เผยแพร่ |
---|
ชวนปลูกผักสวนครัวฉบับมือใหม่! มัดรวม 6 ผักสวนครัว ปลูกง่าย โตไว พื้นที่น้อยก็ปลูกได้
นอกจากการซื้อ “ผักสวนครัว” มาปรุงอาหารแล้ว เรายังสามารถปลูกได้เองแม้มีพื้นที่จำกัด และไม่ต้องใช้ต้นทุนสูง เพราะสามารถประยุกต์ใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีอยู่ใกล้ตัวได้ ส่วนเมล็ดพันธุ์ก็มีราคาไม่แพง โดยแนะนำให้เริ่มจากจำนวนน้อยๆ ก่อน
วันนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ได้รวบรวม ผักสวนครัว 6 ชนิด พร้อมวิธีการปลูกมาให้แล้ว จะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย
วิธีปลูกต้นอ่อนทานตะวัน
วัสดุอุปกรณ์ ประกอบด้วย เมล็ดทานตะวัน ดินเพาะปลูก ภาชนะปลูก เช่น ตะกร้า กล่องพลาสติก หรือกะละมังที่เจาะรูแล้ว
ขั้นตอน
1. นำเมล็ดพันธุ์ไปแช่น้ำประมาณ 10 ชั่วโมง จากนั้นนำไปบ่มอีก 10 ชั่วโมง ด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดห่อเมล็ด จากนั้นนำใส่กล่องและปิดฝาให้เรียบร้อย จนเริ่มมีรากงอกออกมาเล็กน้อย
2. ตักดินใส่ภาชนะที่เจาะรูแล้ว นำเมล็ดพันธุ์ที่เพาะไว้หว่านลงดิน รดน้ำให้ชุ่ม หากปลูกหลายถาดให้นำถาดซ้อนๆ กัน แล้วกั้นด้วยพลาสติกเพื่อไม่ให้รากจากถาดบนทะลุลงถาดล่าง แนะนำให้ซ้อนกันไม่ควรเกิน 5 ถาด และหาอุปกรณ์น้ำหนักไม่ควรเกิน 10 กิโลกรัม มาทับไว้ 2 คืน เพื่อบังคับให้รากลงดิน
3. เข้าสู่วันที่ 3 สามารถแยกถาดและนำอุปกรณ์ที่นำมาทับออกได้ ให้รดน้ำเช้า-เย็น แล้วนำไปไว้ในที่มืด 90-100% เพื่อให้ต้นยืดหาแสง จะได้ต้นยาวสวย ช่วงนั้นต้นจะเป็นสีเหลืองไม่ต้องตกใจ
4. เข้าสู่วันที่ 6 นำออกมารับแสงในที่ร่ม ต้นจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียว สามารถเก็บผลผลิตได้ช่วงเย็นวันที่ 6 หรือช่วงเช้าวันที่ 7 โดยไม่ควรเกิน 7 วัน
วิธีปลูกต้นอ่อนผักบุ้งจีน
วัสดุอุปกรณ์ ประกอบด้วย เมล็ดพันธุ์ ดินเพาะปลูก กระบะสำหรับเพาะหรือตะกร้า
ขั้นตอน
1. นำเมล็ดพันธุ์ไปล้าง 1-2 น้ำ และแช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำประมาณ 8 ชั่วโมง หรือ 1 คืน จากนั้นใช้กระชอนตักเมล็ดขึ้นจากน้ำ สะเด็ดน้ำประมาณ 10-20 นาที แล้วนำไปบ่ม โดยห่อผ้าขาวบางทิ้งไว้ประมาณ 20 ชั่วโมง สังเกตว่าจะมีตุ่มเล็กๆ งอกออกมา ก็สามารถเอาลงดินหรือวัสดุปลูกต่อได้
2. เตรียมภาชนะปลูก ดินเพาะ นำเมล็ดพันธุ์ที่บ่มแล้วโรยลงในภาชนะให้ทั่ว ไม่ควรแน่นเกินไป แล้วกลบดินบางๆ จากนั้นฉีดน้ำละอองฝอย
3. รดน้ำเช้า-เย็น ให้ชุ่มประมาณ 8-10 วัน จะได้ต้นอ่อนผักบุ้งไว้รับประทาน
