“มะระขี้นกยักษ์” โอกินาวา ปลูกได้ดี สร้างรายได้งาม กิโลละ 100 บาท

โอกินาวา” เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะริวกิว ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้นเป็นเกาะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งภาษา วัฒนธรรม และการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ต่างกับดินแดนส่วนอื่นของญี่ปุ่น เกาะโอกินาวาประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ที่อยู่กระจัดกระจายในบริเวณกว้าง มีหาดทรายขาวสวย น้ำทะเลสีครามและปะการังที่ยังสมบูรณ์ ทำให้โอกินาวาเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักร้อนในฝันของชาวญี่ปุ่น

คนประเทศญี่ปุ่นบนเกาะโอกินาวา ได้ชื่อว่ามีอายุยืนที่สุดในโลก ถือเป็นเกาะที่มีประชากรอายุเกิน 100 ปี มากที่สุดในโลก จากข้อมูลการศึกษาวิจัย พบว่า สภาพแวดล้อม วัฒนธรรม นิสัยคนโอกินาวาเป็นคนชอบผ่อนคลายไม่เครียด และอาหารการกินของคนโอกินาวามักจะรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่ง 3 อันดับ อาหารโอกินาวาที่รับประทานแล้วอายุยืน คือ

  1. ผัดมะระโอกินาวา หรือ เรียก “โกยะ จัมปุรุ” (Goya Champuru)
  2. ผัดสาหร่ายคอนบุ (คูบุอิริจิ)
  3. น้ำส้มโอกินาวา (ชีกัวชา)

โดยเฉพาะ โกยะ จัมปุรุ หรือ ผัดมะระ จัดเป็นอาหารพื้นเมืองยอดนิยมของจังหวัดโอกินาวา ที่ไปเกาะแห่งนี้แล้วต้องรับประทานให้ได้ มะระนั้นถือว่าเป็นผักที่มีวิตามินซีสูงในลำดับต้นๆ ส่วนรสขมในมะระเกิดจากสารที่เรียกว่า โมโมดิซิน ซึ่งให้รสขม มีสรรพคุณช่วยเจริญอาหาร และเป็นยาระบายอ่อนๆ และสาร ชาแลนทิน” ที่อยู่ในเปลือก มีสรรพคุณทางยาในการลดน้ำตาลในเลือด และรักษาโรคเบาหวาน ที่โอกินาวาเชื่อกันมาแต่สมัยโบราณว่าความขมของมะระจะช่วยทำให้เลือดสะอาดและช่วยเรื่องความดันเลือดให้คงที่ ด้วยความที่มะระมีวิตามินซีมาก สูงกว่ามะนาว 2-3 เท่าตัว มากกว่าผักกะหล่ำปลีถึง 4 เท่า ทำให้มะระเป็นตัวแทนอาหารของโอกินาวามาอย่างยาวนาน

ผลมะระขี้นกยักษ์ โอกินาวา ที่เก็บขายได้ กิโลกรัมละ 100 บาท

นอกจากวิตามินซีแล้วยังมีวิตามินอี และยังมีแร่ธาตุต่างๆ มีใยอาหารอยู่มาก เหมาะสำหรับการป้องกันความอ่อนเพลียที่เกิดในหน้าร้อน มะระโกยะ (goya) มักจัดอยู่ในเมนูอาหารของโอกินาวา ซึ่งให้พลังงาน 1 แคลอรี ต่อกรัม และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง มะระโกยะนอกจากนำมาใช้ประกอบอาหารชนิดต่างๆ แล้ว ยังนำมาทำเป็นน้ำปั่นหรือคั้นสดไว้ดื่มก็ได้ หรือฝานบางๆ ใส่ในแซนด์วิช หรือใช้เป็นผักเคียงในเมนูซูซิ จากข้อมูลพบว่า คนบนเกาะโอกินาวา เป็นที่แรกในญี่ปุ่นที่เริ่มรับประทานมะระ ก็จะเป็นที่รู้จักและนิยมรับประทาน ด้วยเป็นพื้นที่แรกๆ ที่รับประทานมะระ พื้นที่ปลูกมะระจึงอยู่ที่เกาะโอกินาวา ถือว่าเป็นแหล่งเดียวในญี่ปุ่นที่ปลูก โดยเฉพาะเมืองยาอิเสะ จังหวัดโอกินาวา เมื่อนักท่องเที่ยวมาเยือนเกาะโอกินาวา เมนูที่พลาดไม่ได้เลยนั้นคือ ผัดมะระโอกินาวา (โกยะ จัมปุรุ) ที่นำมะระมาซอยเป็นชิ้นบางๆ ผัดใส่ไข่ ใส่หมู ใส่เต้าหู้ โรยด้วยปลาป่น

ซึ่ง “สวนคุณลี” อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร โทร. (081) 886-7398, (056) 613-021 ได้นำพันธุ์ มะระขี้นกยักษ์” โอกินาวา มาปลูกที่สวนคุณลี จังหวัดพิจิตร นานประมาณ 2 ปี พบว่ามีการเจริญเติบโตดีมาก สามารถออกดอก ติดผลดกมาก และมะระมีรสชาติดีเหมือนที่ปลูกบนเกาะโอกินาวาทีเดียว อายุการเก็บเกี่ยวเร็ว คือ ประมาณ 2 เดือน หลังย้ายกล้าปลูกลงแปลง และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้นาน 1-2 เดือน ซึ่งขึ้นอยู่กับการบำรุงดูแลรักษา โดยจุดเด่นของมะระโอกินาวาคือ รสชาติไม่ขมมาก นำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเช่นเดียวกับมะระทั่วไป

ปัจจุบัน “สวนคุณลี” สามารถผลิตและจำหน่ายผลมะระขี้นกยักษ์โอกินาวา ส่งขายร้านอาหารในกรุงเทพฯ และขายปลีกที่สวน ได้กิโลกรัมละ 100 บาท ซึ่งได้รับการตอบรับจากคนรับประทานเป็นอย่างดี ซึ่งมีการวางแผนการปลูกให้ผลผลิตมีขายตลอดทั้งปี และยังคัดเลือกพันธุ์มะระขี้นกยักษ์โอกินาวาเพื่อผลิตเมล็ดจำหน่ายให้กับผู้ที่สนใจนำไปปลูกต่อด้วย

ผลมีขนาดใหญ่ มีน้ำหนักตั้งแต่ 300-800 กรัม ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา

การปลูก

“มะระขี้นกยักษ์” โอกินาวา เริ่มต้นจากเพาะกล้ามะระโอกินาวาโดยการเพาะเมล็ด ทำได้ 3 วิธี ดังนี้

