะเป็นเช่นไร”
จากปัญหานำมาซึ่งการลงมือทำ วางแผนไปสู่เส้นทางที่ตนเองตั้งมั่น นั่นคือความยั่งยืน เขาใช้เวลาเดินทางไปศึกษาดูงานด้านเกษตรกรรมกับฟาร์มชื่อดังแทบจะทุกแห่งในเอเชีย จากนั้นก็นำกลับมาทดลอง ทำเช่นนี้อยู่ราว 3 ปี จึงเริ่มมั่นใจพร้อมสร้างรูปธรรมแบบเต็มตัวในชื่อ โคโรฟิลด์
เมล่อนระดับโลก ปลูกได้โดยคนไทย
ความยาก อันถือเป็นปัญหาเริ่มต้นของโคโรฟิลด์ คือสภาพดินเสื่อม ขาดน้ำ ดังนั้น จึงต้องหาวิธีแก้ โดยสำรวจแหล่งน้ำ ซึ่งบนพื้นที่ทั้งหมด 104 ไร่ พบตาน้ำ 12 ตา ที่ความลึกประมาณ 70-150 เมตร โดยเลือกขุด 3 แห่ง กับความลึกแต่ละบ่อประมาณ 115-130 เมตร
โคโรฟิลด์ ไม่ใช่แค่ฟาร์มเกษตร แต่ทว่าจุดเป้าหมายวางไว้แต่ต้นคือ สร้างให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเกษตร และเป็นสถานที่ปลุกแรงบันดาลใจให้กับผู้มาเยือน ฉะนั้น การเก็บเงินค่าเข้าชม จึงไม่มี และยินดีให้คำแนะนำแบบเต็มกำลังความรู้
โคโรฟิลด์ แยกส่วนไว้หลักๆ คือ ฟาร์มเกษตร ที่ไม่มีใครในประเทศไทยเหมือน โดยเลือกนำพืชผลแต่เดิมต้องนำเข้าผลผลิตจากต่างประเทศมาจำหน่าย อย่าง เมล่อนพันธุ์ดังจากประเทศญี่ปุ่น คือ โทมิ เมล่อน ผลสีทอง เนื้อหวานกรอบนุ่มละมุน
ส่วนสายพันธุ์ที่เรียกเสียงฮือฮา สุดยอดเมล่อน หนึ่งในผลไม้แพงที่สุดในโลก ได้แก่ Shizuoka Musk Melon Limited Edition ที่มีผลผลิตออกมาพร้อมจำหน่ายในรอบแรก 888 ผล และมีคนสั่งจองไว้หมดแล้ว กับราคาผลละ 2,888 บาท และสายพันธุ์นี้ยังได้นำขึ้นจัดประมูลไปเมื่อไม่นานนี้เอง ซึ่งผู้ประมูลได้ไปในราคา 15,000 บาท!!!
และอีกสายพันธุ์หนึ่งที่กำลังให้ผลผลิตครบรอบการตัดจำหน่ายในรอบแรก คือ King of Melon เป็นสายพันธุ์ Musk Melon เช่นกัน กับราคาจำหน่ายที่ผลละ 1,500 บาท
นอกจากนั้นยังมีพืชผลอีกหลายชนิดนำเข้ามาปลูกจากต่างประเทศ และที่ได้รับเสียงตอบรับดี อาทิ มะเขือเทศ Marble Red, Golden Plum จากประเทศฮอลแลนด์ และ Orange Pearl, Scarlet จากประเทศญี่ปุ่น
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมี มันเทศ ถั่วแระญี่ปุ่น ผักสลัด แตงกวาญี่ปุ่น เบบี้แคร์รอต และอีกหลายชนิดที่เลือกนำมาปลูก
เลี้ยงดูด้วยน้ำแร่ คุณภาพเกินคาด
“ผลผลิตของโคโรฟิลด์ ถือว่าคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ดีเทียบเท่าต้นกำเนิดเลย อย่าง เมล่อน สามารถทำความหวานได้ประมาณ 18.5 องศาบริกซ์ มากกว่าในประเทศญี่ปุ่นอีก เนื้อกรอบ นุ่ม กลิ่นหอม ซึ่งตอนแรกเราก็ประหลาดใจเพราะว่าคุณภาพเกินจากที่คาดไว้อีก กระทั่งค้นหาสาเหตุจนเจอว่า แหล่งน้ำที่เราขุดขึ้นมาใช้นั้น เป็นน้ำแร่”
ด้วยเพราะชื่อเสียงของเมล่อนเป็นที่โจทย์ขานของนักท่องเที่ยว หลายคนจึงมองว่า โคโรฟิลด์ คือ เมล่อน แต่ทว่าในความจริง มีพืชผลหลายชนิดที่นำมาปลูกและให้ผลผลิตดี ดังที่ผู้ประกอบการทั้งสองกำหนดให้ โคโรฟิลด์ คือ ไลฟ์สไตล์ฟาร์มมิ่ง
