สาวบัญชี เคยโดนดูถูก “เรียนสูง แต่ดันเป็นเกษตรกร” ลบคำสบประมาท ปลูกสตรอว์เบอรี่ โกยเงินล้าน ชิลล์ ชิลล์

เคยโดนสบประมาทจากเพื่อนบ้านว่าพ่อแม่อุตสาห์ส่งเสียให้เรียนสูงจบปริญญาตรี แต่กลับเลือกมาเป็นเกษตรกร จากคำดูถูกนั้น เป็นแรงผลักดันให้สาวนักบัญชีเจนวาย มุ่งมั่นและทุ่มเท ปลูกสตรอว์เบอรี่ ดูสักตั้ง ที่อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ปัจจุบันเธอเก็บผลสดขายทุกวันวันละเกือบ 40 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 350 บาท เรียกว่ามีรายได้หลักล้านบาทต่อปี มีเงินใช้สบายๆ

ปัจจุบันสตรอว์เบอร์รี่ไม่ได้เป็นผลไม้เมืองหนาวอีกต่อไปแล้ว จะเห็นได้ว่าทุกภาคในประเทศไทยสามารถปลูกสตรอว์เบอรี่ได้ ดั่งเช่นที่อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าของไร่ คือ คุณพิมพ์วรัตน์ คำเรือง หรือคุณน็อต สาวนักบัญชี จากรั้วมหาวิทยาลัยสยาม

น็อต เล่าว่า  หลังเรียนจบคณะบัญชี จากมหาวิทยาลัยสยาม ก็ไม่คิดทำงานประจำ คิดแต่เพียงว่าจะกลับบ้าน ไปช่วยพ่อแม่ทำไร่ เพราะพ่อแม่เป็นเกษตรกร ปลูกมะนาว ปลูกแตงกวา แต่ทว่ามะนาวราคาไม่แนนอน เลยทดลองหาผลไม้แปลกๆ มาปลูก ในที่สุดเลือกปลูกสตรอว์เบอรี่

พ่อกับแม่ของน็อต มีอาชีพเป็นเกษตรกรมาตลอดทั้งชีวิต โดยลูกสาว บอกว่า เมื่อก่อนจะปลูกพืชล้มลุก เช่น มะนาว ถั่ว แตงกวา ปลูกแบบนี้สลับหมุนเวียนไป ส่งขายพ่อค้าคนกลาง บางปีขาดทุน ฟ้าฝนไม่เป็นใจ ไม่มีน้ำ ราคาพืชผลเกษตรไม่ดี บางปีมะนาวต้นตลาด เกิดปัญหาเดิมๆ ซ้ำๆ อยู่แบบนี้เรื่อยมา

ภายหลังที่คุณน็อตเรียนจบ เธอปฏิเสธชีวิตมนุษย์เงินเดือน แล้วกลับมาช่วยพ่อแม่ทำไร่ ทำสวน แต่ครั้งนี้ไม่ปลูกพืชล้มลุก หันไปปลูกสตรอว์เบอร์รี่แทน โดยมีเหตุผลว่า สตรอว์เบอรี่ เป็นผลไม้สากลที่คนทั่วโลกรู้จัก เป็นผลไม้ดาวรุ่ง ทุกเพศทุกวัยกินได้ มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย

“ช่วงที่เรียนจบปริญญาตรี แล้วกลับมาอยู่บ้าน ณ เวลานั้นคนแถวบ้านสบประมาทว่า เรียนสูง เเต่มาเป็นเกษตร ปลูกผัก ซึ่งใครๆ ก็ปลูกได้ ไม่ต้องไปเรียนหนังสือสูงๆ ช่วงนั้นคิดมาก เพราะรู้สึกเหมือนโดนดูถูก เกรงใจพ่อกับแม่ด้วย เลยยิ่งมุ่งมั่นและทุ่มเทกับการปลูกสตรอว์เบอรี่ เพื่อจะลบคำครหานั้น”

