เกษตรกรกลุ่มอินทผลัมภาคตะวันตก รุกตลาดขึ้นห้าง เล็งขยายฐานส่งออกอินทผลัมสด ตลาดเพื่อนบ้าน

จังหวัดกาญจนบุรี เป็นจังหวัดในภาคกลาง ที่สภาพภูมิอากาศและสภาพภูมิประเทศในแต่ละอำเภอมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก แต่จัดว่าเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ในเนื้อดินและมีแหล่งน้ำธรรมชาติค่อนข้างมากพอกับการทำเกษตรกรรมในพื้นที่    

กลางฤดูฝนในเดือนกรกฎาคมของอำเภอบ่อพลอย สภาพอากาศยังคงร้อนมากพอเรียกเหงื่อเต็มหลัง ยิ่งเดินอยู่กลางไร่อินทผลัมด้วยแล้ว คิดจะอาศัยใบหลบร้อนคงไม่ได้

เดินในไร่อินทผลัมอยู่พักใหญ่ นั่งรถไฟฟ้าก็แล้ว วนอยู่หลายรอบก็มองไม่เห็นเขตสุดขอบของไร่อินทผลัมแห่งนี้

คุณประวิทย์ เชาวน์วาณิชย์กุล ประธานกลุ่มอินทผลัมภาคตะวันตก หรือ WDP เปิดไร่อินทผลัมเกือบ 140 ไร่ ในตำบลช่องด่าน อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ให้ได้ชม ภาพที่เห็นคือ ต้นอินทผลัมอายุ 2.7-3 ปี 800 ต้น หรือประมาณ 40 ไร่ ให้ผลผลิตแล้วทั้งหมด นอกจากนั้นเป็นต้นอินทผลัมอายุน้อยกว่า ซึ่งคาดว่าจะให้ผลผลิตได้ในอีกไม่ช้า แต่หากนับรวมในจำนวนเกือบ 140 ไร่แล้ว มีต้นอินทผลัมราว 2,700 ต้น

กลุ่มอินทผลัมตะวันตก หรือ WDP เป็นการรวมกลุ่มของเกษตรกรผู้ปลูกอินทผลัมในหลายจังหวัด ทั้งภาคกลางและภาคตะวันตก อาทิ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี อุทัยธานี ราชบุรี เป็นต้น แต่เป็นการรวมกลุ่มเฉพาะแปลงที่ปลูกอินทผลัมแบบเพาะเนื้อเยื่อ เพื่อต้องการให้รักษามาตรฐานของผลผลิตให้ได้ในระดับเดียวกัน ไม่แย่งกันขายและส่งเสริมการปลูกอินทผลัมในประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับประเทศ

จำนวนสมาชิกในปัจจุบันมีประมาณ 30 ราย พื้นที่ปลูกอินทผลัมรวม 600 ไร่ จำนวนกว่า 50,000 ต้น เริ่มทยอยให้ผลผลิตแล้วราว 17,000 ต้น

ต้นอินทผลัมเพาะเนื้อเยื่อ สั่งมาจากประเทศอังกฤษ เป็นสายพันธุ์บาฮี ในราคา ต้นละ 1,200 บาท และเป็นอินทผลัมเพาะเนื้อเยื่อตัวเมียทั้งหมด ในพื้นที่เกือบ 140 ไร่นี้ มีพื้นที่เพียง 15 ไร่ ที่ปลูกด้วยการเพาะเมล็ด เพื่อเป็นแปลงสำหรับเก็บเกสรตัวผู้ใช้ผสม และหากเมล็ดที่ปลูกเป็นอินทผลัมต้นตัวเมียก็เก็บไว้เพื่อเป็นตัวอย่างและเปรียบเทียบ

“การผสมเกสรให้กับอินทผลัม ต้นอินทผลัมตัวเมียสำคัญที่สุด การเลือกต้นเพาะเนื้อเยื่อตัวเมียมาปลูก เพราะต้องการให้ผลผลิตที่ได้เป็นสายพันธุ์บาฮีแท้ ส่วนการผสมเกสรตัวผู้ เราใช้จากต้นเพาะเมล็ดได้ ซึ่งการเลือกสายพันธุ์บาฮีมาปลูกในพื้นที่ประเทศไทย เพราะพันธุ์บาฮีเป็นพันธุ์กินสด ให้ผลดก รสชาติดีไม่ติดฝาดและเนื้อเยอะ ทั้งยังเหมาะสำหรับปลูกในสภาพภูมิประเทศและสภาพภูมิอากาศของไทย ซึ่งการสั่งตรงจากประเทศอังกฤษ เพราะเป็นห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่มีมานานกว่า 30 ปี มีความน่าเชื่อถือ”