“โคโรฟิลด์ เน้นพืชที่ปกติต้องนำเข้าผลผลิตมาจำหน่าย คือไม่มีหรือปลูกยากในไทย แม้กระทั่งระบบเทคโนโลยีก็นำเข้าจากประเทศอิสราเอล ทุกอย่างจึงต้องใช้เวลาทดลอง อย่างเมล่อนทดลอง 10 กว่าชนิด แต่ลงตัวกับ 3 พันธุ์ที่ได้กล่าวมา และด้วยโจทย์ของเรา ต้องการสร้างให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเกษตร ฉะนั้น ต้องไม่มีใครมีแบบเราในโลกใบนี้”
ด้วยเพราะถูกจริตกับความเป็นญี่ปุ่น จึงสื่อสารออกมาในรูปแบบที่ให้บรรยากาศฟาร์มสไตล์ญี่ปุ่น
“เราให้ความสำคัญกับเวลา ดังความหมายของ CORO ที่แปลว่า เวลา ฉะนั้นถ้ามองในวิถีพุทธ คือวิธีการสร้างสติ และสมาธิ ทุกคนที่เข้ามาแล้วสามารถใช้เวลาอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ได้ โดยไม่ต้องรีบเร่ง เพราะเราไม่เก็บค่าเข้าชม จริงๆ แล้วเราต้องการให้คนในพื้นที่ คนย่านนี้ ได้จูงลูกหลานมาเที่ยวกันนะ เหมือนเป็นสถานที่พักผ่อน”
ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ช็อป ชิม อิ่มกิจกรรม
กับการสร้างให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว จึงมองถึงความครบวงจร ทั้งในส่วนของร้านอาหารและเครื่องดื่มโดยแต่ละเมนูมีหัวใจหลักคือวัตถุดิบภายในฟาร์ม อาทิ สมูธตี้เมล่อนเย็นฉ่ำที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบตามชอบ ไอศกรีมโยเกิร์ตเมล่อน รวมถึงของว่าง อาหารหลัก ก็มีไว้บริการมากมาย ซึ่งกับการรังสรรค์เมนูนี้โดยเชฟระดับแชมป์
นอกจากร้านอาหารแล้ว ยังแบ่งส่วนเป็นร้านจำหน่ายของฝาก สินค้าหลักๆ ได้แก่ พืชผลในฟาร์ม รวมไปถึงพืชผลทางการเกษตรชื่อเสียงดีในอำเภอสวนผึ้ง อย่าง สับปะรด และนอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป และของที่ระลึกอีกหลากหลายรายการ
ส่วนต่อมายังได้จัดให้มีพื้นที่ในการสร้างกิจกรรม ซึ่งในแต่ละฤดูกาลจะมีปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม ทั้งร่วมกันปลูกผัก เก็บผลผลิต รับอุปถัมภ์ต้นไม้ เขียนคำอวยพร ส่วนค่าใช้จ่ายนั้นก็จะมีทั้งแบบไม่เรียกเก็บ กับเรียกเก็บในราคาที่นักท่องเที่ยวพึงพอใจ
ย้อนถามถึงผลผลิตที่ได้ กับช่องทางจำหน่าย ทั้ง 2 ผู้ประกอบการ ว่า ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงวันนี้หน้าร้านภายในฟาร์มคือพื้นที่จำหน่ายสินค้าหลักแห่งเดียว โดยผลผลิตนำออกมาจำหน่าย ยกตัวอย่าง เมล่อน ปีหนึ่งประมาณ 70,000 ผล
“ก็จะมีทั้งขายผลสดที่ลูกค้าซื้อติดไม้ติดมือกลับไปบ้าน และไปเป็นของฝาก สัดส่วนยอดขายก็ประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้นนำมาแปรรูปเป็นเมนูต่างๆ ภายในร้าน ซึ่งการแปรรูปของเราจะต้องผ่านกระบวนการปรุงน้อยที่สุด เพื่อให้ได้ความสด และคุณค่ายังคงอยู่มากที่สุด”
เตรียมรุกตลาด จับตลาดคนกรุง
