ไปดูตัวอย่างการเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุย ต้นทุนต่ำ ที่สระบุรี

ปลาดุกบิ๊กอุย เป็นปลาลูกผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างปลาดุกอุยเพศเมีย และปลาดุกเทศเพศผู้ ซึ่งการขยายพันธุ์ของปลา 2 ชนิดนี้ ลูกพันธุ์ที่ได้ออกมามีอัตราการเจริญเติบโตที่ดี มีความทนทานต่อโรคสูง จึงได้มีการเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย รวมไปถึง คุณประเทือง มานะกุล อยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ที่ ตำบลวังม่วง อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี ก็ได้ริเริ่มเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุยเพื่อเป็นงานสร้างรายได้ให้กับเขาด้วยเช่นกัน โดยเน้นการเลี้ยงแบบให้มีต้นทุนต่ำ จึงทำให้เมื่อเกิดสภาวะราคาตกลงที่ฟาร์มของคุณประเทืองก็ยังคงสภาพการเลี้ยงที่สร้างกำไรอยู่ได้

คุณประเทือง มานะกุล และภรรยา

เกษตรกรโคนม ผู้ไม่หยุดพัฒนาความรู้

คุณประเทือง เล่าให้ฟังว่า เขาเองประกอบอาชีพเลี้ยงโคนมเป็นอาชีพหลัก ต่อมาประมาณ ปี 2554 ได้มีโอกาสเห็นน้องเช่าบ่อสำหรับเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุยอยู่บริเวณบ้าน จึงเกิดความสนใจที่อยากจะทดลองเลี้ยง จึงได้ขุดบ่อทดลองเลี้ยงในช่วงแรก 1 บ่อ เพื่อที่จะได้ศึกษาและทดลองว่าจะสามารถเลี้ยงปลาชนิดนี้ได้หรือไม่ ปรากฏว่าผลตอบแทนที่ได้รับค่อนข้างดี จึงเกิดกำลังใจที่จะทำต่อไปให้มากขึ้น ทำให้มีการขุดบ่อเลี้ยงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเน้นนำกำไรที่ได้มาลงทุน

“ช่วงแรกนี่ เราไม่ได้ทำอะไรแบบลงทุนครั้งเดียว แต่จะเน้นนำผลกำไรที่ได้มาขยับขยายการเลี้ยง ได้กำไรครั้ง ก็ขุดบ่อครั้ง จึงทำให้ไม่ได้ใช้ต้นทุนมากในการเริ่มต้น ซึ่งช่วงนั้นดินที่นี่ค่อนข้างจะเป็นดินผสมลูกรัง จึงทำให้มีปัญหาในเรื่องของก้นบ่อ ช่วงนั้นเราก็ศึกษาอ่านหนังสือบ้าง ว่าวิธีการแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร ก็คือ การใส่ขี้วัวลงไปที่ก้นบ่อ ก็จะช่วยให้เกิดตะไคร่น้ำ ช่วยในเรื่องของดินลูกรังที่ก้นบ่อได้ พอถึงช่วงที่พักบ่อ เราก็สามารถนำดินก้นบ่อขายต่อให้กับคนที่ทำเกษตรต่อไปได้” คุณประเทือง เล่าถึงที่มา

จากความสำเร็จของการเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุยในครั้งนี้ จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งงานที่สร้างรายได้ให้กับเขา โดยที่ทำควบคู่ไปกับการเลี้ยงโคนมที่มีอยู่เดิมอย่างลงตัว ไม่มีอะไรติดขัด เรียกง่ายๆ ว่า เป็นเกษตรกรที่มือขึ้นในเรื่องของการเลี้ยงสัตว์กันเลยทีเดียว

บ่อเลี้ยง ขนาด 1 ไร่

เน้นเลี้ยงให้อาหาร แบบประหยัดต้นทุน

คุณประเทือง เล่าถึงเรื่องการเลี้ยงว่า ปลาดุกบิ๊กอุยเมื่อเทียบกับปลาบางชนิด ราคาที่จำหน่ายอาจไม่ได้สูงมากอย่างที่คิด ดังนั้น เกษตรกรผู้เลี้ยงจึงจำเป็นต้องเลี้ยงแบบประหยัดต้นทุนให้ได้มากที่สุด โดยสิ่งที่ควรควบคุมคือเรื่องของต้นทุนอาหาร ถ้ามีการจัดการที่ดี ก็จะทำให้ได้ผลกำไรจากการเลี้ยงอย่างแน่นอน