ดอกตัวผู้ (ซ้าย) และ ดอกตัวเมีย (ขวา)

ต้นอินทผลัมเพาะเนื้อเยื่อ มีความสูงราว 30 เซนติเมตร

ปลูกโดยขุดหลุม ขนาด 1×1 เมตร ระยะห่างระหว่างต้นและแถว 8×8 เมตร ปลูกได้จำนวน 25 ต้น ต่อไร่

ในการลงทุนครั้งแรกของการปลูกอินทผลัมเพาะเนื้อเยื่อ ลงทุนราว 30,000 บาท ต่อไร่

ขาวๆ ติดมือ คือ ละอองเกสรตัวผู้

“อินทผลัม เป็นพืชที่เจริญเติบโตง่าย การดูแลเช่นเดียวกับพืชชนิดอื่น ให้ปุ๋ยบ้าง หากพบแมลงศัตรูพืช คือ ด้วงแรด และด้วงไฟ ก็ให้กำจัดทิ้ง อาจใช้เคมีบ้างถ้าจำเป็น ส่วนใหญ่ใช้สารชีวภาพฉีดรอบโคนต้น วัชพืชในแปลงก็ต้องกำจัดไม่ควรปล่อยให้รก ปลิดใบออกเฉพาะใบเหลือง หากยังเขียวอยู่ให้ปล่อยทิ้งไว้กับต้น เพราะใบจะช่วยในการสะสมอาหาร ส่วนการรดน้ำสำหรับอินทผลัมเป็นเรื่องจำเป็น ในฤดูร้อนเว้นระยะเวลา 4 วัน ให้น้ำ 1 ครั้ง แต่ละครั้งให้ปริมาณ 200 ลิตร ต่อต้น”

หลังต้นอินทผลัมให้เกสรตัวผู้ ราวเดือนกุมภาพันธ์ ให้เก็บเกสรตัวผู้ใส่ถุงแล้วนำไปเก็บยังช่องฟรีซ สามารถนำออกมาใช้ได้เรื่อยๆ เกสรตัวผู้ 1 ต้น นำไปผสมกับเกสรตัวเมียได้มากถึง 15 ต้น

คุณประวิทย์ แนะนำว่า หากพบเกสรตัวเมีย (ออกจั่น) ในครั้งแรก ควรตัดทิ้ง เพื่อรอเกสรที่สมบูรณ์ถัดไป จากนั้นจึงผสม

หลังการผสมเกสร อีกราว 120 วัน เก็บผลผลิตนำไปจำหน่ายได้

ผลผลิตต่อต้นในปีแรก ราว 20-30 กิโลกรัม และจะเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ ในปีถัดไป

ระหว่างที่ติดผล ควรห่อด้วยตาข่ายถี่ในชั้นแรก และถุงคาร์บอนอีกชั้น เพื่อป้องกันแมลงเล็กๆ ทำลายผิวของผลอินทผลัม จะช่วยให้ผลสวย มีคุณภาพ ขายได้ราคา

จริงๆ แล้ว ผลสดพันธุ์บาฮี นำมารับประทานได้ตั้งแต่เริ่มสุกเพียง 60 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าจะให้รสชาติดี หวาน กรอบ ควรรอให้ผลสุก 90 เปอร์เซ็นต์”

หลังลงปลูกถึงวันเก็บผลผลิตครั้งแรก คิดเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้น 50,000 บาท ต่อไร่ แต่หลังจากเก็บผลผลิตในครั้งแรกแล้ว ค่าใช้จ่ายจะลดน้อยลง เหลือเพียงค่าปุ๋ย ค่าน้ำ และการจัดการภายในไร่อีกไม่มากนัก

ซึ่งทุกปี อินทผลัมจะเริ่มให้ผลผลิตเก็บจำหน่ายได้ราวปลายเดือนมิถุนายน ได้ผลผลิตสูงสุดในช่วงเดือนกรกฎาคมตลอดเดือน และหมดลงในเดือนสิงหาคม

ปีนี้เป็นปีแรกที่อินทผลัมให้ผลผลิต คุณประวิทย์ คาดว่าจะสามารถเก็บผลผลิตออกจำหน่ายได้ครั้งแรก จำนวน 20 ตัน และปริมาณจะเพิ่มขึ้นอีก 3-4 เท่า ในปีถัดไป โดยมีการทำสัญญาส่งผลผลิตให้กับห้างสรรพสินค้าโลตัสล็อตแรก จำนวน 1 ตัน และเพิ่มจำนวนขึ้นตามปริมาณผลผลิตที่ได้

