ปลูกกล้วยน้้ำว้ายังไงให้ได้ไซซ์ยักษ์ เลือกพันธุ์ดีๆ ทนแล้ง ทนน้ำท่วมได้

ระยะเวลาปีเศษที่ผ่านมา สินค้าเกษตรหลายชนิดที่เคยเป็นสินค้าดาวรุ่ง ขายดี ทำกำไรสูง เช่น มะม่วง มะนาว มะพร้าวน้ำหอม กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า ฯลฯ กลับตกอยู่ในทิศทางตลาดขาลง ทำให้หลายคนรู้สึกกังวลและงวยงงกับสถานการณ์ราคาตลาดว่า จะปลูกต่อดีหรือถอยไปปลูกพืชชนิดอื่นดี

แม้หลายคนจะมองว่า ตลาดกล้วยน้ำว้า อยู่ในทิศทางขาลง แต่ อาจารย์พัชนี ตุษยะเดช เจ้าของไร่พัชชา กลับยืนยันว่า ตลาดกล้วยน้ำว้ายักษ์ยังเติบโตต่อเนื่อง ขายดิบขายดี จนผลิตหน่อพันธุ์ไม่ทันกับความต้องการของตลาด ดังนั้น ในฉบับนี้ ขอพาท่านผู้อ่านไปค้นหาเสน่ห์ของ กล้วยน้ำว้ายักษ์ ที่ทำให้ขายดี ติดลมบนตลอดทั้งปีกันสักหน่อย

กล้วยน้ำว้ายักษ์ มาจากไหน 

อาจารย์พัชนี ตุษยะเดช ปัจจุบัน ได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 10 โหรหญิงดังยอดนิยม ผู้เชี่ยวชาญด้านลายมือ ที่แบ่งเวลามาทำสวนเกษตร ชื่อว่า ไร่พัชชา ตั้งอยู่ในพื้นที่ ตำบลหนองปรือ อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี เบอร์โทร. (084) 548-9000 และ (086) 128-8000

อาจารย์พัชนี ตุษยะเดช โชว์กล้วยน้ำว้ายักษ์

อาจารย์พัชนี เล่าว่า การทำอาชีพเกษตรกรรมในวันนี้ มีจุดเริ่มต้นจากความชอบสะสมที่ดิน ที่ดินแปลงหนึ่งในจังหวัดราชบุรีที่ซื้อไว้ มีดินดี น้ำสมบูรณ์ จึงสนใจปลูกกล้วยน้ำว้าพันธุ์มะลิอ่อง โดยหาซื้อหน่อพันธุ์กล้วยที่เกิดจากการเพาะเนื้อเยื่อที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในราคาต้นละ 40 บาท มาปลูก จำนวนพันกว่าต้น

ต่อมา ครูลออ ดอกเรียง ข้าราชการ ซี 8 ที่ปลูกกล้วยอยู่แถวจังหวัดกาญจนบุรี ได้ติดต่อขอซื้อหน่อมะลิอ่อง แต่อาจารย์พัชนีไม่มีให้ จึงไปหาซื้อกล้วยน้ำว้าพันธุ์มะลิอ่องในจังหวัดนนทบุรีมาให้ครูลออ หลังจากปลูกไปแล้ว 8 เดือน ก็กลับไปเยี่ยมครูลออ พบว่า กล้วยน้ำว้ามะลิอ่องที่ปลูกคราวนั้น มีต้นหนึ่งที่มีลักษณะใหญ่ยักษ์ ลำต้นสูงประมาณ 5 เมตร วัดรอบโคนประมาณ 1.3-1.5 เมตร ลักษณะพันธุ์คล้ายคลึงกับกล้วยน้ำว้าพันธุ์มะลิอ่อง แตกต่างในเรื่องขนาดลำต้น ขนาดเครือ ขนาดผล อาจารย์พัชนีจึงนำหน่อพันธุ์กล้วยน้ำว้ายักษ์ดังกล่าวมาปลูกขยายพันธุ์จนมั่นใจว่า ไม่เกิดการกลายพันธุ์ จึงจำหน่ายพันธุ์กล้วยน้ำว้ายักษ์ดังกล่าวให้กับผู้สนใจทั่วไป

จุดเด่นของ กล้วยน้ำว้ายักษ์

หากปลูก กล้วยน้ำว้ายักษ์พันธุ์นี้ ในแหล่งดินดี จะมีน้ำหนักเครือละประมาณ 65 กิโลกรัม หรือตกหวีละประมาณ 5-6 กิโลกรัม กล้วย 1 ผล มีความยาว 6 นิ้ว มีขนาดเส้นรอบวงกว้าง 8 นิ้ว กล้วยน้ำว้ายักษ์ เป็นพันธุ์กล้วยไส้ขาว เปลือกบาง ผลสวย คุณสมบัติด้านรสชาติและเนื้อของกล้วยจะหวาน เนื้อแน่น เนื้อเหนียว เหมาะสำหรับการแปรรูปในเมนูอาหารหวาน เช่น กล้วยเชื่อม กล้วยตาก กล้วยทับ กล้วยแขก กล้วยบวชชี ฯลฯ นอกจากนี้ หากนำผลกล้วยไปอบในตู้ไมโครเวฟสัก 10 นาที จะยิ่งเพิ่มรสชาติหวานอร่อย นุ่มลิ้นยิ่งขึ้น

ใบตองของต้นกล้วยน้ำว้ายักษ์ มีขนาดใหญ่และใบหนา เหมือนใบตองกล้วยตานี แต่ใบตองกล้วยน้ำว้ายักษ์มีสีเขียวอ่อนกว่าเล็กน้อย อาจารย์พัชนี บอกว่า ใบตองกล้วยน้ำว้ายักษ์สามารถตัดออกขาย เพื่อใช้ประดับตกแต่งจานอาหารคาวหวาน ใช้ห่อขนม หรือใช้ในงานประดิษฐ์ต่างๆ ได้อย่างสบาย เช่น งานบายศรี ใช้ทำกระทง ฯลฯ ได้เช่นเดียวกับใบตองกล้วยตานีทั่วไป

ระหว่างเดินชมสวน สังเกตเห็นต้นกล้วยน้ำว้ายักษ์ อายุ 8 เดือน หลายต้น ที่มีสภาพสมบูรณ์ กำลังเตรียมแทงเครือเพื่อให้ผลผลิตแล้ว สังเกตได้จาก “ใบธง” ซึ่งเป็นใบยอดสุดท้าย ซึ่งมีขนาดสั้นและเล็กมาก ชูก้านใบขึ้นชี้ท้องฟ้า อีกไม่นานเกินรอ ต้นกล้วยจะแทงปลีกล้วยสีแดงออกมาให้เห็นชัด ปลีกล้วยหลังออกสุดเครือแล้ว มีขนาดยักษ์ใหญ่ น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 3-5 กิโลกรัม ต่อหัว มีขนาดยักษ์กว่าขวดน้ำอัดลม 1.5 ลิตร

โดยทั่วไป เกษตรกรสามารถขายหัวปลีหน้าสวน ในราคาหัวละ 5 บาท แต่หัวปลีกล้วยน้ำว้ายักษ์ขายส่งได้ราคาสูง หัวละ 10-15 บาท เป็นที่นิยมของลูกค้า นิยมนำไปทำเมนูต้มยำทำแกงต่างๆ เพราะได้เนื้อหัวปลีในปริมาณมาก และมีรสชาติอร่อยอีกต่างหาก

