เผยแพร่ |
---|
มะพร้าวน้ำหอม เป็นพืชที่ปลูกกันมากในจังหวัดราชบุรี สมุทรสาคร นครปฐม ในอดีตพบว่า พืชชนิดนี้มีปัญหาด้านราคาที่ผันผวน แต่หลายปีที่ผ่านมามีเกษตรกรปลูกมะพร้าวน้ำหอมได้อย่างมีคุณภาพ จนทำให้มีกลุ่มธุรกิจสนใจรับซื้อเพื่อส่งออกไปขายต่างประเทศ อย่าง จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และประเทศในกลุ่ม อียู ขณะเดียวกัน ผู้คนทั่วโลกต่างให้ความสนใจหันมาบริโภคมะพร้าวน้ำหอม เนื่องจากทราบว่าเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
จังหวัดราชบุรี เป็นอีกแหล่งที่ชาวบ้านสนใจปลูกมะพร้าวน้ำหอมกันมากขึ้น ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะความได้เปรียบทางด้านต้นทุนทางธรรมชาติหลายอย่าง อีกทั้งความสามารถจากภูมิปัญญาท้องถิ่นที่พยายามพัฒนาคุณภาพเน้นการปลูกแบบอินทรีย์ จนทำให้มะพร้าวน้ำหอมราชบุรีมีรสชาติหวาน หอม ปลอดภัย เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศอย่างมาก แล้วยังสร้างรายได้ที่ดีให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกกันทั่วหน้า
แม้มะพร้าวน้ำหอมจากราชบุรีจะมีคุณภาพดีเยี่ยมเพียงใด แต่ถ้าขาดการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์อยู่เสมออย่างต่อเนื่องแล้ว โอกาสที่จะทำให้คุณภาพลดลงก็อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ ผศ.ประสงค์ ทองยงค์ นับเป็นบุคคลท่านหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อวงการพัฒนาพันธุ์มะพร้าวของจังหวัดราชบุรี แล้วยังคร่ำหวอดในวงการมะพร้าวมายาวนาน กระทั่งเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ “มะพร้าว รบ.”
งานสัมมนา “มะพร้าว…พืชเศรษฐกิจทำเงิน” ในครั้งนี้ ท่านอาจารย์ประสงค์จะมาถ่ายทอดสาระสำคัญในเรื่อง “ปลูกมะพร้าวน้ำหอมให้ได้คุณภาพส่งออก” ตั้งแต่การเลือกพื้นที่ การเลือกพันธุ์ วิธีปลูกที่เหมาะสม รวมไปถึงการเก็บผลผลิตและการตลาด
โดยอาจารย์ประสงค์ กล่าวว่า การปลูกมะพร้าวน้ำหอมเพื่อให้ได้คุณภาพส่งออก ถือเป็นการต่อยอดอาชีพปลูกมะพร้าวให้แก่ชาวสวนให้มีรายได้ที่ยั่งยืน แต่กว่าจะถึงจุดนั้นเกษตรกรชาวสวนมะพร้าวควรต้องมีวิธีจัดการอย่างไรให้เหมาะสม
ความจริงคนไทยรู้จักมะพร้าวน้ำหอมมานับร้อยปีแล้ว สำหรับตัวเองได้คลุกคลีและพัฒนาปรับปรุงมะพร้าวมาแล้วกว่า 50 ปี โดยเป็นการปลูกในที่ลุ่มเพื่อป้องกันน้ำทะเลหนุนสูง เพื่อป้องกันอุณหภูมิความร้อนที่เพิ่มขึ้นให้มาสู่พื้นที่สูงแล้วจัดระบบชลประทานที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเพาะปลูกมะพร้าว
บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำ 3 สาย อันได้แก่ แม่กลอง ท่าจีน และบางปะกง เดิมพื้นที่แถบนี้เป็นแหล่งปลูกข้าว แต่ด้วยความจัดระบบชลประทานที่มีประสิทธิภาพจนพบว่าการปลูกข้าวมีปัญหา เลยเปลี่ยนมาปลูกมะพร้าวน้ำหอมแทน เพราะมองว่าเป็นพืชเศรษฐกิจ อีกทั้งยังพบว่าชาวต่างประเทศหันมานิยมบริโภคมะพร้าวมากกว่าคนไทย
“ลองถามเด็กไทยว่ารู้จักมะพร้าวน้ำหอมดีแค่ไหน บางคนยังไม่รู้จักเลยหรือแม้แต่ผู้สูงอายุในพื้นที่บางแห่งยังไม่เคยดื่มหรือทานเนื้อมะพร้าวน้ำหอมเลย ฉะนั้น การศึกษาที่มาก็อาจจะไกลเกินไป แม้ตัวผมเองได้ผ่านการศึกษามะพร้าวมาแล้วกว่า 50 ปี แต่อีก 50 ปีข้างหน้าก็ยังคงต้องมีคนศึกษาเรื่องมะพร้าวกันต่อไปอีก เนื่องจากพวกเราทุกคนต้องตระหนักถึงความสำคัญแล้วช่วยกันอนุรักษ์ไว้”
มะพร้าวน้ำหอมมีลักษณะทรงผลเล็ก แต่มีจำนวนผลต่อทะลายมาก ถ้ามาดูเรื่องปริมาณน้ำและเนื้อยังมีมากกว่ามะพร้าวแกงหากเทียบทะลายต่อทะลายด้วยกัน ทั้งนี้ ตามธรรมชาติจำนวนผลมะพร้าวต่อทะลายขั้นต่ำมีจำนวน 10 ผล แต่ถ้าต้องปลูกเพื่อส่งออกจะต้องมีจำนวน 15-20 ผล ต่อทะลาย เนื่องจากการส่งออกมีการจำกัดขนาดผลที่มีความเหมาะสมพอดี
การควบคุมขนาดเพื่อให้มีความพอดีต่อการส่งออกจะต้องเริ่มต้นด้วยการควบคุมเรื่องระบบน้ำ ระบบสภาพแวดล้อมและเรื่องปุ๋ย สำหรับงานที่ผมทำมาโดยตลอดจะเน้นแนวทางการปลูกเพื่อทำให้มีคุณภาพด้วยการคัดเลือกพันธุ์ การให้น้ำ และการเก็บผลผลิต รวมถึงการตลาดด้วย
การคัดเลือกพันธุ์มะพร้าวน้ำหอมจะเน้นที่ความสมบูรณ์เป็นหลัก โดยดูจากลักษณะรูปผลที่ตรงตามคุณลักษณ์ที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น ถ้าน้ำหนักผลมะพร้าวขนาด 15 ผล ต่อทะลาย เมื่อแยกเป็นผลจะมีน้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม พอนำมาเจียนออกจะเหลือเพียง 1 กิโลกรัม
“สำหรับการเจียนมี 2 แบบ คือการเจียนเปลือกนอกที่เป็นสีเขียวออก จากนั้นเจียนเปลือกในสีขาวออกให้เป็นรูปทรงกรวยหรือพีระมิดแล้วนำไปแช่เย็นเพื่อรอการส่งออก อีกประเภทเป็นการเจียนเปลือกนอกสีเขียวออก แล้วเจียนเปลือกในสีขาวออกให้เหลือแต่กะลา แล้วจึงนำไปต้มก่อนที่จะแช่เย็นเพื่อส่งขาย อย่างไรก็ตาม จะต้องเลือกชนิดพันธุ์ควบคู่ไปด้วย”
