เผยแพร่ |
---|
รายได้ 2-3 หมื่นต่อเดือน! ขายวัตถุดิบอาหารอีสาน เสริม “ไข่ผำ” สินค้าในกระแส อยากซื้อต้องโทรจอง
ภาคอีสานมีความหลากหลายในด้านวัตถุดิบและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ละจังหวัดจะมีของดีประจำท้องถิ่น ซึ่งวัตถุดิบส่วนใหญ่ที่ขายในร้านจะเป็นของพื้นบ้านที่ส่วนมากเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในป่าและแม่น้ำ สามารถหาได้ทั่วไปในภาคอีสาน
สมัยก่อน ผู้บริโภคบางกลุ่มอาจมองภาพลักษณ์ของอาหารอีสานว่าแปลกและยากต่อการรับประทาน แต่ปัจจุบัน วัตถุดิบหลายอย่างเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการรีวิวผ่านโซเชียลมีเดียหลากหลายช่องทาง ทำให้อาหารอีสานเป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้น
นั่นจึงทำให้ผู้ที่ทำอาชีพขายวัตถุดิบอาหารพื้นบ้าน อย่าง คุณชาญณรงค์ บุญเฮง อายุ 26 ปี เติบโตไปด้วย

จุดเริ่มต้นเข้าสู่วงการขายวัตถุดิบอาหารพื้นบ้าน
คุณชาญณรงค์ เล่าให้ฟังว่า “ผมโตมากับธุรกิจนี้เลยครับ เดิมทีคุณแม่ขายมะม่วงอยู่ที่ตลาดมะม่วง ซึ่งขายได้เฉพาะมะม่วง จะกี่สายพันธุ์ก็ได้แต่ขายได้เฉพาะมะม่วง วันหนึ่งคุณแม่มีโอกาสได้แผงในตลาดผักพื้นบ้านคัดบรรจุ โดยตลาดนี้อนุญาตให้ขายมะม่วงท้องถิ่น เช่น มะม่วงเบา มะม่วงเปรี้ยว พวกลูกเล็กๆ
นอกจากนี้ ยังสามารถขายวัตถุดิบท้องถิ่นจากภาคต่างๆ ได้อีกด้วย พอมาเริ่มขายที่ตลาดนี้ ก็เริ่มมองเห็นโอกาสทำเงิน จึงปรับจากที่เคยขายแต่มะม่วงเปรี้ยวเพียงอย่างเดียว มาเพิ่มไลน์สินค้าด้วยวัตถุดิบอาหารอีสาน ทำให้ลูกค้าขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี จากการบอกต่อถึงคุณภาพของสินค้าที่สดใหม่”
“เรามีของเข้าใหม่หมุนเวียนทุกวัน สดและสะอาดเพราะทางร้านคัดสรรเองทั้งหมด มีคุณแม่และญาติๆ ช่วยกัน ราคาก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ เพราะราคาขายจะขึ้นลงตามปริมาณสินค้า ช่วงไหนสินค้ามาก ราคาก็จะลดลง หากปริมาณน้อยก็จะแจ้งลูกค้าตรงๆ
พร้อมแนะนำวัตถุดิบทดแทนเพื่อช่วยลดต้นทุนให้ลูกค้า หลังจากเรียนจบ ผมก็มาช่วยคุณแม่ทำแบบเต็มตัว เพราะเห็นแล้วว่าธุรกิจนี้สามารถเติบโตได้ในระยะยาว ผมมองว่าตอนนี้มีการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟจากไทยไปถึงจีนและเวียดนาม อีกทั้งภาคอีสานยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการกระจายสินค้าไปยังภาคพื้นเอเชียและทั่วโลกได้ ในอนาคต วัตถุดิบอีสานอาจถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นก็เป็นได้”

สินค้ายอดนิยมที่มีของเท่าไหร่ก็ขายหมด
ก่อนเล่าต่อว่า วัตถุดิบ 90% มาจากหลายจังหวัดทางภาคอีสาน สินค้าที่ขายดีที่สุดของร้านคือ หอยเชอรี่ กับ หอยขมหรือหอยจุ๊บ ซึ่งลูกค้าหลักจะเป็นร้านอาหารและร้านอาหารอีสาน ในช่วงพีก สามารถขายหอยเชอรี่ได้วันละกว่า 200 กิโลกรัม ขณะที่หอยขมหรือหอยจุ๊บขายได้วันละกว่า 100 กิโลกรัม โดยวันปกติลูกค้าจะซื้ออยู่ประมาณครั้งละ 10 กิโลกรัมต่อคน
“หอยที่ร้านทุกชนิดจะเน้นความสด ขนาดตัวต้องพอดี และต้องมีสินค้าหมุนเวียนทุกวัน เพราะวัตถุดิบของสดทุกอย่างถ้าค้างจะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ นำไปประกอบอาหารแล้วไม่อร่อย อย่างหอยขมหรือหอยจุ๊บที่ร้านจะมีขาย 3 แบบคือ แบบเต็มตัวซึ่งทางร้านขายสดๆ แบบตัดก้นซึ่งที่ร้านจะตัดก้นหอยเองทุกตัวให้ลูกค้า สามารถนำไปทำอาหารได้เลย และแบบตัวหอยล้วน ซึ่งก็ขายดีทุกแบบ”

