ฝ่าทุกคำพูด ด้วยความสามารถ! เปิดร้านขายมะม่วง แค่ปีกว่า คว้ารายได้กว่า 2 แสนทุกเดือน

ฝ่าทุกคำพูด ด้วยความสามารถ! เปิดร้านขายมะม่วง แค่ปีกว่า คว้ารายได้กว่า 2 แสนทุกเดือน

จากลูกชายที่เติบโตมากับธุรกิจขายมะม่วงของครอบครัวตั้งแต่เล็กๆ วันนี้ คุณคม-กฤษณธร แซ่จึง พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สามารถสร้างธุรกิจ ร้านมะม่วงกฤษณธร เป็นของตัวได้ด้วยความสามารถ พร้อมฝ่าทุกความกดดันและคำพูด ที่ใครๆ ต่างบอกว่า โชคดีที่พ่อแม่สร้างธุรกิจไว้ให้โดยไม่ต้องดิ้นรน

ถึงปัจจุบันแม้ร้านจะเปิดมาได้ 1 ปีกว่า แต่ก็มีลูกค้าหลากหลายกลุ่มมาอุดหนุน ทั้ง พ่อค้าแม่ค้าคนกลาง ร้านอาหารชื่อดัง รวมถึงห้างหรูระดับประเทศ ทำให้มีรายได้แบบยังไม่หักค่าใช้จ่าย เฉลี่ยเดือนละ 200,000 กว่าบาท 

เติบโตมากับมะม่วง ธุรกิจของพ่อแม่

คุณคม วัย 41 ปี เล่าให้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ฟังว่า ก่อนเปิดร้านมะม่วงกฤษณธรเป็นของตัวเอง ตั้งแต่เล็กจนโตได้ช่วยดูแลธุรกิจมะม่วงให้กับคุณพ่อ คือ ร้านทะเลภูเขา ซึ่งเปิดขายมานานเกือบ 40 ปี ร้านจึงมีคอนเน็กชันกับชาวสวนมาอย่างยาวนาน

อีกทั้งคุณพ่อยังมีหลักการทำธุรกิจที่ว่า “เราอยู่ได้ เขาอยู่ได้” แม้ในช่วงมะม่วงล้นตลาด ทางร้านก็ไม่เคยทอดทิ้งชาวสวน ส่วนช่วงที่ร้านต้องการมะม่วง ชาวสวนก็สามารถจัดหามะม่วงมาส่งได้ตามสเปกที่ลูกค้าต้องการเสมอ

กลับมาสู่ธุรกิจปัจจุบันของคุณคม หลายคนอาจจะมองว่าโชคดีที่พ่อแม่สร้างธุรกิจมาให้โดยไม่ต้องดิ้นรนอะไร แต่ความจริงแล้วเป็นเรื่องยากกว่าที่ใครคิด โจทย์คือทำอย่างไรให้ธุรกิจเติบโตขึ้น เพราะคนจะคอยจับตามองและเปรียบเทียบกับธุรกิจของคุณพ่อ และสิ่งที่ยากอีกอย่างคือ การชนะใจพ่อแม่

“ผมต้องทำให้ท่านเชื่อใจและมั่นใจในการตัดสินใจของเรา โดยลองทำจากสิ่งเล็กๆ ก่อน จากนั้นค่อยปรับใช้โมเดลที่ใหญ่ขึ้น ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ โดยนำประสบการณ์จากที่ได้เรียนรู้จากคุณพ่อมาผสมกับสิ่งที่เรียนรู้ใหม่ ที่สำคัญ อย่าท้อกับปัญหา เมื่อล้มแล้วให้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว” คุณคม เล่าให้ฟัง

หาลูกค้าเองทั้งรายเล็กรายใหญ่

แม้ปัจจุบันร้านมะม่วงกฤษณธร จะเปิดได้ 1 ปีกว่า แต่ที่ผ่านมาคุณคมได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ร้านเติบโตได้ด้วยความสามารถ ดังเช่น การหาลูกค้าเอง โดยไม่ดึงลูกค้าเก่าจากคุณพ่อมาแม้แต่คนเดียว