โดยขั้นตอนของการเตรียมบ่อนั้น คุณประเทือง บอกว่า จะใช้ปูนขาวหว่านให้ทั่วบริเวณก้นบ่อ จากนั้นใส่ขี้วัวลงไปในบ่อด้วย ถ้าหากเป็นบ่อเก่าไม่จำเป็นต้องใส่ขี้วัวเพิ่มลงไป โดยบ่อที่ใช้เลี้ยงจะมีขนาด 1 ไร่ ความลึกอยู่ที่ 2-4 เมตร ปล่อยปลาดุกบิ๊กอุยเลี้ยงอยู่ที่ 150,000 ตัว ต่อบ่อ

การนำมาแปรรูปเพิ่มมูลค่า

“ช่วงแรกที่เลี้ยงจะให้อาหารกบกินก่อน เป็นอาหารเม็ดเล็กที่มีเปอร์เซ็นต์โปรตีนอยู่ที่ 32 เพราะลูกปลาที่อยู่ในบ่อจะเป็นลูกปลาไซซ์ 3-4 นิ้ว ตัวยังไม่ใหญ่มาก ในช่วงนี้ก็จะเติมน้ำลงไปแบบพอดี ไม่ต้องใส่ให้เต็ม ให้กินอยู่ประมาณนี้ 5-6 วัน ก็จะเปลี่ยนอาหารเป็นพวกไก่บด ที่มีส่วนผสมของกระดูกแข้งไก่ แป้งสาลี เศษขนมปัง บดให้เข้ากัน ให้กินมื้อเดียวต่อวันในช่วงเย็น แบบนี้ทุกวันจนกว่าปลาจะได้ไซซ์ขนาดที่ขายได้ ส่วนน้ำก็ค่อยๆ เติมลงไป โดยดูขนาดไซซ์ของปลาว่าใหญ่มากขึ้นเท่าไร” คุณประเทือง บอก

ในเรื่องของโรคที่เกิดจากการเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุยนั้น คุณประเทือง บอกว่า ยังไม่พบปัญหาในเรื่องนี้ถึงขั้นทำให้เสียหาย เพราะการเลี้ยงใหม่ทุกครั้งจะเปลี่ยนน้ำใหม่ใส่ลงไปภายในบ่อ พร้อมกับมีการเตรียมบ่อที่ดี จึงเป็นการช่วยลดปัญหาในเรื่องของการสะสมโรคได้ เพราะฉะนั้นน้ำจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเลี้ยงประสบผลสำเร็จได้ดี

ซึ่งระยะเวลาการเลี้ยงจนกว่าจะจับจำหน่าย ใช้เวลาเลี้ยงอยู่ที่ประมาณ 4-5 เดือน ก็ส่งให้กับผู้ที่มารับซื้อ โดยขนาดไซซ์ของปลาก็จะมีแตกต่างกันออกไป ทำให้ราคาของการทำตลาดหลากหลายราคาตามไปด้วย

การบดอาหาร

มีพ่อค้าคนกลาง มารับซื้อถึงหน้าบ่อ

ในเรื่องของการทำตลาดจำหน่ายปลาดุกบิ๊กอุยนั้น คุณประเทือง บอกว่า ไม่มีความหนักใจมากนัก เพราะจะมีพ่อค้ามาติดต่อรับซื้อถึงที่บ่อกันเลยทีเดียว โดยช่วงที่ตลาดมีความต้องการปลามากจะใช้เวลาเลี้ยงอยู่ที่ประมาณ 4 เดือน แต่ถ้าช่วงตลาดชะลอตัว ก็จะลากการเลี้ยงยาวไปถึง 5 เดือน

โดยราคาจะมีขึ้นลงได้ตามกลไกของตลาด แต่สำหรับฟาร์มเลี้ยงของคุณประเทืองนั้น ไม่กังวลในเรื่องของการปรับตัวขึ้นลงของราคา เพราะได้เลี้ยงแบบประหยัดต้นทุนเตรียมไว้ จึงทำให้ถึงแม้ช่วงที่ราคาตลาดปรับตัวลดลงก็ยังสามารถสร้างกำไรได้เป็นอย่างดี