มะพร้าวน้ำหอมที่ดีควรเป็นพันธุ์ที่อยู่ในสภาพภูมิประเทศที่ถูกจำกัดพื้นที่ปลูกโดยไม่ให้ปะปนกับมะพร้าวอื่นๆ ทั้งนี้ มี 2 พันธุ์ คือต้นสูงและต้นเตี้ย ซึ่งถ้าเป็นต้นสูงจะมีอำนาจมากเพราะใช้ความสูงในการผสมข้ามพันธุ์ได้ง่าย เนื่องจากมะพร้าวน้ำหอมถ้ามีอะไรเข้ามาจะผสมทันที จึงทำให้มีผลดก
ขณะเดียวกัน ถ้าจัดการเรื่องน้ำ/ปุ๋ยอย่างดีก็ไม่จำเป็นต้องนำหลักวิชาการเพื่อมาเร่งรัดให้เกิดผลผลิต เพราะมิเช่นนั้นจะทำให้ต้นโทรมเร็วเกินไป ไม่เป็นไปตามธรรมชาติที่กำหนดว่าใน 1 ต้น ต่อปี ควรจะให้ผลผลิตเพียง 10-12 ทะลาย ซึ่งควรจะมีเวลาพักต้นบ้าง
ดังนั้น ถ้าท่านต้องการปลูกมะพร้าวเพื่อขายพันธุ์จะไม่เห็นด้วย เพราะควรต้องใช้เวลา 10-15 ปี เพื่อให้ได้พันธุ์ที่นิ่งจริงๆ เสียก่อน อีกทั้งควรแยกปลูกในพื้นที่เฉพาะแบบโดดเดี่ยว อย่างสวนของผมเลือกปลูกไว้กลางท้องนาที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านถึง 20 กิโลเมตรเป็นอย่างน้อย แล้วต้องไม่ใช่สถานที่มีมะพร้าวอื่นปลูกอยู่ รวมถึงยังห้ามบุคคลอื่นเข้าไป ไม่เว้นแม้แต่รถยนต์ หรือปิกอัพ หรือรถขนาดใหญ่ แต่จะอนุญาตให้รถจักรยาน หรือมอเตอร์ไซค์เข้าไปได้เท่านั้น หากใช้แนวทางนี้สามารถสร้างมะพร้าวที่มีความสมบูรณ์แท้ได้แน่
นอกจากนั้น ยังต้องมีการตรวจดีเอ็นเอ จากอาจารย์ศิวเรศด้วยเพื่อให้มีข้อมูลในลักษณะเด่นของมะพร้าวที่มีอายุสัก 15 ปีขึ้นไป เป็นการตรวจตั้งแต่ผล ต้น เพื่อให้แน่ใจว่าถ้าปล่อยไปแล้วต้องเป็นของแท้ อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ใช่พันธุ์แท้จะมีสิ่งที่สังเกตได้จากต้นที่มีสีเหลือง เพราะน้ำหอมจะมีต้นสีเขียว (เพราะพัฒนามาจากพันธุ์หมูสีเขียว) ซึ่งลักษณะเด่นของมะพร้าวน้ำหอมจะต้องมีความหอม หวานแบบธรรมชาติ
ทางด้านการขนส่งมะพร้าวสดจะต้องส่งในรูปแบบมะพร้าวควั่นที่ยังมีเปลือกขาวติดอยู่ในลักษณะรูปทรงกรวยแบบแช่เย็นที่สามารถส่งได้เฉพาะทางเรือเท่านั้น อันนี้จึงถือเป็นข้อจำกัดที่ทำอยู่ในปัจจุบัน
สำหรับมะพร้าวพวงร้อยถือเป็นสายพันธุ์ที่มีผลดก เป็นพันธุ์ท้องถิ่นที่มีขนาดผลเล็ก แต่จะดกมากตามชื่อที่ถูกตั้งว่าพวงร้อย เป็นพันธุ์ท้องถิ่นเช่นเดียวกับน้ำหอมที่พัฒนามาจากหมูสี คุณสมบัติที่ดีของพวงร้อยคือมีเกสรตัวเมียจำนวนมาก รับสายพันธุ์ง่าย จึงสามารถพัฒนากับสายพันธุ์อื่นได้ง่าย อย่างน้ำหอมที่ผสมกับมะพร้าวโบราณต้นสูง
ทั้งนี้ ความหอมหวานของมะพร้าวที่ส่งออกจะไม่ต่ำกว่า 7 องศาบริกซ์ ฉะนั้น ทุกต้นหลังจากเก็บผลผลิตแล้วจะสุ่มตรวจว่ามีความหวานตามมาตรฐานหรือไม่ หรือหากพบว่ามีความหวานไม่ตามมาตรฐาน แสดงว่าอาจมีความผิดปกติก็จะต้องมีการตรวจ ดีเอ็นเอ ในทุกส่วนของมะพร้าวเพื่อค้นหาสาเหตุต่อไป