โดยลูกค้าของร้าน แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก กลุ่มแรก พ่อค้าแม่ค้าคนกลาง มารับจากหน้าร้านเพื่อไปขายปลีก ที่ตลาดนัด ตลาดสด ตลาดผลไม้ รถเร่ ฯลฯ

“ราคาขายให้พ่อค้าแม่ค้าคนกลาง มีขึ้นลงตามฤดูกาล อย่างในฤดูกาล ราคาจะไม่แรง พอนอกฤดูกาลราคาจะเขยิบขึ้น เป็นไปตามกลไก ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเกรดของมะม่วงด้วย บางคนซื้อไปปอกขายคู่กับข้าวเหนียวมูน ก็ซื้อแบบเกรดรอง ถึงเปลือกไม่สวย แต่พอปอกข้างในเนื้อสีทองสวย รสชาติหวานอร่อยเหมือนกัน แต่บางคนซื้อไปขายทั้งลูกจะเลือกเกรดดี ผิวสวย เพราะต้องการโชว์ทั้งลูก”

“ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นคนบอกว่าอยากได้แบบไหน ทางร้านจะจัดตามงบ ลดได้ลดให้แบบไม่ต้องขอเลย เพราะร้านไม่ได้บวกเยอะ ยึดหลัก วิน-วิน ชาวสวน ร้าน ลูกค้า ซื้อขายแบบยิ้มได้ มีเงินไว้ต่อทุน มีกำไรเล็กๆ น้อยๆ ไว้สร้างครอบครัว” 

กลุ่มที่สอง ร้านอาหาร มีตั้งแต่ร้านข้าวเหนียวมะม่วงชื่อดังระดับประเทศ ร้านอาหารที่มีกลุ่มนักท่องเที่ยวเป็นลูกค้าหลัก ซึ่งต่างชาติชอบกินมะม่วงมาก โรงแรม โฮสเทล ฯลฯ ยิ่งช่วงนี้การท่องเที่ยวเริ่มกลับมาคึกคัก ร้านจะมารับมะม่วงไปขึ้นเมนู หรือขายคู่กับข้าวเหนียวมูน และกลุ่มที่สาม ห้างสรรพสินค้าหรู รวมถึงบริษัทส่งออกต่างประเทศ ก็มาติดต่อร้านให้หามะม่วงส่งให้

“กลุ่มนี้จะระบุสเปกมาแบบเป๊ะๆ เลยว่าอยากได้เกรด ไซซ์แบบไหน ทางร้านสามารถจัดให้ได้ จากการจำหน่ายให้ลูกค้าทั้ง 3 กลุ่มของเรา ทำให้มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 200,000 กว่าบาทต่อเดือน แบบยังไม่หักค่าใช้จ่าย” เจ้าของร้านมะม่วง กล่าว

ขายมะม่วงตลอดปี พีกสุดวันละ 1 ตัน

ปัจจุบันร้านของคุณคมขึ้นชื่อในเรื่อง มะม่วงน้ำดอกไม้และมะม่วงแก้วขมิ้น ซึ่งมีขายตลอดทั้งปี โดยทั้ง 2 สายพันธุ์นี้สามารถทำยอดขายได้เยอะพอๆ กัน

“ถ้าเป็นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึงเดือนเมษายน จะเป็นฤดูกาลมะม่วงน้ำดอกไม้ จะมีเนื้อแน่นนุ่ม ฉ่ำน้ำ มีกลิ่นหอม ขายดีและขายได้มากกว่าเดือนอื่น เพราะคนนิยมเอาไปทานคู่กับข้าวเหนียวมูน พอหมดฤดูกาลมะม่วงน้ำดอกไม้ก็ยังขายได้เรื่อยๆ แต่ความอร่อยจะลดลงเล็กน้อย”

