ปลูก ‘เมล่อนญี่ปุ่น’ ทนแล้ง ใช้น้ำน้อย ให้ผลกำไรดี คุ้มค่ากับการลงทุน

“อำเภอหนองหญ้าไซ” จังหวัดสุพรรณบุรี ถูกเรียกขานเชิงประชดประชันว่า เป็นพื้นที่ “อีสานสุพรรณ”
เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้ ไม่มีแม่น้ำสายหลักและอยู่ห่างไกลจากแหล่งน้ำชลประทาน จึงขาดแคลนน้ำสำหรับใช้ในการเพาะปลูกมาโดยตลอด ยุคนี้จะพึ่งพาน้ำฝนเพื่อใช้ในการทำนาเหมือนในอดีตคงจะไม่ไหว เกษตรกรในท้องถิ่นแห่งนี้จึงเปลี่ยนอาชีพจากการทำนามาปลูกเมล่อนญี่ปุ่น จนประสบความสำเร็จทั้งหมู่บ้าน
วิสาหกิจชุมชน กลุ่มผู้ปลูกเมล่อนบ้านหนองคาง

เมื่อ ปี 2549 กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกเมล่อนญี่ปุ่นในท้องถิ่น ได้รวมตัวกันจัดตั้ง “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกเมล่อนบ้านหนองคาง” ภายใต้การนำของ คุณอำนาจ แตงโสภา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแจงงาม (อบต.แจงงาม) ปัจจุบันวิสาหกิจชุมชนแห่งนี้ มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ว่าเป็นผู้ผลิตเมล่อนญี่ปุ่นในรูปแบบโรงเรือนปิด ปลอดสารพิษตกค้างตามมาตรฐาน GAP ที่มีคุณภาพรสชาติความหวานเป็นที่ 1

วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกเมล่อนบ้านหนองคาง มีการจัดการผลิตที่เป็นระบบ โดยกำหนดรอบเวรให้สมาชิกแต่ละรายปลูกห่างกัน 4 วัน เพื่อให้มีผลผลิตป้อนเข้าสู่ตลาดตลอดทั้งปี กลุ่มวิสาหกิจชุมชนต้นแบบแห่งนี้ตั้งใจทำงานด้วยความขยันขันแข็ง และมีความสามัคคีปรองดองในกลุ่มสมาชิก ที่ผ่านมาพวกเขามักรวมตัวกันใช้แรงงานร่วมกัน ที่เรียกภาษาชาวบ้านว่า “ลงแขก” ไปช่วยผสมเกสรในแปลงปลูกเมล่อนของเพื่อนสมาชิก เพื่อให้ได้ผลผลิตทันเวลาและช่วยกันลงแขกเมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยว ทำให้สมาชิกกลุ่มทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตไปพร้อมๆ กัน เนื่องจากทุกคนต้องการร่วมมือกันพัฒนาเมล่อนของชุมชนให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น

13177918_1574231699260745_8293236409687719588_n-1

ทุกวันนี้เกษตรกรในท้องถิ่นหันมาปลูกเมล่อนกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน โดยทางกลุ่มจะจัดอบรมความรู้เรื่องการปลูกเมล่อนญี่ปุ่นให้แก่เกษตรกรมือใหม่ได้รู้จัก “วงจรชีวิตแตงเมล่อน” โดยช่วงวันที่ 1-10 เป็นขั้นตอนการเพาะกล้า ช่วงวันที่ 11-22 เป็นขั้นตอนการตัดแต่งแขนง ช่วงวันที่ 23-25 เป็นระยะผสมเกสร ช่วงวันที่ 26-30 เป็นระยะคัดผลและแขวนลูก ช่วงวันที่ 36-60 เป็นระยะเร่งลูก บำรุงปุ๋ยให้ต้นเมล่อนญี่ปุ่นเจริญเติบโตตามที่ต้องการ ช่วงวันที่ 61-70 วัน เน้นเพิ่มความหวานให้ผลเมล่อนญี่ปุ่น และช่วงวันที่ 71-75 เป็นระยะการเก็บเกี่ยวผลผลิต

“ผมมักแนะนำให้เกษตรกรมือใหม่ทดลองปลูก จำนวน 4 โรงเรือนก่อน โรงเรือน ขนาด 3.5×36 เมตร ปลูกได้ 740 ต้น สามารถสร้างรายได้ถึงรอบละ 4-4.5 หมื่นบาท ต่อโรงเรือน อย่างไรก็ตาม การปลูกในครั้งแรกจะมีต้นทุนค่าโรงเรือน ค่าระบบน้ำ ประมาณ 220,000 บาท และมีต้นทุนการปลูกเป็นค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ เฉลี่ยรอบละประมาณ 8,000 บาท เมื่อหักต้นทุนค่าใช้จ่ายทั้งหมด เกษตรกรมือใหม่จะมีโอกาสคืนทุนและได้ผลกำไรภายใน 1 ปี” คุณอำนาจ กล่าว

เนื่องจากกลุ่มจัดหลักสูตรอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติอย่างเข้มข้น ช่วยทำให้เกษตรกรมือใหม่ทุกราย สามารถผลิตเมล่อนญี่ปุ่นคุณภาพดี เป็นที่ยอมรับของตลาด ภายในเวลา 1 ปี เกษตรกรสามารถปลูกและเก็บเกี่ยวเมล่อนญี่ปุ่นได้ถึง 3 รอบ หากมีการวางแผนจัดการที่ดี บางรายอาจปลูกเมล่อนญี่ปุ่นได้ถึง 7 รอบ ภายในระยะเวลา 2 ปี

“การปลูกเมล่อนญี่ปุ่น ต้องอาศัยการดูแลอย่างใกล้ชิดพอสมควร เมล่อนญี่ปุ่นเป็นพืชที่ทนอากาศร้อนได้ดี แถมใช้น้ำน้อย ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำที่ใช้ทำนา ใช้เวลาปลูกดูแลเพียงแค่ 75 วัน เท่านั้น ก็เก็บผลผลิตออกขายได้ เมล่อนแต่ละผลจะมีน้ำหนักเฉลี่ย 1.5-2 กิโลกรัม แต่ละโรงเรือนจะเก็บผลผลิตออกขายได้ประมาณ 1 ตัน ขายส่งในราคากิโลกรัมละ 53-60 บาท” คุณอำนาจ กล่าว

สมาชิกกลุ่มทุกคนตั้งใจผลิตเมล่อนญี่ปุ่น คุณภาพดีออกจำหน่าย หากผลผลิตไม่หวานไม่ตัดออกขายอย่างเด็ดขาด ทำให้สินค้าเมล่อนญี่ปุ่นทุกลูกที่ผลิตจากชุมชนฯ แห่งนี้ มีคุณภาพดี เป็นที่ยอมรับของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เรียกว่าผลิตจนไม่ทันกับความต้องการของตลาด สินค้ามีมากเท่าไหร่ ก็ผลิตไม่พอขาย ปัจจุบัน ทางกลุ่มมีสมาชิกราว 80 คน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 100 ไร่ และยังคงขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ในปีนี้ ตั้งเป้าผลิตเมล่อนญี่ปุ่นให้ได้ 70 ตัน ทุกเดือน

13177523_1574231692594079_7989177058020616390_n-1

“ลงแขกผสมเกสรเมล่อนญี่ปุ่น”

“ผู้ใหญ่หมู” หรือ คุณชูศักดิ์ แตงโสภา โทรศัพท์ 08-1924-8192 หนึ่งในสมาชิกวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกเมล่อนบ้านหนองคาง เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ผมปลูกอ้อยเป็นอาชีพหลัก แต่หักค่าใช้จ่ายแล้ว ผลกำไรเหลือไม่มาก ต่อมา ปี 2554 เห็นเพื่อนเกษตรกรในชุมชนปลูกเมล่อนญี่ปุ่นแล้วได้ผลตอบแทนที่ดี ก็สนใจทดลองปลูกเมล่อน ปรากฏว่าสามารถคืนทุนได้ตั้งแต่การปลูกรอบแรก จึงขยายพื้นที่ปลูกเมล่อนเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

การปลูกเมล่อนญี่ปุ่นให้ได้ผลผลิตที่ดี อยู่ที่เทคนิคการผสมเกสรดอกเมล่อนในระยะเวลาที่เหมาะสม คือตั้งแต่เวลา 07.00-11.00 น. หลังจากนี้ ไม่ได้ผลนัก เพราะพืชคายน้ำ ปัจจุบัน ทางกลุ่มได้ช่วยกันทำงาน โดยลงแขกผสมเกสรต้นเมล่อนญี่ปุ่น ทำให้สมาชิกทุกรายได้ผลผลิตที่ดี โดยทั่วไปดอกเมล่อนเป็นดอกสมบูรณ์ คือมีเกสรดอกตัวผู้และเกสรดอกตัวเมียอยู่บนต้นเดียวกัน ดอกตัวผู้จะอยู่ระหว่างข้อบนลำต้น การผสมเกสรจะทำในตอนเช้า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือ 07.00-09.00 น. โดยเลือกผสมดอกเพียง 2-3 แขนง ต่อต้น อาศัยการจดบันทึกดอกบาน หรือจำนวนดอกที่ผสมในแต่ละวัน เพื่อกำหนดวันเก็บเกี่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เมล่อน คุณภาพดี
“แม็คโคร” รับซื้อไม่อั้น
คุณศิริพร เดชสิงห์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด พัฒนาธุรกิจ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลว่า เมล่อนญี่ปุ่นเป็นผลไม้ที่ตลาดต้องการสูง ในแต่ละปีแม็คโครขายเมล่อนกว่า 700 ตัน โดยรับซื้อเมล่อนญี่ปุ่นจากเกษตรกรในเครือข่ายที่ปลูกในจังหวัดสุพรรณบุรี ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 150 ตัน โดยแม็คโครดูแล ใส่ใจควบคุมการผลิตทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ได้มาตรฐาน เนื้อแน่น หวาน กรอบ กลิ่นหอมตามธรรมชาติ ควบคุมสภาพดินและน้ำที่ใช้ในการเพาะปลูกในฟาร์มที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการจัดการเกษตรที่ดี (GAP) ควบคุมโรงคัดบรรจุตามมาตรฐาน หลักเกณฑ์วิธีการผลิตที่ดี (GMP) ปลอดภัยจากสารเคมีตกค้างและยาฆ่าแมลง ที่สำคัญผลผลิตทุกลูกสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงแหล่งเพาะปลูก

ด้าน ผศ.ดร. ชัยณรงค์ รัตนกรีฑากุล ภาควิชาโรคพืช มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน กล่าวว่า ปัจจุบัน เกษตรกรไทยมีศักยภาพผลิตเมล่อนให้ได้ถึงมาตรฐานสากล (Global G.A.P.) โดยมีเงื่อนไขในการพิจารณาแบ่งออกเป็น 3 ด้าน ด้วยกันคือ ผลผลิตปลอดภัยได้คุณภาพ ไร้สารเคมีตกค้าง คุณภาพชีวิตของเกษตรกรดีขึ้น และไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม