ที่มา | เทคโนโลยีชาวบ้าน |
---|---|
ผู้เขียน | กาญจนา จินตกานนท์ |
เผยแพร่ |
คุณเกสรา นารถถนอม หรือ “เจมส์” อายุ 28 ปี เจ้าของ สวน Ketsara’s Garden พื้นเพเป็นคนตำบลห้วยแร้ง จังหวัดตราด จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ภาควิชาจุลชีววิทยา มหาวิทยาลัยบูรพา เมื่อ ปี 2554 ปัจจุบัน ทำงานบริษัทเอกชน นำเข้า-ส่งออก ที่จังหวัดสมุทรปราการ ตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการบริษัท วันนี้ตัดสินใจเลือกอาชีพเสริมเป็นเกษตรกรเพื่อปูทางสู่อนาคต
เริ่มต้นเป็นเกษตรกร เมื่อ ปี 2560 เลือกปลูกเมล่อน คุณภาพพรีเมี่ยม พืชผลที่ชื่นชอบในรสชาติเป็นส่วนตัว เมื่อประสบความสำเร็จในก้าวแรก จึงเลือกที่จะเดินต่อเส้นทางสายเกษตรกรรม ด้วยการขยายพื้นที่ปลูกเมล่อนและเตรียมปลูกพืช ผลไม้อื่นๆ เช่น สตรอเบอรี่สายพันธุ์ต่างประเทศ มะเขือเทศเชอร์รี่ ข้าวโพดชนิดกินดิบ เป็นต้น
ลูกเกษตรกรสานต่ออาชีพพ่อแม่ เลือกทำเมล่อนด้วยความชอบ
จุดเริ่มต้นของคุณเจมส์ที่หันมาทำเกษตรกรรม ในปี 2559 เพราะครอบครัว พ่อ แม่ ทำเกษตรกรรม มีที่ดินเป็นของตนเอง คิดว่าแม้ทำงานอยู่ต่างจังหวัดเมื่อพ่อแม่อายุมากอนาคตต้องกลับมาทำเกษตรที่บ้านเกิด ช่วงทำงานบริษัทเอกชนจึงพยายามเก็บสะสมเงิน และเริ่มต้นเลือกปลูกเมล่อนเกือบ 500 ต้น ด้วยความชอบรับประทาน จากไม่มีความรู้ด้านเกษตรกรรม ไม่เคยปลูกอะไรมาก่อน ใช้วิธีสอบถามค้นคว้า เข้ารับการอบรม และทดลองปลูกกับสามี คุณอนวัช ตาววัฒนา “ใหม่” ใช้เวลา 3 เดือน ด้วยความตั้งใจทำให้ผลผลิตมีคุณภาพขั้นพรีเมี่ยม ตั้งชื่อแปลงเมล่อนเล็กๆ ว่า Ketsara’s Garden ดูแลอย่างพิถีพิถัน พยายามใช้ปุ๋ยธรรมชาติให้มากที่สุด เช่น เลี้ยงไส้เดือน เพาะเชื้อราดีกำจัดเชื้อราโรคพืช ได้ผลผลิตรุ่นแรกเป็นที่น่าพอใจ ตั้งราคาขายได้ กิโลกรัมละ 180 บาท สูงกว่าท้องตลาดที่ขายกิโลกรัมละ 50-60 บาท
จากนั้นเดือนตุลาคมจึงเตรียมแปลงปลูก รุ่นที่ 2 ครั้งนี้เพิ่มเมล่อนพันธุ์ใหม่ซูเปอร์พรีเมี่ยม “เมล่อนฮอกไกโด” นำเข้าเมล็ดพันธุ์จากญี่ปุ่น รสชาติและเนื้อมีความพิเศษ แตกต่างจากเมล่อนพรีเมี่ยม เปิดราคาขายจองล่วงหน้า กิโลกรัมละ 500 บาท และขายหมด รุ่นที่ 2 เมือเดือนธันวาคมที่ผ่านมานี้
“ที่มาของสวน Ketsara’s Garden แม้จะมีงานทำในออฟฟิศห้องแอร์เย็นสบายดี แต่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางของความสุขที่แท้จริง เป็นเพียงบันไดของช่วงชีวิตหนึ่งให้เราได้ก้าวผ่าน ยอมรับว่ามาจากครอบครัวเกษตรกร เงินทุกบาททุกสตางค์ที่พ่อแม่ส่งเรียนได้มาจากทำเกษตรทั้งนั้น เมื่อพ่อแม่เริ่มแก่ตัวลง จึงต้องการพัฒนาที่ดินเพื่อทำเกษตรสร้างโรงเรือนปลูกเมล่อน มี คุณอนวัช ตาววัฒนา “ใหม่” เป็นผู้ดูแลประจำ ส่วนตัวเองกลับบ้านมาช่วยกันทำงานทุกอาทิตย์” คุณเจมส์ เล่าถึงที่มา
เรียนรู้ทำเกษตรอินทรีย์ เริ่มลงทุนเงินแสนกว่าบาท