“จากนั้น เป็นช่วงมะม่วงแก้วขมิ้น ซึ่งนิยมกินทั้งแบบดิบและสุก แบบผลดิบนิยมฝานเป็นชิ้นจิ้มเกลือพริกป่น หรือกินกับน้ำปลาหวาน มีรสชาติกรอบมันปนเปรี้ยวและหวานเล็กน้อย ฉ่ำน้ำ เนื้อไม่แข็งหยาบกระด้าง หรือเหนียวเหมือนมะม่วงกินผลดิบบางสายพันธุ์ พ่อค้าขายผลไม้รถเข็นปัจจุบันนิยมเอามะม่วงแก้วขมิ้นไปปอกและเฉาะขาย ผลละ 20 บาท”

และว่า

“2 สายพันธุ์นี้ขายตลอดทั้งปีครับ ช่วงพีกขายได้ประมาณ 1 ตันต่อวัน ถ้าลูกค้ามาสั่งซื้อ เราจัดให้ได้ทุกเกรดทุกไซซ์ที่ต้องการ แม้ว่าจะเป็นร้านเปิดขายมาไม่ถึง 2 ปี แต่ด้วยประสบการณ์และความรู้ที่ไม่เป็นสองรองใคร รับรองได้ว่าสั่งมะม่วงร้านนี้ไม่ผิดหวังแน่นอน” คุณคม บอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

มือใหม่อยากเริ่มรับไปขายทำอย่างไร

หากใครอยากสร้างอาชีพ รับมะม่วงไปขาย เจ้าของร้าน บอกว่า ยินดีแนะนำให้

“ถ้าสนใจอยากรับมะม่วงไปขาย อยากให้ลองเปิดใจให้ร้านมะม่วงกฤษณธร ทางร้านยินดีแนะนำให้ทุกเคล็ดลับการเลือก มีต้นทุนเท่าไหร่มาคุยกันได้ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะ หรือบางคนไม่มีต้นทุนเลยอยากมาไลฟ์สดหน้าร้านก็ยินดี อยากให้ลองเปิดใจมาซื้อมะม่วงที่ร้าน”

“ลูกค้าแจ้งได้เลยว่าต้องการสุกประมาณไหน หรือกี่วันสุก เอาไปขายกี่วัน วันไหนบ้าง เดี๋ยวทางร้านช่วยเลือก สามารถระบุได้เลยว่าลังนี้พร้อมขาย ลังนี้ขายวันต่อไป ฯลฯ สำหรับมะม่วงสุกที่ร้านจะบ่มโดยใช้แก๊สธรรมชาติปลอดภัยต่อผู้บริโภค 100% ครับ”

ส่วนถ้าใครอยากซื้อไปทาน ทางร้านขอแนะนำทริกการเลือกมะม่วงง่ายๆ ว่า “ให้สังเกตดูที่ขั้วก่อนเลย ถ้ายังมีก้านติด ขั้วเขียว ขั้วเต่งตึง แสดงว่ายังไม่สุกจัด ถ้ามะม่วงสุกพร้อมกินจะเป็นสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ เหี่ยว ขั้วจะบุ๋มลงไปไม่มีอะไรติด และถ้าลองดมตรงบริเวณขั้วจะได้กลิ่นหอม เท่านี้ก็สามารถเลือกมะม่วงสุก หอม หวานอร่อยแบบง่ายๆ ได้” คุณคม อธิบาย

ก่อนทิ้งท้าย ถึงความภูมิใจที่ได้สานต่อธุรกิจครอบครัวว่า “ภูมิใจมากครับ เห็นคุณพ่อคุณแม่ทำธุรกิจนี้มาตั้งแต่เล็ก เมื่อก่อนร้านจะเล็กกว่านี้ ต้องช่วยยกลัง ต้องอยู่กัน 24 ชั่วโมงเพื่อขายของ พอจะทำอะไรของตัวเองสักอย่าง ก็มีมะม่วงนี่แหละที่คิดว่าชำนาญที่สุด ตั้งแต่เด็กจนโตผูกพันกับมะม่วง มีบ้าน เรียนจบ สร้างครอบครัวได้เพราะมะม่วง มันเหมือนอยู่ในสายเลือดไปแล้ว”

สนใจแวะไป ร้านมะม่วง กฤษณธร ตลาดสี่มุมเมือง โซนมะม่วง เปิด : ทุกวัน 24 ชั่วโมง

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2023