ผู้เขียน | ทะนุพงศ์ กุสุมา ณ อยุธยา |
---|---|
เผยแพร่ |
พื้นที่กว่าร้อยละ 90 ของจังหวัดทางภาคใต้เป็นแหล่งปลูกและแปรรูปกาแฟ โดยส่วนที่เหลือจะปลูกมากตามดอยสูงต่างๆ ทางภาคเหนือ ความสมบูรณ์และคุณภาพของกาแฟจากพื้นที่ทั้งสองแหล่งอาจเป็นผลมาจากปัจจัยสภาพทางธรรมชาติที่เอื้อต่อการเจริญเติบโต จนทำให้เกิดแบรนด์ดังหลายยี่ห้อ
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าทำไมทางภาคอีสานจึงไม่ค่อยพบเห็นหรือได้ยินแบรนด์กาแฟบ้าง
ฉะนั้น คอลัมน์ตลาดสินค้าเกษตรฯ เล่มนี้ จึงต้องการพาท่านผู้อ่านไปทำความรู้จักกับกาแฟชื่อดังทางภาคอีสานยี่ห้อหนึ่งที่ชื่อ “โรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียว” ที่เป็นความภาคภูมิใจของชาวบ้านในพื้นที่อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
พื้นที่วังน้ำเขียว มีศักยภาพปลูกกาแฟได้คุณภาพ
“โรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียว” มีจุดเริ่มต้นมาจากความพยายามของ คุณปกรณ์ เตชสิทธิ์วรโชติ ที่ชักชวนชาวบ้านในพื้นที่ ให้ปลูกกาแฟแนวอินทรีย์อย่างมีคุณภาพ ป้อนเข้าสู่กลุ่ม “ผู้ปลูกกาแฟวังน้ำเขียว” เพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์กาแฟและเครื่องสำอางกาแฟ ส่งขายผ่านช่องทางออนไลน์ได้รับความนิยมทั่วประเทศ พร้อมกับสร้างสภาพแวดล้อมในบริเวณร้านให้เป็นโมเดลผลิตและแปรรูปกาแฟเพื่อให้ลูกค้าได้ดื่มด่ำบรรยากาศอีกด้วย
คุณปกรณ์ ไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่วังน้ำเขียว แต่เกิดและเติบโตที่จังหวัดกาญจนบุรี ย้ายเข้ามาประกอบอาชีพในกรุงเทพฯ จนเมื่อได้มีโอกาสเดินทางมาเที่ยวที่วังน้ำเขียวรู้สึกติดใจความเป็นธรรมชาติได้ถึงความสดชื่น จึงตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพพร้อมกับปักหลักชีวิตที่วังน้ำเขียวดีกว่า
ด้วยความเป็นคนชื่นชอบการดื่มกาแฟ แล้วมองว่าพื้นที่วังน้ำเขียวมีสภาพอากาศและความเป็นธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ จึงนำกาแฟมาปลูกในพื้นที่ตัวเองจำนวน 50 ไร่
หลายคนไม่เชื่อว่า กาแฟที่ปลูกบนวังน้ำเขียวจะอร่อย หอม
คุณปกรณ์สร้างมูลค่าเมล็ดกาแฟด้วยการนำมาคั่วแล้วบรรจุใส่แพ็กเกจพร้อมชูสรรพคุณที่ผ่านการทดสอบว่าเป็นกาแฟพันธุ์อะราบิก้าที่มีคาเฟอีนต่ำ ทำให้ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ มีกลิ่นหอม รสอร่อย
ความพยายามหยิบยกประเด็น “กาแฟเพื่อสุขภาพที่ปลูกในเมืองโอโซนติดอันดับโลก” มาเป็นจุดเด่นเพื่อนำเสนอขาย กลับไม่ได้รับความสนใจ เพราะลูกค้าในท้องถิ่นยังไม่มั่นใจว่าคุณภาพกาแฟที่ปลูกบนวังน้ำเขียวจะดีพอ ฉะนั้น คุณปกรณ์จึงเดินหน้านำกาแฟที่ปลูกในไร่ไปแปรรูปเอง ทำร้านขายกาแฟเอง พร้อมใช้กลยุทธ์ดึงลูกค้าเข้ามาสัมผัสโดยตรงกับกระบวนการผลิตกาแฟทุกขั้นตอน แล้วเสนอขายสินค้าผ่านทางสื่อโซเชียลเพื่อขับเคลื่อนให้เป็นที่รู้จัก