วิธีเพาะต้นอ่อนโต้วเหมี่ยวหรือต้นอ่อนถั่วลันเตา
วัสดุอุปกรณ์ ประกอบด้วย เมล็ดพันธุ์ วัสดุปลูก เสื้อยืดหรือผ้าขนหนู ถาดเพาะ
ขั้นตอน
1. นำเมล็ดพันธุ์ไปล้างน้ำอย่างเบามือ เนื่องจากเมล็ดมีเปลือกบาง จากนั้นนำไปแช่น้ำไม่เกิน 5 ชั่วโมง หรือน้อยกว่าได้ แต่ถ้าแช่นานเกินไปจะทำให้น้ำมันของเมล็ดพันธุ์ออกมาทำปฏิกิริยา ทำให้น้ำเสียและก่อให้เกิดเชื้อราที่เป็นโทษกับเมล็ดพันธุ์ได้
2. เมื่อแช่ครบเวลา ให้นำเมล็ดพันธุ์ไปบ่มเย็นในตู้เย็น โดยนำเมล็ดพันธุ์ที่สะเด็ดน้ำแล้วมาห่อด้วยวัสดุแห้ง เช่น เสื้อยืด ผ้าขนหนู หรือกระสอบแต่ต้องเป็นกระสอบที่น้ำสามารถระบายออกได้ แล้วผูกปมไม่ต้องแน่นจนเกินไป และควรให้มีอากาศอยู่ข้างในแต่ปิดให้มิดชิด จากนั้นให้นำถุงพลาสติกมาห่อครอบอีกชั้น แล้วไปแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดา 2 ชั่วโมง
3. เตรียมถาดเพาะขนาดประมาณ 30×60 เซนติเมตร มีรูพรุน ก้นถาดสูงประมาณ 2 เซนติเมตร ใส่วัสดุปลูกลงไปครึ่งถาดเพาะ เป็นดินบาซิลลัส ชนิดโต้วเหมี่ยวเนื้อละเอียดเหมาะกับการปลูกโต้วเหมี่ยว
4. หลังจากใส่ดินลงถาดเพาะเสร็จ โรยเมล็ดให้ทั่ว ในสัดส่วนเมล็ดพันธุ์จำนวน 250 กรัมต่อ 1 ถาด กลบดินบางๆ จากนั้นรดน้ำให้ทั่ว
5. ในช่วงวันที่ 6 จะสังเกตเห็นว่าต้นจะเหลือง วันที่ 7 จะปล่อยให้โดนแสง ต้นจะเริ่มเขียว พอถึงวันที่ 8 สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
วิธีเพาะถั่วงอก
วัสดุอุปกรณ์ ประกอบด้วย ถั่วเขียว ขวดน้ำลิตร ถุงกระสอบใส่ข้าวเก่าหรือเศษผ้า หนังยาง กล่องหรือลังกระดาษ
ขั้นตอน
1. ล้างขวดน้ำให้สะอาด เจาะรูระบายน้ำประมาณ 10 รู ส่วนฝาขวดให้เจาะรูประมาณ 3 รู และเจาะรูสำหรับรดน้ำ โดยใช้มีดกรีดเป็นรูปสี่เหลี่ยมแบบเปิดได้ 1 ด้าน
2. นำเมล็ดถั่วเขียวล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปแช่ในน้ำอุ่นไว้ 1 คืน จากนั้นนำไปกรอกใส่ขวด เขย่าขวดให้ถั่วเขียวกระจายเรียงกันให้ทั่วขวด โดยกะปริมาณต่อขวดให้พอเหมาะ เพื่อเวลางอกจะได้ไม่หนาแน่นจนเกินไป
3. จากนั้นใช้กระสอบหรือเศษผ้าตัดให้พอดีกับขวดมาห่อขวด แล้วมัดส่วนบนและด้านล่างขวด จากนั้นนำขวดเก็บให้พ้นแสงแดด โดยวางเป็นแนวนอนในกล่องกระดาษหรือวัสดุที่กันแสงได้
4. เมื่อครบ 1 คืน ให้เปิดขวดเพื่อรดน้ำให้ชุ่ม แล้วปิดขวดเก็บไว้เหมือนเดิม ผ่านไป 1 คืน 1 วัน ให้เปิดเพื่อรดน้ำอีกครั้ง เมล็ดถั่วเขียวจะเริ่มงอก