“ต้นทุนการผลิตฟาร์มผมอยู่ที่ 16 บาท ช่วงที่ราคาปลาลงมาอยู่ที่ 20 บาท ต่อกิโลกรัม เราก็ยังพอมีกำไร ซึ่งการหาอาหารให้ปลากิน เราก็จะพยายามไปรับเอง นำมาบดผสมเอง ก็จะยิ่งช่วยทำให้ต้นทุนที่ถูกลงได้มากขึ้น และที่สำคัญการทำตลาดที่ดี จะต้องเลี้ยงให้ปลามีส่งขายต่อเนื่อง ซึ่งที่ฟาร์มจะจับขายเดือนละ 2 บ่อ เพราะวางแผนการเลี้ยงให้มีปลาหมุนเวียนได้ตลอด ทุกครั้งเวลาที่ตลาดมีความต้องการ แล้วเราสามารถทำเรื่องตลาดได้ ก็จะช่วยให้ตลาดไม่หายและเป็นคู่ค้าที่ดีต่อกันไปได้นาน” คุณประเทือง บอกถึงหลักการตลาด

เศษไก่ที่นำมาบดตามสูตร

ซึ่งราคาจำหน่ายปลาดุกบิ๊กอุย แบ่งออกไปตามขนาดไซซ์ โดยไซซ์จัมโบ้ ราคาอยู่ที่ กิโลกรัมละ 22 บาท ไซซ์ขนาดสำหรับย่างเค็ม อยู่ที่กิโลกรัมละ 25 บาท และไซซ์ขนาดที่ลดลงไปกว่า 2 ไซซ์ข้างต้น จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 20 บาท โดยบ่อขนาด 1 ไร่ ที่ปล่อยปลาดุกบิ๊กอุยอยู่ 150,000 ตัว สามารถจับปลาจำหน่ายได้เฉลี่ย 40-45 ตัน ต่อบ่อ

ปลาดุกบิ๊กอุย

จากความสำเร็จของการเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุย คุณประเทือง เล่าว่า เกิดจากการวางแผนในทุกด้านให้รอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของลูกพันธุ์ปลา ตลาด ไปจนถึงเรื่องการทำต้นทุนอาหารให้ถูกลง และสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่แพ้กันคือ เรื่องของคุณภาพน้ำ ที่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ปลาเจริญเติบโตได้ดีและปราศจากโรค

การคัดขนาดไซซ์

“การที่จะประกอบอาชีพทางด้านนี้ อยากจะบอกว่าให้จัดการเรื่องของเงินทุนให้ดี คือเวลาขยับขยายพยายามใช้เงินเราเอง อย่าเน้นกู้ยืมมาลงทุน เพราะจะทำให้เสี่ยง และลำดับรองลงมาคือ เรื่องการเลี้ยง ควรรู้วิธีการเลี้ยง ศึกษาจากผู้ที่ประสบผลสำเร็จให้มากๆ เพราะความรู้เหล่านั้นจะช่วยให้เราผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้ ต่อไปประสบการณ์ของการเลี้ยงจะช่วยสอนเอง ส่วนแหล่งซื้อลูกพันธุ์ปลาต้องเป็นแหล่งที่เชื่อถือได้ ขายพันธุ์ที่ดีมีคุณภาพให้เรา และที่สำคัญสุดท้ายคือ เรื่องอาหารและน้ำ เราต้องมีให้ปลาอยู่เสมอ เพราะน้ำกับอาหารเป็นสิ่งที่ปลาขาดไม่ได้ ยิ่งอาหารดี น้ำดี การเลี้ยงก็จะช่วยให้ประสบผลสำเร็จได้มากยิ่งขึ้น” คุณประเทือง กล่าวแนะนำ

การจับส่งจำหน่าย

สำหรับท่านใดที่สนใจการเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุยแบบประหยัดต้นทุน และสนใจที่อยากจะศึกษาวิธีการเลี้ยงในขั้นตอนต่างๆ คุณประเทือง บอกว่า ยินดีให้คำปรึกษา ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณประเทือง มานะกุล หมายเลขโทรศัพท์ (0813650634