แปลงทดลองจำนวน 100 ไร่ เป็นพื้นที่สูงเป็นมะพร้าวน้ำหอมราชบุรี 1 ได้ทดลองปลูกแถวริมแม่น้ำท่าจีน ปรากฏว่าประสบความสำเร็จมากที่สุด สามารถส่งออกขายต่างประเทศเป็นอันดับ 1 ส่วนอันดับ 2 เป็นแปลงที่ปลูกแถวสมุทรสาคร และอันดับ 3 ที่นครปฐม ส่วนอันดับ 4 แถวฉะเชิงเทรา ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าสามารถปลูกมะพร้าวน้ำหอมได้หลายพื้นที่ เพียงแต่ต้องมีการคัดเลือกพันธุ์ที่เหมาะสมเพื่อใช้ปลูกในแต่ละพื้นที่เท่านั้น
ทั้งนี้ สภาพพื้นที่ปลูกอาจมีลักษณะเป็นที่ดอน อย่างแถวภาคอีสาน แต่ควรจัดระบบการกักเก็บน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพราะน้ำเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับมะพร้าว มิเช่นนั้นคุณภาพจะลดลงทันที ควรสร้างบ่อเก็บน้ำให้มีขนาดใหญ่ ที่สำคัญในปัจจุบันมีเทคโนโลยีสมัยใหม่เพียงใช้ผ้ายางปูรองก้นบ่อจะช่วยได้มาก
“การช่วยเพิ่มผลผลิตการปลูกสามารถช่วยเพิ่มรายได้ตั้งแต่การเริ่มลงมือปลูก โดยในปีแรกมะพร้าวยังต้นเล็ก ดังนั้น ในช่วงนี้ต้องหารายได้จากการปลูกพืชผักและผลไม้บางชนิดแซมระหว่างต้นมะพร้าว จะได้มีเงินใช้หมุนเวียน ขณะเดียวกัน มะพร้าวยังได้รับประโยชน์จากการให้น้ำ/ปุ๋ย จากพืชเหล่านั้นด้วย เมื่อเวลาผ่านไป 3 ปี มะพร้าวเริ่มมีผลผลิตจึงค่อยทยอยตัดพืชรายได้ระยะสั้นเหล่านั้นออก”
เทคนิคการควบคุมการให้น้ำเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับแนวทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เมื่อพื้นที่มีระดับต่ำกว่าน้ำทะเลทำให้มะพร้าวที่ปลูกมีผลลีบ ร่วง เพราะถ้ามีปริมาณน้ำมากปริ่มร่องปลูกอย่างต้นที่ปลูกในปีแรกควรจะควบคุมปริมาณน้ำให้มีระดับห่างจากหลังร่องลงมาประมาณ 50-75 เซนติเมตร เนื่องจากถ้าระดับสูงปริ่มร่องจะเป็นการเพิ่มไนโตรเจนมากเกินไป ส่งผลทำให้ใบสมบูรณ์มากเกินไป แล้วไม่ยอมสร้างเนื้อ พอนานไปอาจจะทำให้ผลร่วงเร็วกว่ากำหนดเวลา
“พอเข้าปีที่ 2 ต้นเริ่มเป็นสาว ควรลดระดับน้ำลงมาเหลือเพียง 1 เมตรจากหลังร่อง แล้วพอเข้าปีที่ 3 โดยธรรมชาติจะเริ่มมีผลผลิตแล้วรากของต้นมะพร้าวมีความยาวประมาณ 2.50 เมตร แล้วจะแผ่ลงริมน้ำ จึงปล่อยน้ำในระดับ 2.50 เมตร ซึ่งอยากบอกว่าเทคนิคแนวนี้ทางเวียดนามสนใจมาก”