  1. วิธีเพาะในแปลง การเพาะด้วยวิธีนี้ต้องพรวนดินให้ร่วนซุย ผสมปุ๋ยมูลสัตว์เพื่อให้ดินร่วนซุยยิ่งขึ้น นำเมล็ดมะระมาเรียงห่างกัน ประมาณ 3 เซนติเมตร กลบด้วยดินหนา 2-3 เซนติเมตร เอาฟางคลุม รดน้ำ 3-4 วัน รอจนต้นกล้ามีใบจริง 2 ใบ หรืออายุประมาณ 8-10 วัน ก็ย้ายแปลงปลูก โดยก่อนการถอนกล้าควรรดน้ำให้ชุ่มเสียก่อน เพื่อต้นกล้าไม่บอบช้ำมากนัก
  2. วิธีการเพาะกล้าในถุงดำเล็ก นำดินผสมปุ๋ยคอกและวัสดุปลูกที่หาได้ใส่ถุงดำ ขนาด 7×8 เซนติเมตร แช่เมล็ดมะระในน้ำ ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วนำเมล็ดเพาะใส่ถุง ถุงละ 1 เมล็ดรดน้ำให้พอชุ่ม เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ จึงย้ายลงแปลงปลูก
    กล้ามะระขี้นกยักษ์โอกินาวา อายุกล้า 35-45 วัน พร้อมย้ายปลูกลงแปลง
  3. วิธีการเพาะกล้างอกวิธีเพาะกล้ามะระโอกินาวา นำเมล็ดพันธุ์มะระโอกินาวามาแช่น้ำอุ่นไว้ ประมาณ 1 คืน หรือราว 5-8 ชั่วโมง เช้าอีกวันก็นำเมล็ดมาห่อกับผ้าเปียกน้ำหมาดๆ นำไปบ่มไว้ในกระติกน้ำหรือกล่องโฟม หรือใช้ถุงร้อนคลุมอบก็ได้ เพื่อให้เมล็ดมะระออกรากเร็วและงอกดีขึ้น ประมาณ 2 วัน เมื่อเปิดดูจะเห็นรากสีขาวๆ โผล่ออกมา เลือกเมล็ดที่รากงอกนั้น แล้วนำไปปลูกในถาดเพาะกล้าหรือถุงดำขนาดเล็ก เพื่อให้ง่ายในการดูแลรักษาต้นกล้า ดังนั้น แนะนำให้เพาะกล้าเสียก่อน การย้ายเมล็ดต้องทำด้วยความระมัดระวังอย่าให้รากอ่อนที่งอกจากเมล็ดหัก ควรใช้ไม้กดจิ้มวัสดุปลูกให้เป็นหลุมเสียก่อน แล้วนำเมล็ดหยอดลงไปใช้ปลายนิ้วชี้กับนิ้วโป้งบีบดินหรือวัสดุปลูกกลบเมล็ดเบาๆ จากนั้นรดน้ำอย่างสม่ำเสมออย่าให้แฉะ จนต้นมะระโอกินาวามีใบจริง 2-3 ใบ ก็สามารถย้ายปลูกในแปลงหรือถุงดำขนาดใหญ่ได้ ในช่วงที่เลี้ยงกล้าต้องหมั่นระวังแมลงที่จะมากัดกินยอด เช่น ตั๊กแตน และแมลงปีกแข็ง เป็นต้น
  4. วิธีหยอดลงหลุมปลูกในแปลงเลย นำเมล็ดมะระแช่น้ำอุ่นไว้อย่างน้อย 5-8 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นการงอกและทำให้เปลือกมะระขี้นกยักษ์โอกินาวานิ่มก่อน แล้วนำไปหยอดกลบที่หลุมปลูก หลุมละ 1-2 เมล็ด ในแปลงปลูกได้เลย
ปลูกหลุมละ 1-3 ต้น ได้ตามความต้องการ ใช้ระยะปลูกระหว่างต้น 30 เซนติเมตร

หลังการย้ายปลูก แนะนำใช้สารไดโนทีฟูแรน เช่น สารสตาร์เกิล จี อัตรา 2 กรัม ต่อหลุมปลูก หรือต่อต้น ใช้รองก้นหลุม ทั้งแบบย้ายจากกระบะ หรือย้ายจากแปลงเพาะกล้า หยอดพร้อมเมล็ดพันธุ์ โรยรอบโคนต้นหลังปลูกสามารถป้องกันแมลงศัตรูได้หลายชนิด ซึ่งอยู่ในกลุ่มนีโอนิโคตินอยด์ ที่พบในยาสูบทั่วไป มีความเป็นพิษต่ำมากต่อมนุษย์ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก ปลา และสิ่งแวดล้อม ออกฤทธิ์ดูดซึมเข้าทางระบบราก สามารถป้องกันกำจัดแมลงที่หลบซ่อนอยู่บนต้นพืชและใต้ดินได้ดี มีประสิทธิภาพออกฤทธิ์ควบคุม และกำจัดแมลงได้ยาวนาน 30-45 วัน ป้องกันกำจัดแมลงบนดิน เช่น เพลี้ยจักจั่นฝ้าย เพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง แมลงหวี่ขาว เพลี้ยไฟ หนอนแมลงวันชอนใบ หนอนแมลงวันเจาะลำต้น ด้วงเต่าแตง และแมลงใต้ดิน เหมาะสำหรับพืชผัก โดยเฉพาะพืชผักส่งออก