การได้มีโอกาสสร้างความใกล้ชิดระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค ทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นและมั่นใจว่ากาแฟที่ปลูกบนวังน้ำเขียวมีรสอร่อย หอมละมุน ไม่แพ้กาแฟแบรนด์ดังอื่นเลย ที่สำคัญยังปลอดภัยต่อสุขภาพเพราะผ่านการปลูกแบบอินทรีย์มาอย่างแท้จริง
ดึงชาวบ้านร่วม พร้อมขยายพื้นที่ปลูก รองรับตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังชูจุดขายชัดเจนแล้วได้รับความน่าสนใจจากลูกค้าทั่วสารทิศเพิ่มมากขึ้นอย่างท่วมท้น จนปริมาณกาแฟที่ปลูกในไร่ตัวเองไม่พอ จากนั้นจึงเกิดแนวคิดชักชวนเกษตรกรชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งปลูกกาแฟอยู่แล้วให้มาร่วมกลุ่มกันขยายพื้นที่ปลูกทั้งหมดประมาณ 400 ไร่ มีสมาชิกในกลุ่มจำนวน 40 ราย เพื่อจะได้รวบรวมผลผลิตนำไปแปรรูป
อย่างไรก็ตาม คุณปกรณ์มองว่าเพื่อทำให้กลุ่มมีความเข้มแข็งขึ้นจึงตั้งเป็นกลุ่มอย่างเป็นทางการในชื่อ “กลุ่มผู้ปลูกกาแฟวังน้ำเขียว” พร้อมกับรับหน้าที่เป็นประธานกลุ่ม มีภารกิจเพื่อวางแผนส่งเสริมพัฒนาการปลูก การดูแล การเก็บผลผลิตให้แก่ชาวบ้านให้เกิดมาตรฐานอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ กลุ่มจะการันตีราคารับซื้อเมล็ดกาแฟสดจากสมาชิกในราคาตันละ 20,000 บาท หรือกิโลกรัมละ 20 บาท โดยสมาชิกที่นำเมล็ดกาแฟสดมาส่งมีตั้งแต่รายละ 100-1,000 กิโลกรัม ต่อราย ขณะเดียวกัน เมล็ดกาแฟสดบางส่วนยังแบ่งส่งไปขายกับทาง ปตท. ด้วย
“ดังนั้น ชาวบ้านที่เป็นสมาชิกกลุ่มที่ปลูกกาแฟแล้วส่งผลผลิตเข้ามาขายจะคิดตันละ 20,000 บาท ซึ่งเกษตรกรสามารถผลิตได้ถึงปีละไม่ต่ำกว่า 5 ตัน ก็จะมีรายได้ปีละเป็นแสนบาท แล้วหากรวมกับรายได้จากพืชหลักแล้วทำให้มีรายได้มากขึ้น แล้วอยู่ได้อย่างสบาย”
นอกจากนั้น ยังเป็นกลุ่มที่เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกที่สนใจเข้ามาศึกษาดูกิจกรรมในกระบวนการผลิต แปรรูปกาแฟในทุกขั้นตอนอย่างไม่ปิดบัง ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้สนใจในพื้นที่ภาคอีสาน และนอกพื้นที่เข้าเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก เรียกว่าเป็นศูนย์เรียนรู้กาแฟของภาคอีสาน ทำให้เกิดมีเครือข่ายอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ ที่สำคัญได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วไปว่ากาแฟอีสานมีรสอร่อยไม่แพ้ที่อื่น
ผลิตทั้งกาแฟดื่มและผลิตภัณฑ์เสริมความงาม
แบรนด์ “โรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียว” แบ่งผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากเมล็ดกาแฟเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มแรกเป็นผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากกาแฟเพื่อบริโภค มี 2 ชนิด ได้แก่ 1. เมล็ดกาแฟคั่วที่ส่งขายตามร้านกาแฟสด และ 2. กาแฟคั่วบดที่ลูกค้าซื้อไปชงเองได้อย่างสะดวก มี 2 รส เป็นคาปูชิโน่และเอสเพรสโซ่ ทั้งสองชนิดจะบรรจุลงในถุงฟอยล์ มีขนาดเดียวคือ 250 กรัม ขายในราคาซองละ 130 บาท