คุณเจมส์และคุณใหม่ ใช้เวลาค่อยๆ ศึกษา สะสมความรู้ทางด้านการเกษตรมาเรื่อยๆ จนไปสะดุดกับบทความวิชาการหนึ่ง ระบุข้อมูลอันเป็นที่น่าตกใจว่า ประเทศไทยเรานำเข้ายาฆ่าแมลงเป็นอันดับที่ 4 ของโลก ตอนนั้นคิดว่าหากจะทำเกษตรสักอย่าง ต้องไม่ใช้สารเคมี ช่วงนั้นเพื่อนบ้านของคุณใหม่ได้นำต้นกล้าเมล่อนมาให้ทดลองปลูก ด้วยชอบรับประทานเมล่อนอยู่แล้ว เมื่อไม่มีพื้นฐานทางการเกษตร จึงเริ่มศึกษาเรียนรู้ สุดท้ายแล้ว เราก็ทำได้เมล่อนที่ปลูกผลสวย รสชาติอร่อยกว่าไปซื้อในซุปเปอร์มาร์เก็ต จากนั้นจึงนำไปปลูกที่สวนของแม่ที่จังหวัดตราด โดยคุณใหม่เริ่มไปอบรม ศึกษาเรื่องเมล่อนอย่างจริงจัง และวางแผนสร้างโรงเรือนหลังแรก ใช้เงินลงทุนรวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการปลูกทั้งหมด ร่วมๆ แสนกว่าบาท และเดือนตุลาคม 2559 จึงเริ่มปลูกเมล่อนรุ่นแรก
5-6 ขั้นตอน ปลูกเมล่อน ที่ต้องใส่ใจจากแปลงถึงผู้บริโภค
การปลูกเมล่อนค่อนข้างพิถีพิถัน เพราะต้องเริ่มตั้งแต่เพาะเมล็ดไปปลูกในแปลงเอง และดูแลสภาพในโรงเรือนให้สะอาด การทำดินและปุ๋ยอินทรีย์ใช้เองจากฟาร์มไส้เดือน และติดตั้งระบบไฟฟ้า (TIMER) ให้น้ำและปุ๋ยทางน้ำเพื่อประหยัดการใช้แรงงาน และการเฝ้าระวังโรคพืชตลอดระยะเวลาที่ปลูก ทุกขั้นตอนคุณเจมส์และคุณใหม่จะช่วยกันดูแลเองทั้งหมด
การปลูกเมล่อนเริ่มจาก ขั้นที่ 1 นำเมล็ดแช่น้ำอุ่น 4-6 ชั่วโมง แล้วนำมาวางเรียงบนทิชชูที่เปียกน้ำ จากนั้นนำไปบ่มในภาชนะทึบแสง ผ่านไป 24 ชั่วโมง จะมีรากงอก ประมาณ 0.5 เซนติเมตร
ขั้นที่ 2 นำพีทมอสส์ใส่ลงให้เต็มถาดเพาะ ใช้นิ้วกดลงให้เป็นหลุมเล็กๆ แล้วนำเมล็ดด้านที่มีรากใส่ลงไปในหลุม กลบแล้วสเปรย์น้ำให้ชุ่ม เก็บเข้าที่ทึบแสง ประมาณ 1-2 วัน จะเป็นต้นกล้าแทงออกมา ให้รีบนำต้นกล้าออกตากแดด
ขั้นที่ 4 การผสมดอก หลังจากย้ายปลูก ประมาณ 21-30 วัน นำเกสรดอกตัวผู้ไปปัดผสมกับเกสรของดอกตัวเมียที่มีกระเปาะบริเวณฐานดอก ผ่านไป 1 สัปดาห์ จะได้ลูกเมล่อนขนาดเท่าไข่ไก่ และเลือกลูกที่สมบูรณ์ที่สุดไว้เพียงลูกเดียวเพื่อให้สารอาหารไปเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่ และใช้เชือกโยงช่วยรับน้ำหนัก
ขั้นที่ 5 หลังผสมเกสรดอก 40-45 วัน ผลจะเติบโต สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ (ช่วงนี้ถ้าผลอ่อนขนาดลูกเท่ากำปั้นใช้เหล็กปลายแหลม เขียนลวดลายบนผิว สร้างเอกลักษณ์ให้ลูกค้าได้) และ
ขั้นสุดท้าย การตัดผลจำหน่าย สังเกตลายวงกลมที่เดินขึ้นมาด้านก้านขั้ว ตัดกิ่งติดที่ขั้วให้เป็นรูปตัว T สัญลักษณ์ของดาบซามูไร และเพื่อความสวยงามด้วย แพ็กใส่โฟมตาข่ายป้องกันการกระแทก ติดป้ายแท็ก สติ๊กเกอร์ Ketsara’s Garden พร้อมจำหน่าย
“ด้วยเมล่อนมีโรคพืชที่ต้องระมัดระวังและคอยสังเกต โดยเฉพาะโรคราแป้ง ราน้ำค้าง เนื่องจากไม่ชอบสภาพอากาศชื้น การจัดการบริหารที่เน้นไม่ใช้สารเคมียาฆ่าแมลง คือควบคุมความชื้นภายในโรงเรือน ใช้เชื้อราปฏิปักษ์ไตรโคเดอร์มาป้องกันเชื้อราโรคพืช การดูแลจ่ายน้ำใช้ระบบไทมเมอร์ตั้งเวลาตามสภาพความชื้นของอากาศ และต้องกำจัดวัชพืชรอบๆ บริเวณโรงเรือน เพื่อลดแหล่งที่อยู่อาศัยของแมลง” คุณใหม่ กล่าว
การตลาด ใช้ เฟซบุ๊ก เพจ ลูกค้าบอกต่อ
เจ้าของบอกว่า ก่อนปลูกไม่ได้วางแผนการตลาด ว่าจะขายอย่างไรให้แตกต่างจากเมล่อนตามท้องตลาดทั่วไป แต่การปลูกเมล่อนคุณภาพพรีเมี่ยม จะให้ไปขาย กิโลกรัมละ 50-60 บาท กับพ่อค้าคนกลางไม่ได้ จึงใช้สื่อโซเชี่ยลมีเดียเป็นช่องทางสื่อสารด้านการตลาดที่เร็วที่สุด ทำให้เมล่อนของเราเป็นที่รู้จักมากขึ้น เพราะทุกคนเล่นเฟซบุ๊กในมือถือกันทุกวันอยู่แล้ว จึงสร้างเพจ Ketsara’s Garden เขียนเนื้อหา เล่าเรื่อง ให้ความรู้ด้านเกษตร การปลูกเมล่อนตั้งแต่เริ่มปลูกจนกระทั่งตัดขาย ให้คนอ่านแล้วสนุกได้ความรู้ และเสมือนได้มีส่วนในการดูแลผลผลิตที่ปลอดสารเคมี ให้เห็นความแตกต่างจากเมล่อนท้องตลาด วางเป้าหมายลูกค้าเป็นกลุ่มคนรักสุขภาพ ที่ตัดสินใจซื้อง่าย ผลผลิตรุ่นแรกออกเดือนมีนาคม 2560 ตั้งราคาขายได้ กิโลกรัมละ 180 บาท สูงกว่าท้องตลาดที่ขาย กิโลกรัมละ 50-60 บาท รอบต่อมาปลูกเมล่อนพันธุ์ใหม่ซูเปอร์พรีเมี่ยม “เมล่อนฮอกไกโด” เพิ่มขึ้น 20-30 ลูก ผลผลิตเดือนธันวาคมปลายปี 2560 ตั้งราคาขาย กิโลกรัมละ 500 บาท ทำตลาดได้ดี มีลูกค้าสั่งจอล่วงหน้าและเข้ามาซื้อถึงแปลง
“กลุ่มลูกค้าแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มลูกค้าออนไลน์ ที่ได้รับข่าวสารช่องทางเฟซบุ๊กและเพจ Ketsara’s Garden จะเดินทางมาเที่ยวชมสวนหรือสั่งซื้อให้จัดส่งทางไปรษณีย์ และกลุ่มลูกค้าที่เดินทางมาซื้อเอง ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่จังหวัดตราด ราคาขายเมล่อนพรีเมี่ยม กิโลกรัมละ 180 บาท ไม่แพงเลยหากเปรียบเทียบกับการใส่ใจทุ่มเทปลูกเมล่อนระยะเวลาร่วม 3 เดือน หากเยี่ยมชมสวนดูโรงเรือนและระบบการให้น้ำ การทำปุ๋ยมูลไส้เดือน การเพาะเชื้อราดีใช้กำจัดเชื้อราโรคพืช ซึ่งทุกขั้นตอนเป็นคุณภาพที่เราใส่ใจลงไป” คุณเจมส์ กล่าว
คุณเจมส์ ทิ้งท้ายว่า การปลูกเมล่อน สร้างรายได้ค่อนข้างดี เฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 20,000 บาท/โรงเรือน แต่ช่วงฤดูฝน จะลดลงประมาณ 30% ของรายได้การปลูกต่อรอบ เนื่องจากผลผลิตได้รับความเสียหาย เพราะเมล่อนเป็นพืชที่ไม่ชอบความชื้นสูง ปี 2561 วางแผนจะขยายพื้นที่ปลูกเพิ่ม 2-3 โรงเรือน เพื่อปลูกพืชที่มีคุณภาพหลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่แค่เมล่อนเพียงอย่างเดียว เช่น มะเขือเทศเชอร์รี่ สตรอเบอรี่สายพันธุ์ต่างประเทศ ข้าวโพดชนิดกินดิบที่หอมหวานเหมือนน้ำนมจากฮอกไกโด ตอนนี้ทดลองปลูกได้ผลแล้ว และขณะนี้ได้ยื่นขอรับรองมาตรฐาน GAP สวน Ketsara’s Garden แล้วอนาคตมุ่งหวังให้เป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการเกษตร เพื่อบ่มเพาะเยาวชนเกษตรกร ยุค 4.0
สนใจสอบถาม คุณเกสรา นารถถนอม หรือ คุณเจมส์ โทร. (080) 103-2119