กล้ามะระโอกินาวามีใบจริง 3-5 ใบ หรือหลังเพาะเมล็ดราวๆ 30-45 วัน ก็สามารถย้ายปลูกลงแปลงได้ หรือปลูกลงถุงดำใบใหญ่ในกรณีที่ดินปลูกไม่ดีต้องการปรุงดินปลูกเองหรือมีพื้นที่ปลูกน้อย ระยะปลูก ระหว่างหลุมปลูกให้ห่างกันประมาณ 30 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างแถว ประมาณ 1-1.50 เมตร ในกรณีทำค้างแบบกระโจม แต่ถ้าทำขึ้นค้างแบบสี่เหลี่ยมก็เลือกขนาดค้างได้ตามความเหมาะสม การย้ายกล้าก็จะเหมือนพืชผักทั่วไปคือ นิยมย้ายปลูกในช่วงเวลาเย็นที่แสงแดดไม่ร้อนมากนัก เพื่อไม่ให้ต้นกล้าเหี่ยว มะระเป็นไม้เถามีมือเกาะ จำเป็นต้องทำค้างเพื่อให้มะระเลื้อยขึ้นไปได้ ซึ่งการทำค้างต้องใช้ไม้ไผ่ ยาวประมาณ 2.50-3.0 เมตร ปักลงข้างๆ หลุมปลูก หรือข้างๆ ถุง แล้วรวบปลายไม้ทำเป็นจั่วหรือกระโจม มัดให้เหลือปลายไม้ไว้ หรือทำค้างแบบสี่เหลี่ยมตามความต้องการ แล้วใช้ตาข่ายไนล่อนขึงให้ต้นมะระเลื้อยเกาะขึ้นไป

การใส่ปุ๋ย

เริ่มต้นในขณะที่เตรียมดินปลูก ควรใส่ปุ๋ยคอกเก่าคลุกเคล้าลงไปในดินด้วย เพื่อช่วยให้ดินร่วนอุ้มน้ำให้อยู่ในดินได้นาน และช่วยรักษาสภาพความเป็นกรดเป็นด่างของดินให้อยู่ในระดับเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืช หลังปลูกมะระได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ก็จะเริ่มให้ปุ๋ยเคมี ใส่ปุ๋ยทุก 7 วันครั้ง โดยจะเน้นใส่ปุ๋ยเสมอ เช่น สูตร 16-16-16 หลักการคือ เน้นการให้ปุ๋ยบ่อย แต่ให้ครั้งละไม่มาก ให้มะระได้กินปุ๋ยอย่างต่อเนื่อง ถ้าสังเกตว่าต้นมะระยอดแตกไม่ค่อยดี ยอดไม่เดิน ก็อาจจะเปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยสูตรตัวหน้า (ไนโตรเจน) สูง อย่าง 25-7-7 พอยอดมะระเดินดีแล้วก็ค่อยกลับมาใช้ 16-16-16 ยืนพื้นตามเดิม หรือในบางพื้นที่อาจจะหาซื้อปุ๋ย สูตร 25-7-7 ไม่ค่อยมี จะสามารถผสมปุ๋ยสูตรเสมอ 16-16-16 อัตรา 1 ส่วน กับปุ๋ยที่มีสูตรตัวหน้า (ไนโตเจน) สูง เช่น ยูเรีย (สูตร 46-0-0) หรือ แคลเซียมไนเตรต (สูตร 15-0-0) เลือกใช้ตามความเหมาะสม อัตรา 1 ส่วน นำมาผสมกัน

ส่วนการให้ปุ๋ยทางใบ ฮอร์โมน สารป้องกันกำจัดโรคและแมลง จะฉีดพ่นทุกๆ 5-7 วัน ตั้งแต่ช่วงปลูกแรกๆ พอมะระแตกใบมา 4-5 ใบ ก็เริ่มฉีดพ่นแล้ว เพื่อเร่งต้นให้โตเร็ว แตกยอดเลื้อยขึ้นค้างได้เร็ว โดยจะฉีดพ่นทั้งฮอร์โมนสลับกันไป เช่น สาหร่ายสกัด เร่งการแตกยอดแตกใบ แคลเซียม-โบรอนอี เสริมให้ต้นแข็งแรง ช่วยให้ดอกดี ผสมเกสรดี ติดผลได้ดี แมกนีเซียมเดี่ยว ช่วยทำให้ใบเขียว ขยายลูก สร้างเนื้อ เป็นต้น

ช่วงมะระขี้นกยักษ์โอกินาวา อายุได้ 30 วัน หรือพบว่าเริ่มเห็นดอกของมะระ ให้รดน้ำ วันละ 1-2 ครั้ง ตามความเหมาะสม การให้น้ำวันละกี่ครั้งหรือให้ปริมาณเท่าไร ต้องดูความชื้นของดินและสภาพอากาศประกอบ ช่วงที่มะระออกดอกตลอดระยะเวลาที่เลี้ยงผลจะขาดน้ำไม่ได้เลยในช่วงนี้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้ต้นมะระไม่ค่อยอยากจะโต ใบดูไม่สดชื่น เมื่อได้น้ำสม่ำเสมอทุกวันระยะนี้มะระจะติดดอกติดผล สังเกตต้นมะระถ้าสมบูรณ์ดี ยอดพุ่งดี มันจะติดดอกติดผลดีมาก

 

การห่อผลมะระ

ซึ่งผู้ปลูกจะห่อผลหรือจะไม่ห่อผลก็ได้ ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมของแต่ละพื้นที่ เช่น พื้นที่ที่ไม่มีแมลงศัตรูระบาดมากนัก เช่น แมลงวันทอง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องห่อผล แต่ถ้าเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดก็สามารถห่อผลได้ เมื่อมะระอายุได้ประมาณ 30-40 วัน หลังปลูก จะออกดอกและติดผลจนลูกโต พอผลมะระโตได้ 7-10 วัน หลังดอกโรย หรือผลมะระ ผลยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร ก็เริ่มห่อผลได้ทันที (ถ้าห่อตอนผลเล็กมากกว่านี้ จะทำให้ผลเหลืองและร่วง) กรณีที่ต้องการห่อผลเพื่อเลี่ยงการทำลายจากแมลงวันทองหรือแมลงศัตรูที่จะมาทำลายผิว 
แต่ในพื้นที่ไม่มีการระบาดจากแมลงวันทองก็ไม่จำเป็นต้องห่อผลก็ได้เวลาห่อผลสามารถใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ ทำเป็นถุง ขนาด 15x20 เซนติเมตร ปากถุงเปิดทั้งสองด้าน นำปากถุงด้านหนึ่งสวมผลมะระ แล้วใช้ที่เย็บกระดาษเย็บปากถุงให้แขวนอยู่บนก้านของผลมะระ ถุงห่อรีเมย์ก็จะมีเชือกรูดสวมถุงมัดได้ทันที ถุงห่อสีขาว ก็จะมีลวดมัดให้ที่ปากถุง (ถุงห่อรีเมย์และถุงห่อสีขาว บริษัท ชุนฟง มีจำหน่ายผลมะระที่ห่อผลจะค่อนข้างสวย ผิวมีสีเขียวอ่อน