อีกกลุ่มเป็นการต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าด้วยการนำเมล็ดกาแฟมาแปรรูปเป็นเครื่องสำอางและประทินผิวจำนวนกว่า 10 รายการ ถือเป็นงานแฮนด์เมดที่ไม่ใช้เครื่องจักร แล้วทุกชนิดผ่าน อย. เรียบร้อยแล้ว อาทิ 1. สครับขัดผิว 2. โฟมล้างหน้า 3. แชมพู 4. สบู่ เป็นต้น
ชี้วังน้ำเขียวมีจุดแข็งเรื่องธรรมชาติ สร้างคุณภาพกาแฟ
ในช่วงเวลาเพียง 3 ปี ผลิตภัณฑ์กาแฟที่ปลูกบนพื้นที่อำเภอวังน้ำเขียว แบรนด์ “โรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียว” ประสบความสำเร็จอย่างดีมาก เนื่องจากมีวิธีการนำเสนอขายและการตลาดที่น่าสนใจ ดึงดูดลูกค้าด้วยการพาเข้าสู่บรรยากาศของการปลูกและแปรรูปกาแฟในทุกกระบวนการ รวมถึงยังได้สัมผัสกับความเป็นธรรมชาติของพืชพรรณต่างๆ โดยส่งผ่านกิจกรรมทางสื่อโซเชียล ทำให้เกิดการรับรู้อย่างรวดเร็ว จนลูกค้าต่างให้ความสนใจแล้วต้องแวะมาสัมผัสให้เห็นของจริง
“จุดเด่นที่ทำให้กาแฟวังน้ำเขียวมีความหอมอร่อย เพราะ 1. ความสูงในระดับน้ำทะเลมีความเหมาะสม 2. เป็นดินภูเขาไฟจึงมีความสมบูรณ์จากแร่ธาตุจำนวนมาก 3. มีธาตุโพแทสเซียมมากกว่าแหล่งอื่น 4. สภาพอากาศที่มีความบริสุทธิ์เพราะมีโอโซนมาก
และที่สำคัญ เป็นกาแฟพันธุ์พระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้วนำมาขยายพันธุ์จำนวนนับแสนต้นสำหรับแจกจ่ายให้ชาวบ้านนำไปปลูก เพราะถือว่าเป็นพันธุ์ดั้งเดิมที่ยังมีความบริสุทธิ์ อีกทั้งเป็นการปลูกแบบอินทรีย์อย่างแท้จริง จึงมีลักษณะพิเศษตรงความหอมละมุนเมื่อผ่านการคั่ว มีคาเฟอีนต่ำ แถมยังมีรสชาติอร่อยกลมกล่อมไม่แพ้กาแฟต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นจุดแข็งของกาแฟวังน้ำเขียวที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างตรงเป้า โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ดูแลสุขภาพ”
อย่างไรก็ตาม สินค้าทุกชนิดไม่มีวางขายทั่วไป แต่ต้องซื้อผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น และที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากลูกค้าทั่วประเทศ อย่างกาแฟมีวางขายที่เชียงใหม่-เชียงราย หรือทางโซนภาคใต้มีนำไปขายเป็นกาแฟสดตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ แต่ที่ขายดีมักอยู่ในกลุ่มทางภาคอีสานและกรุงเทพฯ
“อยากให้ชาวบ้านร่วมมือกันปลูกกาแฟอย่างมีคุณภาพ จะปลูกมากน้อยไม่เป็นไร แต่ขอให้ดูแลเอาใจใส่อย่างเต็มที่ เพราะคุณภาพกาแฟที่ดีนำมาสู่รายได้ที่ดี ถึงแม้วันนี้ชาวบ้านทุกคนจะมีรายได้เสริมจากการปลูกกาแฟ แต่ผมมีความตั้งใจว่าจะผลักดันการปลูก-แปรรูป ตลอดจนการจำหน่ายกาแฟวังน้ำเขียวให้เป็นที่โด่งดัง เพื่อทำให้กลับมาเป็นรายได้หลัก สร้างความยั่งยืนให้แก่ทุกครอบครัวได้อย่างแน่นอน” คุณปกรณ์ กล่าว
สนใจผลิตภัณฑ์จากเมล็ดกาแฟแบรนด์ “โรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียว” สามารถเข้าชมได้ที่www.wnkcoffee.com/ www.thaigreencoffee.com หรือโทรศัพท์ (089) 054-6619