สำหรับวัตถุดิบอื่นๆ ที่ขายดีขายได้เรื่อยๆ ตลอดทั้งปี ก็มีพวกแมลง ได้แก่ แมงจีชอน, จิ้งหรีด, จิ้งโก่ง, สะดิ้ง, แมลงดานา, ไข่มดแดง, ปูนา ส่วนแมลงที่ฮิตในโซเชียลอย่าง ด้วงสาคู, ตั๊กแตนปาทังก้า, รถด่วน
“ทางร้านจัดให้ได้แค่ลูกค้าโทรมาสั่งเพราะของไม่ค่อยมี ส่วนมากจับมาจากธรรมชาติ ส่วนพืชผักอื่นๆ เช่น กลอย, มะกอก, มะขามอ่อน ก็ขายดีมากเช่นกันเพราะร้านอาหารใช้เยอะ ส่วนไข่ผำ หรือ ไข่น้ำ ตอนนี้กำลังเป็นสินค้าในกระแสที่คนตามหากันเยอะ ทางร้านก็มีจำหน่าย แต่ต้องโทรมาจองเพราะสินค้ามีไม่พอขาย” เจ้าของร้าน เล่าเสริม

นอกจากนี้ สำหรับช่วงฤดูฝนที่จะมีสินค้าพิเศษที่ลูกค้าเฝ้ารอ ได้แก่ สารพัดเห็ด เช่น เห็นเผาะ, เห็ดโคน, เห็ดตับเต่า, เห็ดขม รายได้ต่อเดือนแบบยังไม่หักค่าลูกจ้างและค่าต้นทุนสินค้าอยู่ที่ประมาณ 20,000-30,000 บาทต่อวัน
“อย่างที่กล่าวไว้ ทางร้านเน้นความสดใหม่เพื่อให้ลูกค้าที่ซื้อไปนำไปประกอบอาหารต่อได้อร่อย คงคุณค่าและรสชาติดั้งเดิม”
ลูกค้าหลักคือร้านอาหารอีสาน
เจ้าของร้าน เล่าว่า 70% ของลูกค้าหลักเป็นร้านอาหารอีสาน ในบรรดาอาหารจากทั้ง 3 ภูมิภาคของไทย เมนูที่หาง่ายและยอดนิยมที่สุดหนีไม่พ้น “ส้มตำ” อาหารอีสานที่ทุกคนคุ้นเคย นับได้ว่าเป็นอาหารคู่ใจคนไทยมาอย่างยาวนาน
ซึ่งเป็นที่มาว่าทำไม หอยเชอรี่, มะกอก และ ปูนา จึงเป็นสินค้าขายดีของทางร้าน อย่าลืมว่ามีร้านอาหารอีสานแทบทุกที่ในประเทศไทย ไม่ใช่แค่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเท่านั้น โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่มีร้านอาหารอีสานอยู่ราวๆ 9,000 กว่าร้าน

ส่วนวัตถุดิบสุดฮอตเป็นที่ต้องการ โดยมากจะเป็นวัตถุดิบที่ต้องใส่ในส้มตำ หากไม่ใส่ รสชาติจะไม่ถูกปาก มันไม่แซ่บ ส่วนรองลงมาจะเป็นลูกค้ากลุ่มรถเร่ขายข้าว ลูกค้ากลุ่มนี้มักจะชอบให้ทางร้านแบ่งสินค้าออกเป็นถุงเล็กๆ เพื่อง่ายต่อการนำไปขายต่อตามหมู่บ้านหรือแคมป์คนงาน ส่วนมากจะเป็นรถที่วิ่งอยู่ในเขตสายไหม บางเขน ประเวศ และลาดกระบัง เป็นต้น เนื่องจากย่านเหล่านี้เป็นพื้นที่ใกล้นิคมอุตสาหกรรมหรือเป็นที่ตั้งของโรงงาน คลังสินค้าขนาดใหญ่
บริเวณที่มีชุมชนของคนอีสานรวมตัวกัน มักจะมีวัตถุดิบอีสานขาย เพราะให้ความรู้สึกเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน เป็นคนบ้านเดียวกัน พูดภาษาเดียวกัน และกินอาหารรสชาติใกล้เคียงกัน คนอีสานที่ย้ายมาทำงานในเมืองไม่ได้เข้ามาแค่ตัว แต่ยังนำพาวัฒนธรรมและอาหารการกินติดตามมาด้วย สุดท้ายคือกลุ่มลูกค้าตลาดสด ตลาดนัด และผู้ซื้อที่นำไปจำหน่ายให้กับแผงค้าตามตลาดสดภาคกลาง
พิกัด ตลาดผักพื้นบ้านคัดบรรจุ เลขที่ 1/10 ซอย 1
ช่องทางการติดต่อ สามารถโทรมาสอบถามหรือสั่งสินค้าได้ที่ คุณท๊อป 095-913-3291