ราคาซื้อขายอินทผลัมในปีนี้ ราคาส่งหน้าสวน อยู่ที่กิโลกรัมละ 700 บาท และพร้อมเปิดตลาดไปยังประเทศลาว และประเทศอินโดนีเซียเร็วๆ นี้

คุณอนุรักษ์ บุญลือ หนึ่งในเกษตรกรผู้ปลูกอินทผลัมในยุคแรกๆ ปัจจุบัน มีพื้นที่ปลูกอินทผลัมทั้งหมด 60 ไร่ เป็นการปลูกแบบเพาะเนื้อเยื่อทั้งหมด ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าม่วง อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี และเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มอินทผลัมภาคตะวันตก หรือ WDP บอกว่า ในอดีตเขาเคยปลูกอินทผลัมด้วยการเพาะเมล็ดมาก่อน แต่ประสบการณ์ทำให้เข้าใจว่า ผลผลิตที่ได้จากการเพาะเมล็ดแตกต่างจากผลผลิตที่ได้จากต้นเพาะเนื้อเยื่อ โดยพื้นที่ 80 เปอร์เซ็นต์ ปลูกพันธุ์บาฮี และอีก 20 เปอร์เซ็นต์ ปลูกสายพันธุ์อื่น เช่น คาลาส (khalas) ฮายานี (hayanee) ซักการี (sukkari) อัจวา (ajwah) ไว้สำหรับศึกษา เป็นต้น

สิ่งหนึ่งที่คุณอนุรักษ์ เป็นตัวหลักในการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มคือ การผลิตน้ำอินทผลัมสด

การทำน้ำอินทผลัมสด ทำโดยการนำผลสดอินทผลัม แกะเมล็ดออก จากนั้นนำไปปั่นให้ละเอียด กรองแยกกาก นำไปต้มให้เดือด ทิ้งไว้ให้เย็น นำไปดื่มได้ ซึ่งปัจจุบันทำด้วยวิธีพาสเจอไรซ์ ทำให้เก็บไว้ในที่เย็นได้นานถึง 35 วัน และหากเก็บไว้โดยไม่แช่เย็น ได้นาน 2 สัปดาห์

ผลสดอินทผลัม น้ำหนัก 1 กิโลกรัม ผลิตน้ำอินทผลัมสดได้ 35 ขวด ปริมาณขวดละ 250 มิลลิลิตร

สำหรับน้ำอินทผลัม ถือว่าเป็นการต่อยอดจากการจำหน่ายผลสดอินทผลัม แม้ว่าปริมาณผลผลิตผลสดที่ได้จะยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค แต่กลุ่ม WDP เชื่อว่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้บริโภคได้

น้ำอินทผลัม 100 เปอร์เซ็นต์

“ที่ผ่านมา เราไม่ได้สต๊อกผลสดไว้สำหรับทำน้ำ เราจึงผลิตออกมาเพื่อทดลองตลาดก่อน แต่คาดว่าปีนี้ ผลสดอินทผลัมที่ได้จะมีจำนวนมากพอที่จะสต๊อกไว้สำหรับทำน้ำอินทผลัมได้ โดยเฉพาะหลังจากหมดฤดูกาลของผลสดในแต่ละปี”

อย่างไรก็ตาม สมาชิกในกลุ่มอินทผลัมภาคตะวันตก หรือ WDP มีสมาชิกราว 30 ราย แล้วก็ตาม ก็ยังคงเปิดรับสมัครสมาชิกที่มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ในการรักษาตลาด รักษามาตรฐาน และต้องการจำหน่ายผลสดอินทผลัมโดยไม่ตัดราคาเกษตรกรด้วยกันเอง เพื่อช่วยผลักดันและเปิดตลาดการค้าอินทผลัมสดของประเทศไทยให้กว้างมากยิ่งขึ้น

กลุ่มอินทผลัมภาคตะวันตก ยินดีเป็นจุดศูนย์กลางของการถ่ายทอดและเรียนรู้การปลูกอินทผลัมกินผลสด สนใจสอบถามได้ที่ คุณประวิทย์ เชาวน์วาณิชย์กุล ประธานกลุ่มอินทผลัมภาคตะวันตก หรือWDP โทรศัพท์ (081) 732-3681 หรือ คุณอนุรักษ์ บุญลือ สมาชิกกลุ่มอินทผลัมภาตตะวันตก หรือ WDP โทรศัพท์ (092) 681-1919