คนอุดรธานี รวมกลุ่มเลี้ยงกระบือ เป็นงานสร้างรายได้หลักแสนต่อปีอยู่กับบ้าน

“ถ้าให้เลือกระหว่างเลี้ยงกระบือกับการทำไร่ทำนา แบบไหนดีกว่ากันในปัจจุบันนี้ สำหรับผมเลือกเลี้ยงกระบือ เพราะการเลี้ยงกระบือไม่ได้ขายตัวละ 7,000-8,000 บาทเหมือนสมัยก่อน ซึ่งต่อตัวถ้าเลี้ยงเป็นเนื้อ ก็สามารถขายได้เป็นหลักหมื่นบาท เพียงแต่เราต้องมีวิธีการที่ต้องศึกษาให้ถูกต้อง เพื่อให้การเลี้ยงประสบผลสำเร็จ ซึ่งเดี๋ยวนี้วิทยาการต่างๆ สามารถหาข้อมูลศึกษาได้ เมื่อถึงเวลาขายคนเลี้ยงเองสามารถกำหนดเรื่องราคาได้อีกด้วย” คุณพรทรัพย์ กล่าว

คุณพรทรัพย์ พาภักดี อยู่บ้านเลขที่ 494 หมู่ที่ 1 ตำบลหนองนาคำ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงกระบือจนประสบผลสำเร็จ โดยเน้นผลิตลูกพันธุ์ขายให้กับผู้ที่สนใจนำลูกไปเป็นพ่อแม่พันธุ์ จนทำให้เวลานี้เขาได้จัดตั้งกลุ่มขึ้นเพื่อให้สมาชิกได้เรียนรู้และมีแนวทางการแก้ปัญหาไปด้วยกัน โดยลดที่ทำนาบางส่วนมาทำแปลงปลูกหญ้าให้กระบือกิน เพื่อเป็นการลดต้นทุนเรื่องอาหาร จึงทำให้ทุกคนในกลุ่มเกิดรายได้ มีเงินใช้จ่ายในครัวเรือนได้เป็นอย่างดี

แปลงปลูกหญ้า

 ใช้เวลาว่าง

เลี้ยงกระบือ

คุณพรทรัพย์ ชายผู้มากด้วยรอยยิ้มเล่าให้ฟังว่า ชุมชนในย่านนี้ส่วนใหญ่มีอาชีพทำเกษตรกรรม คือทำนา ต่อมาได้มีแนวความคิดที่อยากจะเลี้ยงสัตว์ในบริเวณบ้าน จึงได้รวบรวมเกษตรกรภายในชุมชน ตั้งเป็นกลุ่มผู้เลี้ยงโคกระบือ โดยมีสมาชิกประมาณ 10 คน

สมาชิกภายในกลุ่ม

“เราก็มองกันว่า กระบือภายในพื้นที่นับวันจำนวนเริ่มจะลดน้อยลง จึงตั้งกลุ่มกับเพื่อนบ้านในพื้นที่ ทำปศุสัตว์เชิงแบบเลี้ยงในครัวเรือน เมื่อมีใครที่สนใจอยากซื้อ ก็จะขายต่อให้สามารถนำไปเลี้ยงต่อได้ ก็ทำให้เกิดรายได้กับผู้เลี้ยง จนสามารถนำเงินที่ได้ไปใช้จ่ายภายในครัวเรือน เป็นรายได้ต่อไป” คุณพรทรัพย์ เล่าถึงที่มา

โดยภายในกลุ่มจะเน้นทำกิจกรรมประชุมกันทุกเดือน เพื่อแลกเปลี่ยนปัญหาการเลี้ยงกระบือซึ่งกันและกัน จึงทำให้ภายในกลุ่มผู้เลี้ยงกระบือของชุมชนนี้มีความเข้มแข็ง สามารถเลี้ยงกระบือประสบผลสำเร็จไปพร้อมกันทุกคน และที่สำคัญสามารถต่อรองในเรื่องของราคากับพ่อค้าได้

ฟางที่เตรียมไว้ให้กระบือกิน

เน้นเลี้ยงรอบบริเวณบ้าน

ในขั้นตอนของการเลี้ยง คุณพรทรัพย์ บอกว่า ไม่มีขั้นตอนที่ซับซ้อน เพียงแต่หาพื้นที่เหมาะสมภายในบ้านสร้างคอกให้กระบืออยู่ และแบ่งพื้นที่บางส่วนใช้ปลูกหญ้าไว้ให้กระบือกิน ซึ่งในแต่ละวันจะปล่อยให้กระบือออกมาเดินเล่นในพื้นที่ที่จัดไว้ให้ โดยจะควบคุมไม่ให้ไปรบกวนแปลงนาของเพื่อนบ้าน

“ช่วงแรกทุกคนในกลุ่ม จะหาซื้อกระบือเข้ามาเลี้ยงก่อน คนละ 2 ตัว หรือถ้าใครมีกำลังซื้อมากก็อาจจะมีมากกว่า พอพื้นที่เราพร้อมก็จะเลี้ยงให้กระบือโตเต็มที่ ซึ่งที่เลี้ยงในตอนนี้จะเน้นให้ผสมพันธุ์เอง โดยที่ยังไม่ได้มีน้ำเชื้อเข้ามาช่วยในการผสมเทียม แม่กระบือที่ผสมพันธุ์เสร็จแล้วจะใช้เวลาตั้งท้องประมาณ 9 เดือน หลังจากนั้นก็จะคลอดลูกออกมา” คุณพรทรัพย์ บอก

แปลงพริกที่ปลูกด้วยมูลกระบือ

เมื่อลูกกระบือคลอดออกมาแล้ว ในช่วงแรกจะดูแลให้แข็งแรงโดยเลี้ยงให้อยู่ภายในคอก โดยจะหาฟางและหญ้าให้ลูกกระบือกิน แต่อาหารที่ลูกกระบือกินเป็นส่วนใหญ่จะเป็นนมแม่ที่ลูกกระบือบางตัวสามารถกินได้นานถึง 1 ปีก็มี

ในช่วงลูกกระบือได้อายุประมาณ 1 เดือน จะฉีดยาฆ่าพยาธิเพื่อให้ลูกกระบือมีความแข็งแรง ส่วนแม่กระบือจะทำวัคซีนพร้อมทั้งให้ยาบำรุงไปพร้อมกันด้วย เมื่อเวลาที่ลูกกระบือกินนมแม่ก็จะทำให้ได้รับวัคซีนจากแม่ไปด้วย จึงทำให้มีภูมิต้านทานโรคมากขึ้น

ส่วนกระบือที่เป็นพ่อแม่พันธุ์หรือมีขนาดที่ใหญ่แล้ว คุณพรทรัพย์ บอกว่า นอกจากจะให้กินหญ้าแล้ว ยังเสริมด้วยอาหารข้นตามกำลังที่สมาชิกกลุ่มบางรายพอมีทุน และส่วนบางรายที่มีทุนน้อยจะให้กินรำผสมกับกากมันหมักเพื่อทดแทนอาหารข้น ลดต้นทุน

“กระบือที่เลี้ยงก็จะมีการทำวัคซีนทุก 6 เดือนครั้ง โดยทางกลุ่มจะเน้นพึ่งพาตนเอง โดยหาซื้อมาทำกันเองภายในกลุ่ม ซึ่งที่นี่ยังไม่เจอเรื่องโรคระบาดที่ทำให้กระบือเราเสียชีวิต เราจะทำการป้องกันอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้กระบือเรามีความแข็งแรง และที่สำคัญเน้นเลี้ยงให้อยู่กันแบบธรรมชาติ เลยทำให้กระบือมีสุขภาพดี ปราศจากโรค” คุณพรทรัพย์ บอกถึงวิธีการดูแลและป้องกันโรคของกระบือ

คุณพรทรัพย์ พาภักดี

กระบือสามารถทำเงิน

ไม่แพ้สัตว์อื่น

ในเรื่องของรายได้สำหรับการเลี้ยงกระบือนั้น คุณพรทรัพย์ บอกว่า อยู่ที่ความพึงพอใจของสมาชิกภายในกลุ่มว่าต้องการขายหรือไม่ เพราะเมื่อเลี้ยงไประยะเวลานานเกิดความผูกพันจึงไม่อยากขายให้กับพ่อค้า แต่จะเลี้ยงอยู่ภายในบ้านเหมือนเป็นสัตว์เลี้ยงทั่วไปที่อยู่เป็นเพื่อนได้ ก็จะทำให้มีกระบือเพิ่มจำนวนมากขึ้น

