ผู้เขียน | เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ปัจจุบันได้มีเกษตรกรถูกหลอกให้ซื้อพันธุ์พืชและสัญญาว่าเมื่อผลผลิตออกแล้วจะรับซื้อคืนในราคาประกัน แต่เมื่อถึงเวลาขายผลผลิตปรากฏว่าไม่มารับซื้อ ทำให้เกษตรกรที่ลงทุนไปแล้วต้องขาดทุน เป็นหนี้สินจำนวนมาก อย่างเช่น
คุณพิชิต พิลาศรี Young Smart Farmer จังหวัดหนองบัวลำภู อายุ 35 ปี เลขที่ 13 หมู่ที่ 7 ตำบลเมืองใหม่ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู 39180 โทร. (086) 103-1560 เว็บไซต์ www.omegainca.com ที่เคยถูกหลอกให้ปลูกถั่วดาวอินคา 7 ไร่ ลงทุน 150,000 บาท อ้างว่าเมื่อปลูกแล้วจะมีรายได้ไร่ละ 100,000 บาท/ปี แต่เมื่อผลผลิตออกกลับไม่มารับซื้อแต่อย่างใด แต่ด้วยความพยายาม ไม่ย่อท้อต่อปัญหาอุปสรรค พร้อมใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหาและสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากถั่วดาวอินคาออกจำหน่าย ทำให้มีรายได้เดือนละประมาณ 300,000 บาท หรือปีละประมาณ 3,600,000 บาทเลยทีเดียว

ความเป็นมา
คุณพิชิต เล่าให้ฟังว่า หลังจากจบ ม.3 ที่โรงเรียนดอนปอวิทยา ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู แล้วไปสู้ชีวิตตามลำพังที่กรุงเทพฯ เพื่อหางานทำเพื่อส่งตัวเองเรียน ได้ทำงานประมาณ 1 ปี จึงขอเจ้านายไปศึกษาต่อจนจบ ม.6 เรียนจบแล้วจึงได้ย้ายงานใหม่ ทำงานได้สักพัก จึงเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง จนจบปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ หลังจากอยู่กรุงเทพฯ ได้ 15 ปี แต่งงานมีครอบครัวจึงกลับบ้านเกิด จึงเปิดร้าน “พิชิตการเกษตร” อยู่บริเวณเยื้องสถานีตำรวจภูธรศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู จากนั้นได้ปลูกมันสำปะหลังเพื่อหารายได้เสริมอีกทาง แต่ราคาตกต่ำมากในรอบหลาย 10 ปี ขาดทุนเป็นหนี้จำนวนมาก