กับพื้นที่ปลูกเมล่อนประมาณ 30 ไร่ ที่ได้รับการขยับขยาย บวกกับความเสถียรในด้านการปลูกที่อาจเรียกได้ว่าแม้ผ่านมา 1 ปีกว่าๆ แต่ก็เรียกได้ว่าเชี่ยวชาญ จึงวางแผนทำตลาดเพิ่มไปยังพื้นที่ในกรุงเทพฯ ทั้งที่จะนำผลผลิตสดอย่างเมล่อน ไปจำหน่ายยัง Villa Market ประเดิม 2 สาขาแรก ทองหล่อ และอารีย์ กับพันธุ์ King of Melon ในราคาลูกละ 1,500 บาท
“ตอนที่เริ่มเปิดฟาร์มใหม่ๆ ต้องเรียกว่าทุกห้างสรรพสินค้าเดินเข้ามาติดต่อ เพื่อจะนำผลผลิตไปจำหน่าย แต่ทว่าด้วยผลผลิตออกมาไม่มาก จึงเลือกให้ผู้เข้ามาภายในโคโรฟิลด์ ได้ซื้อหากันอย่างทั่วถึง แต่มาวันนี้เราพร้อมแล้วกับการก้าวไปสู่ตลาดกรุงเทพฯ นอกจากส่งจำหน่ายผลสด ยังวางแผนปีหน้า (2560) เปิดร้านอาหารและเครื่องดื่มในแบรนด์ใหม่ภายใต้ โคโรฟิลด์ โดยมองทำเลไว้ที่ เอสพลานาด รัชดา”
จากข้อได้เปรียบที่หลายคนมองว่า โคโรฟิลด์ สามารถเติบโตได้เร็วเพราะพื้นที่อยู่ในสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งนั่นอาจปฏิเสธไม่ได้ แต่ทว่าการก้าวไปสู่ตลาดนอกพื้นที่ก็ถือเป็นความท้าทาย ที่ทั้งสองว่าจะทำให้ได้ ตามแผนที่ได้วางไว้
“การตั้งโจทย์ของเราคือ ทำให้โคโรฟิลด์ ที่แม้จะไปตั้งอยู่ที่ไหนก็สามารถโตได้ เราจึงเลือกมองทำเลเปิดร้านในกรุงเทพฯ เราต้องการให้คนรู้จักเรื่องราวของเรา ฉะนั้น การเปิดร้านคือวิธีสื่อสารได้โดยตรง”
มองสิ่งที่แตกต่าง สร้างสิ่งที่เป็นเรา
กับการลงทุนที่มีตัวเลขนับ 10 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่สูง และหลายคนอาจมองว่า ถ้ามีเงินจึงจะทำได้ แต่ทว่าในมุมมองของ 2 หนุ่มคนขยัน กลับคิดว่า ภาคเกษตรกรรมนั้นสามารถทำได้ ในงบประมาณไม่มาก และไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่ดังเช่นตนเอง
“เราไม่อยากพูดถึงเงินลงทุน เพราะไม่อย่างนั้นพอคนรับรู้ก็จะสรุปว่าไม่มีเงินทำไม่ได้ แต่ในความจริง คุณมี 10 บาท ก็สามารถทำ 10 บาทให้เจ๋งได้นะ เพียงแต่ต้องทำตามกำลังให้เต็มที่ ทำในแบบของเราเอง อย่าตามเทรนด์ไม่นั้นอยู่ยาก เพราะต้องเปลี่ยนไปเรื่อย หาตัวตนไม่เจอ
ฉะนั้น ข้อสรุปหากสนใจอาชีพเกษตรกรรมจริง ผมอยากให้ดูก่อนว่ามีเงินเท่าไหร่ ตัวตนของเราเป็นแบบไหน พ่อแม่เคยทำเกษตรด้านใดมาก่อน เอาสิ่งเหล่านี้มาหลอมรวมกัน เพื่อหาตัวเองให้เจอ โดยไม่ต้องแคร์ว่าโลกนี้ต้องการตลาดแบบไหน อย่าง โคโรฟิลด์ ไม่เคยดูเลยว่าราคาสินค้าในตลาดเปลี่ยนไปอย่างไร เรายืนยันจะทำอย่างนี้ ขายในราคาเท่านี้ ฉะนั้นถ้าทำสิ่งที่เป็นตัวเรา คนจะเห็นคุณค่าเอง เป็นแบรนด์ของคุณ เป็นความยั่งยืน”
ทั้ง 2 ผู้ประกอบการ ยังกล่าวทิ้งท้าย หากใครสนใจเดินสู่เส้นทางสายเกษตรกรรม สามารถเดินทางเข้ามาพูดคุย สร้างความช่วยเหลือร่วมกัน เพื่อให้ภาคเกษตรกรรม ได้มีคนรุ่นใหม่ได้สานต่อ
บริษัท โคโร บราเธอร์ จำกัด เลขที่ 117 หมู่ 5 ตำบลท่าเคย อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี โทรศัพท์ (081) 353 -3873
www.corofield.com, www.facebook/corofieldTH หรือ IG : corofield