ซึ่งถ้าถามว่าการเลี้ยงกระบือสามารถทำเงินให้กับเจ้าของได้ไหม คุณพรทรัพย์ บอกว่า สามารถทำเงินได้ไม่แพ้กับสัตว์ชนิดอื่น และที่สำคัญการเลี้ยงกระบือไม่ยุ่งยาก แถมยังมีเวลาพอที่จะไปทำธุรกิจอย่างอื่นได้อีกด้วย

มูลกระบือสามารถนำไปขายได้

“กระบือเมื่อเปรียบเทียบกับสัตว์อื่น ก็สามารถขายทำเงินได้ อย่างที่ผมทำกันอยู่นี่ ลูกกระบืออายุประมาณ 6 เดือน ถ้าส่งขายเป็นเนื้อก็จะอยู่ที่ตัวละประมาณ 15,000 บาท ส่วนเป็นกระบือสวยงามสามารถส่งเข้าประกวดได้ อายุ 6 เดือนเหมือนกัน ราคาก็จะอยู่ประมาณหลักแสนบาทขึ้นไป ซึ่งอยู่ที่เราว่าต้องการเลี้ยงแบบไหน จุดมุ่งหมายยังไง โดยการขายก็ทำเงินให้ผู้เลี้ยงได้ไม่แพ้กัน โดยคนที่มาซื้อจากเราส่วนใหญ่จะเป็นคนที่สนใจนำไปเลี้ยงต่อ เพื่อเป็นพ่อแม่พันธุ์บ้างประมาณนี้” คุณพรทรัพย์ บอกถึงเรื่องการตลาด

คุณพรทรัพย์ ยังบอกอีกด้วยว่า กระบือเป็นเหมือนสัตว์ที่ให้คุณกับครอบครัวเขา เพราะนอกจากจะขายลูกเพื่อสร้างรายได้มาใช้จ่ายภายในครอบครัวแล้ว มูลของกระบือยังถือว่าเป็นปุ๋ยชั้นดีที่เกษตรกรมีความต้องการ จึงทำให้สามารถขายมูลกระบือเสริมรายได้อีกทาง โดยบางส่วนไว้ใช้ภายในของสวนตนเอง และที่เหลือก็ขายให้กับเกษตรกรที่สนใจนำไปใช้ในสวน โดยขายอยู่ที่กระสอบละ 50 บาท จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องซื้อปุ๋ยเคมี จึงช่วยประหยัดต้นทุนได้มากขึ้นอีกด้วย

พื้นที่ภายในคอก

สำหรับผู้ที่สนใจอยากเลี้ยงกระบือโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวัยเกษียณเหมือนอย่างสมาชิกในกลุ่มของเขา คุณพรทรัพย์ แนะนำว่า ถึงจะมีพื้นที่เพียง 1 ไร่ ก็สามารถเลี้ยงกระบือสร้างรายได้ทำเงินแสนได้เช่นกัน นอกจากจะมีกิจกรรมทำยามว่างแล้วยังได้เรื่องสุขภาพอีกด้วย คือการได้ออกกำลังกาย เพราะอย่างน้อยได้พาสัตว์ที่เลี้ยงเดินเล่นตามทุ่งนา จึงทำให้รู้สึกเพลิดเพลินสุขใจก็จะทำให้มีคุณภาพร่างกายที่แข็งแรง

“การรวมกลุ่มเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเกษตรกร โดยเราจะทำแบบขายตามมีตามเกิดไม่ได้ เมื่อลงทุนที่จะทำอะไรแล้ว อย่างน้อยก็ต้องให้มีรายได้เข้าสู่ครอบครัว ซึ่งการเลี้ยงกระบือก็ถือว่าเป็นงานที่ทำอยู่กับบ้านได้ เป็นกิจการของครอบครัว ทำให้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา และก็หากิจกรรมอื่นๆ ทำเสริมไปด้วยตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยเฉพาะพืชผักสวนครัว ก็ทำเสริมเข้าไป เท่านี้ก็จะมีรายได้อย่างแน่นอน โดยที่ทุกคนได้อยู่ด้วยกัน” คุณพรทรัพย์ กล่าวแนะนำ

ลูกกระบือ

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าศึกษาดูงานการเลี้ยงกระบืออย่างประณีต สามารติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณพรทรัพย์ พาภักดี หมายเลขโทรศัพท์ (088) 031-3327

ที่มา : เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์