ทว่าทุกย่างก้าวย่อมมีอุปสรรค แต่ด้วยใจที่มุ่งมั่นของหญิงสาว เธอไม่ย่อท้อ เพราะแม้ว่าอากาศของจังหวัดสุพรรณบุรีจะไม่หนาวเย็นเหมือนภาคเหนือ แต่แก้ไขด้วยการไม่ปลูกเพื่อเก็บเกี่ยวสตรอว์เบอรี่เพียงอย่างเดียว แต่ปลูกเพื่อขยายพันธุ์ และปลูกขายยกต้นด้วย เลยทำให้มีรายได้ตลอดเวลา

“ดิฉันซื้อต้นกล้า หรือต้นไหล จากจังหวัดชัยภูมิ  สั่งซื้อ 2 สายพันธุ์ เป็นพันธุ์ที่ทนความร้อนของอากาศได้ดี  คือ พันธุ์ 80 จะเป็นลักษณะคล้าย ๆ รูปหัวใจ ตูดกลมมน ส่วนพันธุ์ที่ 2 คือพันธุ์ 329 ผลจะออกแบน ๆ ลูกใหญ่ เบื้องต้นปลูกบนพื้นที่ เกือบ 2 งาน จำนวน 4,000 ต้น ใช้เงินทุนเริ่มต้น 32,000”

ส่วนวิธีการดูแล ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยหมักที่ซื้อตามท้องตลาดทั่วไป ไม่ใช้สารเคมี วิธีให้ปุ๋ยจะมีอยู่ 3 ช่วงคือ 1.ช่วงบำรุงสตรอว์เบอรี่ ต้องให้ปุ๋ยทุก 15 วัน 2.พอสตอรว์เบอร์รี่ อายุ 3 เดือน เข้าสู่ช่วงบำรุงดอก เร่งผล ให้ใส่ปุ๋ยตามความเหมาะสม อาจจะให้ทุก 15 วันเหมือนเดิมหรือลดลงก็ได้ โดยใช้สูตรปุ๋ยอินทรีย์ 8-24-24  3.เมื่อผลสตรอว์เบอรี่ เริ่มออก ต้องพยายามดูแลเพื่อให้ผลแข็งแรง พร้อมให้ปุ๋ยสูตร 0-0-50 หรือ 13-13-21 ทุก ๆ 10 วันจนกว่าจะเก็บเกี่ยวได้

พื้นที่ไร่ของคุณน็อตใกล้ภูเชา เจ้าของไร่ บอกว่า อากาศตอนค่ำจะเย็น (อุณหภูมิประมาณ 15-16 องศา) แต่ตอนกลางวันจะร้อน อาศัยให้น้ำต้นสตอรว์เบอร์รี่ตอนกลางวัน ช่วยทำให้สตรอเบอรี่ออกผลได้ แต่สตรอเบอรี่ที่ไร่ต้องใช้เวลานาน เกือบ 4 เดือน ถึงจะให้ผลิต

“ผลสตรอว์เบอรี่ จะเริ่มออกช่วงอากาศหนาว ระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ เก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นไป พอเข้าเดือนมีนาคมและเมษายนอากาศร้อนขึ้น สตรอว์เบอรี่จะไม่ติดผล”

ปัจจุบันพื้นที่ปลูกสตรอว์เบอร์รี่แห่งนี้ ราว 1 ไร่ มีต้นสตรอว์เบอรี่ 10,000 ต้น สำหรับราคาขาย พันธุ์ 80 จะขายในราคา 350 บาท/กก. และสตรอว์เบอรี่พันธุ์ 329 ขายอยู่ในราคา 300 บาท/กก. แต่ละวันจะเก็บสตรอว์เบอร์รี่ได้เฉลี่ยวันละ 40 กิโลกรัม

สำหรับ หัวใจสำคัญการปลูกสตรอว์เบอรี่ คุณน็อต บอกว่า อย่าคิดจะปลูกแค่เก็บผลขาย ต้องทำต้นกล้าหรือที่เรียกว่า “ต้นไหล” ขายด้วย เพราะการทำสวนผลผลิตมักออกตามช่วงฤดูกาล นอกฤดูกาลก็ยังมีรายได้ และที่ขาดไม่ได้ต้องมีใจรัก เพราะอาชีพเกษตรกรค่อนข้างลำบากต้องใช้ความมุ่งมั่นมากพอสมควร บางครั้งมันอาจไม่ได้ตามที่คาดหวัง แต่เราต้องมีความพยายามทำให้ดีที่สุด