5. เวลา 2 คืน 2 วัน ถั่วงอกจะเริ่มอวบขาวยาวออกมา เมื่อครบ 3 วัน 3 คืน ให้เปิดออก ถั่วงอกจะยืดยาวขาวอวบเต็มขวดพอดี สามารถเก็บทานได้
วิธีปลูกต้นหอม
วัสดุอุปกรณ์ ประกอบด้วย หัวหอม ถาดไข่กระดาษ
ขั้นตอน
1. เตรียมถาดไข่กระดาษ 5 ถาด เจาะรูที่ก้นบุ๋มของช่องวางไข่สักเล็กน้อย เพื่อวางหัวหอม และเพื่อให้รากหัวหอมมีที่ยึด
2. ตัดจุกหัวหอมเพื่อเปิดทางให้หน่อหอมแทงยอดได้ง่ายขึ้น วางหัวหอมลงในหลุม รดน้ำพอชื้น อย่าให้ถึงกับชุ่ม เก็บไว้ในที่ร่ม รอหอมแตกยอดค่อยนำออกแดด
3. รดน้ำเช้า-เย็น ให้ทั่วถาด ประมาณ 10 วัน หอมจะแตกหน่อ จากนั้นให้โดนแดดรำไร ใส่ปุ๋ยด้วยการฉีดพ่น โดยเฉพาะปุ๋ยจุลินทรีย์ชีวภาพ เพื่อเพิ่มสารอาหารและเร่งการเจริญเติบโต เมื่อต้นหอมโตเต็มที่ สามารถเก็บผลผลิตรับประทานได้เลย
วิธีปลูกกะเพรา
วัสดุอุปกรณ์ ประกอบด้วย เมล็ดพันธุ์ ลำต้นหรือกิ่งแก่ หรือต้นกล้า ฟาง ปุ๋ย
ขั้นตอน
1. ปลูกโดยหว่านเมล็ด ลงในแปลงที่เตรียมไว้ จากนั้นใช้ฟางกลบ โรยปุ๋ยคอกและรดน้ำตาม แล้วรอ 7 วัน เมล็ดกะเพราจะงอกเป็นต้นกล้า เมื่อต้นกล้าอายุครบ 1 เดือน สามารถถอนแยกให้ได้ระยะระหว่าง 20×20 เซนติเมตร เมื่อต้นกะเพราโตเต็มที่สามารถเด็ดใบมารับประทานได้
2. ปลูกแบบปักชำ แนะนำให้เลือกกิ่งแก่กลางอ่อน ที่มีอายุมากกว่า 8 เดือน ความยาวกิ่ง 5-10 เซนติเมตร เด็ดยอดและใบออก เพื่อนำไปปักชำในแปลงปลูกที่เตรียมไว้ ปลูกในระยะห่าง 20×20 เซนติเมตร เมื่อนำกิ่งไปปักดิน ต้องให้ลำต้นเฉียงสัก 45 องศา จากนั้นใช้ดินกลบ คลุมด้วยฟาง รดน้ำให้ชุ่มก็เสร็จเรียบร้อย
3. ปลูกโดยใช้ต้นกล้า ให้เพาะกล้าในแปลงเพาะจนต้นกล้ามีอายุ 20-25 วัน จากนั้นถอนต้นกล้าออกมาเด็ดยอดออก และขุดหลุมปลูกในระยะห่าง 20×20 เซนติเมตร ใช้เศษฟางคลุมแปลงปลูก ควรรดน้ำให้ชุ่มทุกวัน เช้า-เย็น หลังปลูก 30-35 วันก็สามารถตัดลำต้นออกขายได้ เมื่อต้นกะเพราแตกยอดและกิ่งก้านใหม่ออกมาจะเก็บผลผลิตออกขายได้ทุกๆ 15 วัน ตลอดระยะเวลา 7-8 เดือน หลังจากนั้นผลผลิตจะลดลงเรื่อยๆ ควรรื้อแปลงปลูกทิ้ง ก่อนปลูกกะเพรารอบใหม่
ข้อมูลจาก
https://www.sentangsedtee.com/farming-trendy/article_268243
https://www.technologychaoban.com/agricultural-technology/article_14192
https://www.technologychaoban.com/bullet-news-today/article_205403
https://www.opsmoac.go.th/singburi-local_wisdom-files-401391791792
https://www.technologychaoban.com/bullet-news-today/article_91520
https://www.technologychaoban.com/bullet-news-today/article_266239