นายท้ายเรือ ใช้เวลาว่างจากงานประจำ ปลูกผักปลอดสารเพียง 1 ไร่ สร้างรายได้เสริม 60,000 บาท ต่อปี

การประกอบ “สัมมาชีพ” เป็นการทำมาหากินโดยไม่ได้เอากำไรสูงสุดเป็นตัวตั้งหรือเป็นเป้าหมายสุดท้าย แต่เป็นการคำนึงถึงความเป็นธรรมทางสังคม กล่าวคือ เป็นความสุขของตนและคนทำงาน รวมถึงประโยชน์ของผู้บริโภคและผู้รับบริการเป็นหลัก

สัมมาชีพชุมชน คือชุมชนมีการประกอบอาชีพโดยชอบ ซึ่งมีรายได้มากกว่ารายจ่าย โดยลดการเบียดเบียนตนเอง เบียดเบียนผู้อื่น และเบียดเบียนสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ต้องสอดคล้องกับวิถีของชุมชน เพื่อความมุ่งหมายในการสร้างระบบเศรษฐกิจชุมชน

ทุกเย็น ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา ริมกว๊านพะเยา จะมีผู้คนที่รักสุขภาพมาออกกำลังกายกันทุกวัน ถ้าหากสังเกตจะเห็นชายคนหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับแปลงผักของเขา และยังมีอีกประมาณ 4-5 ครอบครัว ก็ปลูกผักเหมือนกัน แปลงผักที่เขียวชอุ่ม ปลอดภัยจากสารพิษ เป็นจุดดึงดูดใจของผู้คนที่มาออกกำลังกาย เมื่อออกกำลังกายเสร็จแล้วก็จะมาอุดหนุนผักปลอดภัยจากสารพิษที่นี่ไปทำอาหารรับประทานกันที่บ้าน คือได้ทั้งสุขภาพกายแข็งแรงแล้ว ยังได้รับประทานผักปลอดภัยจากสารพิษอีกด้วย

คุณสืบสวัสดิ์ รินสาร เจ้าหน้าที่นายท้ายเรือของศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา จะปลูกผักหลากหลายชนิดในช่วงฤดูหนาว สร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัวได้เป็นอย่างดี โดยใช้พื้นที่ว่างภายในบริเวณศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา ซึ่งเป็นที่รกร้างยกแปลงปลูกผักปลอดภัยจากสารพิษขายทำรายได้งาม บอกปลูกแค่ 2 เดือน โดยจะวางแผนทยอยปลูกเพื่อให้ผลผลิตพร้อมที่เก็บเกี่ยวทยอยกันไป เก็บผลผลิตขายได้ทุกวัน ลดต้นทุนและเพิ่มความปลอดภัยให้กับตนเองและผู้บริโภค โดยการเตรียมดินอย่างดี ใช้เศษสวะที่เก็บขึ้นมาจากกว๊านพะเยามาทำเป็นปุ๋ยหมักคลุกเคล้าในแปลงปลูก ทำน้ำหมักชีวภาพจากหอยและปลา ทำให้ประหยัดต้นทุนการผลิต สามารถทำรายได้เฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 50,000-60,000 บาท ต่อไร่ ต่อครั้ง

คุณสืบสวัสดิ์ บอกว่าใช้เวลาว่างหลังจากเลิกงานและวันหยุดราชการมาปลูกพืชผัก อาทิ ต้นคะน้า กวางตุ้ง บร็อกโคลี่ พริก มะเขือ รวมทั้งผักประเภทอื่นๆ โดยใช้พื้นที่ว่างของศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา ที่รกร้างว่างเปล่า ปรับพื้นที่เพื่อปลูกผักในช่วงฤดูหนาว ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัวได้เป็นอย่างดีในช่วงนี้

คุณสืบสวัสดิ์ กล่าวต่อว่า ตนได้ขออนุญาตใช้พื้นที่ภายในศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยาปลูกพืชผักในช่วงฤดูหนาวแทบทุกปี เนื่องจากในช่วงนี้ผักจะเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี ผักที่ปลูกจะมีทั้งคะน้า กวางตุ้ง บร็อกโคลี่ และอื่นๆ อีกหลายชนิด ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ที่เดินทางมาออกกำลังกาย และพบเห็น จะมาหาซื้ออย่างต่อเนื่อง และในบางส่วนก็จะมีแม่ค้าแถวตลาดเทศบาล และตลาดแม่ทองคำ สี่แยกแม่ต๋ำ เดินทางมารับซื้อจนแทบไม่เหลือ เนื่องจากพืชผักที่นี่เป็นที่สนใจของบรรดาพ่อค้าแม่ค้า เพราะเป็นการปลูกพืชผักแบบปลอดภัยจากสารพิษ โดยเฉลี่ยแล้วในการปลูก 1 ไร่ สามารถจำหน่าย สร้างรายได้ 50,000-60,000 บาท หากท่านสนใจอยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สอบถามได้ที่ โทร. (085) 106-3102

ผักที่ปลูกสวยงามมาก
แปลงผัก

นอกจากครอบครัวของคุณสืบสวัสดิ์แล้ว ยังมีครอบครัวอื่นๆ อีก 5 ครอบครัว ที่มีอาชีพปลูกผักปลอดภัยจากสารพิษขาย สร้างรายได้ อาทิ ครอบครัวของ คุณเพียร แหวนเพชรและภริยา คุณสมศรี แหวนเพชร บ้านแม่ต๋ำภูมินทร์ ก็มาทำอาชีพปลูกผักขายที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยาด้วย

ต้องขอขอบคุณและชมเชยศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา ที่สนับสนุนส่งเสริมการสร้างงาน สร้างรายได้ แก่บุคคลต้นแบบสัมมาชีพท่านนี้ การช่วยเหลือสนับสนุนประชาชนในการประกอบอาชีพและตั้งตัวให้มีความพอกินพอใช้ก่อนอื่นเป็นพื้นฐานนั้น เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะผู้ที่มีอาชีพและฐานะเพียงพอที่จะพึ่งตนเอง ย่อมสามารถสร้างความเจริญก้าวหน้าระดับที่สูงขึ้นต่อไป สร้างความมั่นคงให้เศรษฐกิจในระดับชุมชน จังหวัด และสุดท้ายมีผลไปถึงระดับประเทศชาติเลยทีเดียว