สำหรับแปลงทดลองที่จังหวัดสุพรรณบุรีได้นำพันธุ์มะพร้าวน้ำหอมไปปลูกยังพื้นที่กลางทุ่งนา เพื่อต้องการให้ห่างจากมะพร้าวต้นสูงที่ปลูกอยู่ในบริเวณนั้น ได้นำพืชผักไปปลูกแซมไว้เช่นเดียวกัน อย่างโหระพา กระเจี๊ยบเขียว โดยคนที่ปลูกมีศักยภาพมากสามารถปลูกแบบส่งขายต่างประเทศได้ทั้ง 2 ชนิด จึงมีรายได้ดีมาก
มะพร้าวทุกสวนจะเน้นแบบอินทรีย์เป็นหลัก แนวทางนี้ทำมานานกว่า 40 ปีแล้ว เพราะเคยมีประสบการณ์กับการใช้เคมีที่ทำให้ผลผลิตเสียหายมากมายไม่คุ้ม แต่หลังจากนำวิธีปลูกและดูแลแบบอินทรีย์มาใช้ ปรากฏว่าสร้างคุณภาพสูงมาก และที่สำคัญตลาดต่างประเทศต้องการมะพร้าวอินทรีย์เท่านั้น
การปลูกแบบอินทรีย์ก็คงหนีไม่พ้นปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักเป็นหลัก เพราะมีฮอร์โมนสูง อีกอย่างคือพวกเศษใบมะพร้าว ผลที่หล่นก็นำไปถมร่องที่ขุดไว้ พอมะพร้าวมีอายุ 3 ปี ให้จัดการถมร่องกลบให้เสมอพื้นที่ปลูก พออายุมะพร้าวเกิน 5 ปี รากจะแผ่ออกด้านข้างแล้วลงไปในร่องที่ถมก็จะไปเจอกับเศษวัสดุพืช จากนั้นให้ใส่ปุ๋ยคอกที่บริเวณรอบโคนต้นโดยปริมาณและระยะที่ใส่ควรสอดคล้องกับอายุต้น
อย่างเช่น ถ้าต้นอายุ 1 ปี ให้ใส่ห่างสัก 50 เซนติเมตร อายุต้น 2 ปี ห่าง 1 เมตร หรือ 3 ปี ห่าง 2.50 เมตร เพราะโดยธรรมชาติของมะพร้าวน้ำหอมมีรัศมีรากประมาณ 2.50 เมตร แล้วถ้ารวม 2 ด้าน เป็น 5 เมตร ดังนั้น ระยะห่างต้นควรอยู่ที่ 7 เมตร จะเหมาะสม เพราะแสงแดดสามารถส่องผ่านได้ แล้วควรปลูกแนวสามเหลี่ยม
การวางแผนปลูกมะพร้าวอย่าเพียงสนใจเรื่องคุณภาพผลผลิตอย่างเดียว แต่ควรคำนึงถึงเรื่องการขนส่งคมนาคมกับการตลาดด้วยเป็นสำคัญ เพราะถ้าคิดปลูกแต่มีระยะทางไกลหรืออยู่ห่างไกลมากก็คงไม่คุ้มแน่นอน แล้วยังต้องมองว่าตลาดอยู่ห่างไกลไหม เป็นตลาดแบบไหน
“อายุเก็บเกี่ยวเมื่อถึงเวลา 3 ปี ซึ่งจะได้ผลผลิตประมาณต้นละ 10 ผล พอเข้าปีที่ 4-5 จะได้จำนวนผลมากขึ้น สำหรับมะพร้าวที่มีความสมบูรณ์เนื้อจะเต็ม ให้สังเกตว่าสีผลมีสีเขียวนวล ที่ขอบขั้วมีสีขาวเล็กๆ หางหนูจะมีสีดำครึ่งเส้น พอเป็นเช่นนั้นสามารถเก็บได้ แล้วส่งเข้ากระบวนการเพื่อเตรียมส่งขายต่างประเทศ” อาจารย์ประสงค์ กล่าว
อย่างที่ท่านอาจารย์ประสงค์พยายามเน้นย้ำว่าบนเส้นทางอาชีพมะพร้าว คงต้องมีการพัฒนาปรับปรุงอยู่เสมอ ขณะเดียวกัน ผู้ปลูกเองก็ต้องไม่ละเลยที่จะให้ความสำคัญและเอาใจใส่ในทุกขั้นตอนเพื่อที่จะทำให้มะพร้าวทุกผลล้วนมีคุณภาพเพื่อการส่งขายทั้งในและต่างประเทศ สำหรับคราวหน้าติดตามอ่านสาระความรู้ ตลอดจนข้อมูลที่น่าสนใจจากการสัมมนามะพร้าวกันต่อ