บนเรียนความล้มเหลวจากปลูกถั่วดาวอินคา
บนความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนไว้อยู่เสมอ ได้มาพบพืชเศรษฐกิจตัวใหม่คือถั่วดาวอินคา จึงได้หาข้อมูลจนพบว่ามีโครงการสนับสนุนการปลูกถั่วดาวอินคา ปี 2557 จึงขอเข้าโครงการเพื่อซื้อเมล็ดมาปลูกประมาณ 7 ไร่ ทุนที่ใช้นั้นก็กู้ยืมจากธนาคาร ธ.ก.ส. เป็นเงิน 150,000 บาท ปลูกได้ 8 เดือน ถึงเวลาเก็บผลผลิต โครงการที่จะรับซื้อกลับเงียบหาย ไม่มีคนรับซื้อ ผลผลิตเก็บแต่ละรอบได้หลายร้อยกิโลจะทำอย่างไรดีกับชีวิต ขายไม่ได้เป็นหนี้ธนาคารจะหาเงินจากไหนส่งคืนธนาคาร ถ้าไม่เคยล้มก็ไม่รู้จักวิธีลุกขึ้นยืน เมื่อยืนได้แล้วค่อยๆ คิดแล้วเดินต่อ ประสบการณ์สอนให้เรารู้จักคิดและระวัง และรอบคอบมากขึ้นในการจะเดินไปข้างหน้า
ระหว่างนี้ได้ศึกษาหาความรู้ถึงคุณประโยชน์ของถั่วดาวอินคา หลังจากนั้น จึงคิดหาวิธีแปรรูปเองโดยวิธีคั่วขายตามตลาดนัดคิดว่าจะขายได้ดีแต่กลับขายไม่ได้เลย เพราะคนไม่รู้จักถั่วดาวอินคา เมื่อขายไม่ได้ใช้วิธีแจกฟรี ชิมฟรี บางคนชอบ บางคนไม่ชอบ บางคนกลัวกินแล้วตายเพราะไม่เคยกิน แต่ก็ไม่คิดจะท้อ ยังคั่วขายต่อไปใช้เวลา 1 ปี และอาศัยประสบการณ์ตรงจากตัวเอง เคยศึกษาหาประโยชน์ของถั่วดาวอินคาว่าสามารถลดเบาหวาน
ต่อมามีคนเริ่มรับไปขายต่อ จาก 1 เจ้า เป็น 2 เจ้า จากในจังหวัดเริ่มขยายไปจังหวัดต่างๆ พอมองเห็นโอกาส ก็เลยสร้างแบรนด์ไร่กอเงินขึ้นมา (ตั้งตามชื่อลูกสาว) เพื่อจะได้จดจำได้ง่าย หลังจากสร้างแบรนด์ได้ทำการตลาดทางออนไลน์ จากลูกค้ามาสู่การเป็นตัวแทนขาย ทำให้ออเดอร์มากขึ้น คนรู้จักมากขึ้น ฐานลูกค้ามากขึ้น ได้ขอขึ้นทะเบียนสินค้าโอท็อป ได้ออกบู๊ธร่วมกับจังหวัด ไปตามสถานที่จัดงานโอท็อปต่างๆ ทางไร่กอเงินก็ได้คิดสูตร แปรรูปดาวอินคาหลากหลายมากขึ้น อาทิ ชาดาวอินคาสูตรต้นตำรับ สูตรหญ้าหวาน สูตรดอกคำฝอย น้ำมันถั่วดาวอินคาสกัดเย็น เมล็ดถั่วอินคาอบเกลือ และยังรับผลิตสินค้าสำหรับผู้ที่สนใจไปสร้างแบรนด์ตัวเองอีกด้วย
ใช้เทคนิคการปลูกถั่วดาวอินคาแบบอินทรีย์ ปลอดสารพิษ
คุณพิชิต บอกว่า ปลูกถั่วดาวอินคา ระยะ 2×2 เมตร ประมาณ 400 ต้น/ไร่ ปลูกผสมผสานกับต้นไม้อื่นให้เป็นร่มเงา เพื่อลดอุณหภูมิของแสงแดด จัดทำระบบน้ำแบบมินิสปริงเกลอร์ ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีแต่ใช้ปุ๋ยคอกและปุ๋ยมูลไส้เดือน ใช้น้ำส้มควันไม้และอื่นๆ แทนสารเคมี ไม่ใช้ยาฆ่าหญ้าแต่ใช้วิธีการตัดแทน
การเก็บเกี่ยวใบมาแปรรูปต้องเก็บใบแก่จัดแต่ไม่เหลือง ช่วงเวลา ตี 5-7 โมงเช้า เพื่อจะได้สารที่เป็นประโยชน์มากที่สุด ชาของไร่เวลาชงจะได้กลิ่นหอม รสชาติดี ที่แตกต่างจากที่อื่น การเก็บฝักแห้งเพื่อมาแปรรูปต้องเก็บตอนกลางวันในช่วงที่มีแดด เพื่อไม่ให้มีความชื้นในฝักป้องกันเชื้อรา
ได้ใบรับรองเกษตรอินทรีย์ระยะปรับเปลี่ยนสู่เกษตรอินทรีย์ ของจังหวัดหนองบัวลำภู ขึ้นทะเบียนสินค้าโอท็อป ของดีจังหวัดหนองบัวลำภู มีใบรับรองจาก Central Laboratory และกำลังยื่นเรื่องขอ อย.

ผลิตภัณฑ์ไร่กอเงิน จากถั่วดาวอินคา
- ชาดาวอินคา สูตรต้นตำรับ บรรจุ 25 ซอง ขายปลีก 120 บาท ขายส่ง 80 บาท ชาดาวอินคาสูตรหญ้าหวาน ขายปลีก 150 บาท ขายส่ง 90 บาท ชาดาวอินคาสูตรดอกคำฝอย ขายปลีก 150 บาท ขายส่ง 90 บาท
- เปลือกถั่วดาวอินคาอบแห้ง (ชงกับน้ำร้อน) กิโลกรัม 200 บาท บรรจุถุง 100 กรัม 80 บาท
- น้ำมันสกัดจากเมล็ดถั่วดาวอินคา บรรจุ 100 ซีซี ขายปลีก 250 บาท ขายส่ง 150 บาท, บรรจุ 500 ซีซี ขายปลีก 1,250 บาท ขายส่ง 850 บาท, บรรจุ 1,000 ซีซี ขายปลีก 2,200 บาท ขายส่ง 1,500 บาท
- ซอฟเจลน้ำมันสกัด (แคปซูล) คล้ายน้ำมันตับปลา แต่มีสารโอเมก้า 3,6,9 สูงกว่า บรรจุกระปุก 50 เม็ด ขายปลีก 450 บาท ขายส่ง 300 บาท
- เมล็ดอบเกลือ (กะเทาะเปลือกหุ้มเมล็ดออกแล้ว) กิโลกรัม 350 บาท
- สบู่ถั่วดาวอินคา 50 กรัม ขายปลีกก้อนละ 80 บาท ขายส่ง 35 บาท นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ทุกตัวยังรับผลิต เพื่อไปทำแบรนด์ของตัวเองด้วย



การตลาดและรายได้
ขายออนไลน์ ขายผ่านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และมีหน้าร้านผลิตภัณฑ์แปรรูปจากไร่ รายได้จากการขายถั่วดาวอินคาแปรรูป เดือนละ 300,000 บาท หรือปีละประมาณ 3,600,000 บาท แนวทางในอนาคต ทางไร่กำลังจะขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มและส่งเสริมการปลูก และจะขยายตลาดในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งยังเข้าเป็นสมาชิก Young Smart Farmer จังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนๆ และสร้างเครือข่ายทั้งด้านการผลิตและตลาดด้วย

ประโยชน์ของถั่วดาวอินคา
จากงานวิจัยหลายสถาบัน ถั่วดาวอินคาเป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากเพราะอุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นมีวิตามิน A และ E อีกทั้งมีกรดไขมันโอเมก้า 3, 6 และ 9 ในปริมาณที่สูงมาก ทุกส่วนของต้นดาวอินคาสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ตั้งแต่ใบอ่อน เมล็ด กิ่ง ลำต้น ใบ สามารถนำไปทำอาหารได้ ผลิตเป็นยารักษาโรคและเครื่องสำอาง ซึ่งมีความต้องการสูงมาก
คุณชนะ ไชยฮ้อย เกษตรจังหวัดหนองบัวลำภู กล่าวว่า Young Smart Farmer เป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ มีอายุระหว่าง 17-45 ปี คนเหล่านี้มีการศึกษาที่ดี มีความคิดสร้างสรรค์ มีความรู้ด้านไอที (สารสนเทศ) และเทคโนโลยีใหม่ๆ ถ้าช่วยให้คนเหล่านี้ประสบผลสำเร็จ จะขยายผลแก่เกษตรกรในชุมชนได้มาก ซึ่งจังหวัดหนองบัวลำภู มีเกษตรกรรุ่นใหม่จำนวน 65 คน ได้ใช้กระบวนการพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ให้เป็น Young Smart Farmer ได้แก่ ปรับแนวคิด สร้างแรงจูงใจ จัดทำแผนชีวิต ค้นหาความต้องการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายเกษตรกร จัดหาช่องทางการเรียนรู้และการติดต่อสื่อสาร และวางแผนอนาคต โดยมีการจัดประชุมสัญจร แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันเป็นระยะๆ พร้อมประสานงานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปให้การสนับสนุน
โดยในปีงบประมาณ 2561 ได้ตั้งเป้าหมายในการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมส่งเสริมการเกษตร และท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ได้ไม่น้อยกว่า 30 คน ซึ่งพร้อมจะเป็นแหล่งเรียนรู้แก่เกษตรกรทั่วไป ดังนั้น จึงขอเชิญผู้มีอายุระหว่าง 17-45 ปี สนใจทำการเกษตรไปสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกอำเภอ หรือสอบถามข้อมูลที่สำนักงานเกษตรจังหวัดหนองบัวลำภู โทร. (042) 316-788
จะเห็นว่าในการประกอบอาชีพนั้นมีความเสี่ยงแทบทั้งนั้น แต่เมื่อพลาดพลั้งแล้วต้องตั้งสติและใช้ปัญญา ไม่ย่อท้อต่อปัญหาอุปสรรค มีความพยายามหาทางแก้ไขปัญหา แม้บนความล้มเหลวที่เราประสบอยู่อาจมีสิ่งดีดีซ่อนอยู่ก็เป็นได้ ใครจะไปรู้ อยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคุณพิชิต พิลาศรี โทร. (086) 103-1560 เว็บไซต์ www.omegainca.com