การปลูกและดูแล

ต้นกล้วยน้ำว้ายักษ์ สามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ แม้แต่ในพื้นที่ท้องนาก็ปลูกกล้วยได้ แต่ต้องลงทุนยกร่องสักหน่อย เพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังตลอด อาจารย์พัชนี กล่าวแนะนำว่า ควรปลูกกล้วยน้ำว้ายักษ์ในระยะห่างระหว่างต้น ประมาณ  6×6 เมตร เนื่องจากกล้วยน้ำว้ายักษ์มีขนาดลำต้นสูง จึงควรขุดหลุมปลูกให้ลึกสักหน่อย ที่ไร่พัชชา ใช้รถแบ๊กโฮขุดหลุมปลูกให้มีขนาดความลึก 1 เมตร กว้าง 1 เมตรกว่า หากไม่ขุดหลุมปลูกให้ลึกแค่ปลูกปีแรก รากต้นกล้วยจะเริ่มลอย เมื่อต้นกล้วยตกเครือ ก็มีโอกาสล้มได้ง่าย หากปลูกกล้วยน้ำว้ายักษ์ในระดับความลึกที่เหมาะสม กล้วย รุ่นที่ 2-3 ก็จะไม่ประสบปัญหาเหง้าลอย

หลังปลูกควรใส่ยาหนอนกอ ใส่ปุ๋ย สูตรเสมอ 15-15-15 ไปตลอดเดือนละครั้ง พอในช่วง 11 เดือน กล้วยจะแทงปลีออกมา หลังจากตัดปลีแล้วทิ้งไว้ 2 เดือน ไม่ต้องใส่ปุ๋ยเลย แต่ควรใส่ปุ๋ยคอกแทน จากนั้นอีกประมาณ 4 เดือนจึงเก็บได้ เพราะอายุเก็บเกี่ยวกล้วยพันธุ์นี้ใช้เวลานานถึง 16 เดือน

กล้วยน้ำว้ายักษ์ ทนน้ำท่วมได้นานเป็นเดือน

การตัดแต่งหน่อ

หลังจากปลูกประมาณ 3-4 เดือน จะมีหน่อขึ้นมารอบๆ โคนให้ตัด ไปเรื่อยจนกว่าจะเริ่มออกปลี หลังปลูกแล้วประมาณ 7-8 เดือน ควรมีการไว้หน่อทดแทน 1-2 หน่อ โดย หน่อที่ 1 และหน่อที่ 2 ควรมีอายุห่างกันประมาณ 4 เดือน เพื่อให้ผลกล้วยมีความอุดมสมบูรณ์ โดยเลือกหน่อที่อยู่ในทิศทางที่ตรงกันข้าม

การตัดแต่งใบกล้วย

ควรตัดแต่งใบกล้วย เมื่อต้นกล้วยเริ่มโตจนถึงเก็บเกี่ยว โดยเลือกใบแก่และใบที่เป็นโรคออก ตัดให้เหลือประมาณ 7-12 ใบ เพื่อป้องกันต้นกล้วยโค่นช่วงออกปลี เพื่อใช้ใบปรุงอาหาร และเพิ่มความเจริญเติบของผลกล้วย

การค้ำต้นกล้วย

ต้นกล้วยหลังจากตกเครือแล้ว เสี่ยงกับการหักกลางต้นได้ง่าย เนื่องจากเครือกล้วยน้ำว้ายักษ์มีน้ำหนักมาก เพื่อป้องกันการเสียหายจากการหักล้ม ต้องใช้ไม้ค้ำกล้วยหลังตกเครือแล้ว ด้วยไม้รวก เสี้ยมปลายด้านที่จะใช้ปักลงดินทั้ง 2 อัน แล้วผูกเชือกปลายไม้ทั้งสองอันนี้ โดยให้เหลือส่วนปลายไม้ด้านบน อันละ 30 เซนติเมตร เพื่อทำหน้าที่รับน้ำหนักต้นกล้วยน้ำว้ายักษ์ จากนั้นให้ถ่างไม้ทั้งสองไขว้กันเป็นลักษณะคีม แล้วนำไปค้ำต้นกล้วยบริเวณที่ต่ำลงมาจากตำแหน่งเครือกล้วย ประมาณ 30-50 เซนติเมตร

เครือกล้วยมีน้ำหนักมาก ต้องใช้ไม้ค้ำ เพื่อช่วยรองรับน้ำหนัก

ด้านตลาด

กล้วยน้ำว้ายักษ์ เป็นสายพันธุ์พิเศษที่มีขนาดใหญ่ กลายพันธุ์มาเป็นกล้วยน้ำว้ายักษ์ หากปลูกในดินที่ไม่ค่อยสมบูรณ์นัก จะได้กล้วยน้ำหนัก 4 กิโลกรัม ต่อหวี เนื่องจากกล้วยมีขนาดผลใหญ่ ขายปลีกได้ราคาหวีละ 50-60 บาท โดยลูกค้านิยมนำไปใช้ไหว้พระ บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หากนำไปปลูกในดินที่สมบูรณ์แถบนครปฐมหรือสุพรรณบุรี อาจได้น้ำหนักถึง 5 กิโลกรัม ต่อหวี สามารถขายปลีกได้หวีละ 70-80 บาท ทีเดียว

อาจารย์พัชนี กล่าวว่า ทุกวันนี้ ตลาดมีความต้องการผลกล้วยน้ำว้ายักษ์และหน่อพันธุ์จำนวนมาก ขายดีมากจนผลิตไม่พอขาย ต้องสั่งจองกันล่วงหน้าเป็นเดือน เพราะกล้วยน้ำว้ายักษ์เป็นสินค้าเกรดพรีเมี่ยม เป็นที่ต้องการของลูกค้าจำนวนมาก ที่ต้องการใช้ กล้วยน้ำว้าหวีใหญ่ ลูกสวยอวบอ้วน สำหรับใช้เป็นเครื่องไหว้บูชาในช่วงวันพระ เทศกาลสำคัญและงานพิธีต่างๆ เช่น พิธีบวชนาค พิธีบวงสรวง งานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ ฯลฯ ทำให้กล้วยน้ำว้ายักษ์ขายดี มีราคาขายส่ง ไม่ต่ำกว่าหวีละ 30-35 บาท และราคาขายปลีก ไม่ต่ำกว่าหวีละ 50-80 บาท ตามขนาดความใหญ่และความสวยของหวีกล้วย

ปลูก “กล้วยน้ำว้ายักษ์” เพื่อการค้า โอกาสทำกำไรสูง

อาจารย์พัชนี กล่าวอีกว่า กล้วยน้ำว้ายักษ์เหมาะสำหรับปลูกเชิงการค้า เพราะทนแล้ง ทนน้ำท่วมได้ดี ทำกำไรได้สูง ทั้งการปลูกเพื่อขายผลสดหรือขายหน่อพันธุ์ เนื่องจากกล้วยน้ำว้ายักษ์ให้ปริมาณเนื้อเยอะ เหมาะสำหรับใช้แปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้วยแขก กล้วยตาก หรือกล้วยแปรรูปประเภทต่างๆ

อาจารย์พัชนี แนะนำว่า การปลูกกล้วยน้ำว้ายักษ์เชิงการค้า ควรเลี้ยงหน่อไม่เกิน 2 ต้น ต่อหลุม เพื่อให้ต้นกล้วยเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ ควรปลูกและเก็บเกี่ยวรุ่นละไม่เกิน 3 ปี จึงค่อยรื้อแปลงและปลูกใหม่ เพื่อให้ได้กล้วยน้ำว้ายักษ์ที่มีขนาดใหญ่สมบูรณ์ตามที่ตลาดต้องการ หากยังฝืนปลูกต่อ แม้ต้นกล้วยจะให้ผลผลิตตามปกติ แต่ขนาดเครือและจำนวนหวีกล้วยจะมีขนาดเล็กลง ขายไม่ได้ราคาตามที่ต้องการ และเสี่ยงเจอปัญหารากเหง้าลอย ทำให้ต้นกล้วยหักล้มได้ง่าย

หากใครสนใจอยากเยี่ยมชมสวนกล้วยน้ำว้ายักษ์แห่งนี้ หรือสนใจอยากได้กล้วยน้ำว้ายักษ์ไปใช้บริโภคหรือใช้ในงานพิธีกรรมต่างๆ อยากได้หน่อพันธุ์ไปปลูก สามารถติดต่อกับ อาจารย์พัชนี ตุษยะเดช ได้ตามที่อยู่ และเบอร์โทร. (084) 548-9000 และ (086) 128-8000 ได้ทุกวัน รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน