เกษตรกรขี้เบื่อ ปลูกมะละกอ มะกรูด ในสวนมะนาว รับทรัพย์ปีละหลายล้านบาท

การเป็นคนขี้เบื่อและมีความคิดที่แตกต่างจากเกษตรกรทั่วไปของอดีตนิติกร กระทรวงการคลังหรือคุณณรงค์ ร่างใหญ่ ชายหนุ่มอัธยาศัยดีวัย 38 ปี ทำให้เขาสามารถจัดสรรพื้นที่ 100 ไร่ ที่ตำบลห้วยหอม อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ปลูกมะนาวไร้เมล็ด มะกรูดตัดใบ และมะละกอฮอลแลนด์ สามารถสร้างรายได้จากผลผลิตเหล่านี้ปีละหลายล้านบาท ปัจจุบันชายหนุ่มคนนี้ยังเป็นประธานชมรมผู้ปลูกมะกรูดตัดใบเพื่อการค้าด้วย

คุณณรงค์ หรือคุณเอ๋ เรียนจบด้านนิติศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เคยทำงานที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ก่อนที่จะตัดสินใจลาออกไปช่วยธุรกิจของภรรยา นั่นคือ อพาร์ตเมนต์ที่จังหวัดอยุธา และช่วยแม่ยายขายผลไม้ ขณะที่พอมีเวลาว่าง เขาอยากใช้ให้เกิดประโยชน์ และหวนคิดว่าอาชีพดั้งเดิมของครอบครัว คือ เกษตรกร หนที่สุดหันไปปลูกมะนาวไร้เมล็ด ตามด้วยมะกรูด และมะละกอฮอลแลนด์

“ผมไปช่วยคุมงานก่อสร้างอพาร์ตเมนต์ของภรรยาที่จังหวัดอยุธา พอสร้างเสร็จก็ไปช่วยแม่ยายขายผลไม้ ในระหว่างที่มีเวลาว่างก็ศึกษาว่ามีพืชผักชนิดไหนบ้างที่น่าจะสร้างรายได้ดี ส่วนตัวมองว่ามะนาวน่าจะดีที่สุด ปี 2553 เลือกที่จะปลูกมะนาวไร้เมล็ดนอกฤดูในวงบ่อซีเมนต์บนพื้นที่ 4 ไร่ จำนวน 300 ต้น ลงทุนครั้งแรกประมาณไร่ละ 1.4 แสนบาท สาเหตุที่เลือกปลูกมะนาว เพราะมะนาวมีราคาสูง บางช่วงลูกละ 10 กว่าบาท อีกทั้งแถวบ้านยังไม่มีใครปลูกด้วย”

วิธีการปลูกมะนาวไร้เมล็ดของชายหนุ่ม เขาเผยว่า อาศัยศึกษาจากหนังสือและเว็บไซต์ ผิดบ้างถูกบ้าง ทุกอย่างเหมือนจะไปได้ดี แต่ไม่นานเกิดปัญหา “ใบมะนาวเหลือง” โดยที่ไม่รู้สาเหตุ แก้ปัญหาไม่ได้ ตัดสินใจไปอบรมการปลูกมะนาวนอกฤดู ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เพื่อศึกษาให้ถ่องแท้

“ผมปลูกมะนาวใช้วงบ่อซีเมนต์ ขนาด 80 เซนติเมตร วางระยะห่างระหว่างแถว 4 เมตร ระยะห่างระหว่างต้น 3 เมตร กิ่งพันธุ์ที่ใช้เป็นมะนาวพันธุ์แป้นพิจิตร 1 และแป้นพวง สาเหตุที่เลือก 2 สายพันธุ์นี้ เพราะเป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มภาคกลาง ทนทานต่อโรคแมลง ลูกดก ส่วนระบบการให้น้ำ ใช้ระบบน้ำหยดกับมะนาวต้นเล็กๆ โดยให้น้ำช่วงเช้าเพียง 5 นาที หลังจากมะนาวเริ่มโตก็เปลี่ยนระบบน้ำหยดเป็นมินิสปริงเกลอร์ ให้น้ำในช่วงเช้าเช่นเดียวกัน แต่ปรับเวลาเป็น 10-15 นาที”

ะนาวที่จะบังคับให้ออกนอกฤดูได้นั้น ควรมีอายุอย่างน้อย 8 เดือน – 1ปี ขึ้นไป ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมหรือต้นเดือนกันยายน เป็นช่วงที่ฝนตก งดให้น้ำ นำผ้าพลาสติกกันฝนขนาดใหญ่คลุมรอบวงบ่อ สังเกตใบมะนาวจะเริ่มเหี่ยว หลังจากคลุมผ้าพลาสติก ประมาณ 10-15 วันนำผ้าพลาสติกคลุมออก เมื่อใบสลด เหี่ยวหรือร่วง ประมาณ 75-80% ให้น้ำพร้อมปุ๋ย ให้ปุ๋ยทางดิน ใช้สูตร 0-0-60 หรือ 15-5-20 ส่วนปุ๋ยทางใบ ใช้สูตร 9-19-34 หลังจากนั้น ประมาณ 14 วัน มะนาวจะเริ่มแตกใบอ่อน พร้อมออกดอก ระยะนี้ต้องหมั่นดูแลไม่ให้แมลงศัตรูพืชเข้าทำลาย ซึ่งผลมะนาวจะสมบูรณ์พร้อมเก็บจำหน่ายในช่วงฤดูแล้งพอดี

ด้านรายได้ คุณณรงค์ ระบุว่า รอบแรกของการปลูกมะนาว ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ รายได้ราคาดี เฉลี่ยไร่ละ 3 แสนบาท เลยทีเดียว

เมื่อมะนาวให้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจรายได้อยู่ตัว เข้าสู่ปีที่ 3 เกษตรหนุ่มเริ่มอยากทดลองปลูก “มะกรูด” เพราะเคยไปอบรมมา

ทว่าก่อนปลูกมะกรูด คุณเอ๋ เล่าว่า แม่เครียดมาก คนรอบข้างมาถามว่าปลูก “เพื่ออะไร” จะไปขายที่ไหน แต่ในที่สุดผ่านไป 8 เดือน มะกรูดที่ปลูกเริ่มโต ตัดใบขายได้ ตอนกิ่งพันธุ์ขายได้ ขายดีเกินคาด ตลาดวิ่งเข้าหา ปัจจุบันตัดมะกรูดพร้อมก้านขายสัปดาห์ละ 400 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 50 บาท ตอนกิ่งพันธุ์ขายด้วยกิ่งละ 25 บาท เฉลี่ยมะกรูด 1 ไร่ สร้างรายได้เกือบ 7แสนบาท

           

         

“ผมเริ่มปลูกมะกรูด รอบแรก 7,000 กว่าต้น รอบที่ 2 ปลูกเพิ่มอีก 10,000 กว่าต้น ในพื้นที่ 5 ไร่ ลงทุนไร่ละ  1 แสน ผ่านไป 8 เดือน มะกรูดเริ่มขายได้ มีทั้งลูกค้าที่เข้ามาหา และไปหาตลาดเอง ส่งตลาดใหญ่ๆ อาทิ สี่มุมเมือง อ่างทอง และมีโรงงานทำน้ำพริก โรงงานทำเครื่องแกงสำเร็จรูปมารับซื้อ ส่งออกไปญี่ปุ่น และจีนด้วย สามารถทำรายได้ให้เป็นกอบเป็นกำ ปลูกเท่าไหร่ก็ไม่พอต่อความต้องการของตลาด”

สำหรับการปลูกมะกรูด เกษตรกรรายนี้ปลูกแบบระยะชิด นับเป็นการใช้พื้นที่ต่อไร่ให้ได้ประโยชน์สูงสุด และผลผลิตต่อพื้นที่ได้มากที่สุด รอบการตัดจะได้ผลผลิตจำนวนครั้งมากกว่าการปลูกแบบเดิม คือ 1 ปี สามารถตัดได้ 6-8 ครั้ง มะกรูดจะเริ่มให้ผลผลิตตั้งแต่ 8 เดือน ขึ้นไป  เก็บเกี่ยวผลผลิตโดยเฉลี่ย 45 วัน ต่อครั้ง ทั้งนี้ยังสามารถควบคุมคุณภาพการดูแลง่ายกว่าแบบเดิมอีกด้วย

คุณเอ๋ บอกว่า ถ้าเปรียบเทียบการปลูกมะกรูดระยะชิด กับ ปลูกแบบเดิม จะมีลักษณะแตกต่างกันหมด การปลูกระยะชิดจะสามารถปลูกมะกรูดได้ประมาณ 5,000-7,000 ต้น ต่อไร่ ซึ่งการปลูกมะกรูดแบบเดิมจะปลูกได้ 400 ต้น ต่อไร่ จะมีเงินหมุนเวียนภายในสวนตลอดเวลา

ณเอ๋ ขายใบมะกรูดและตอนกิ่งขายราว 4 ปี คราวนี้เริ่มเบื่ออีกแล้ว เขาต้องการหาความท้าทายในบทบาทเกษตรต่อด้วยการปลูกมะละกอพันธุ์ฮอลแลนด์แซมในพื้นที่ปลูกมะนาว สาเหตุที่ปลูกมะละกอ เพราะะอายุสั้นให้ผลผลิตไว

            

          

“ผมปลูกมะละกอ โดยซื้อเมล็ดมาแช่น้ำอุ่น 1 คืน และบ่มเมล็ด ด้วยการห่อผ้าทิ้งไว้อีก 2-3 คืน เมื่อเมล็ดเริ่มงอก นำมาเพาะในถุงดำ ถุงละ 3 เมล็ด ทำโรงเรือนเพาะกล้าง่ายๆ ด้วยการทำหลังคาพลาสติกกันฝน พรางแสงแดด ด้วยซาแลนเมื่อต้นกล้าอายุ 30 วัน ขุดหลุมใส่ปุ๋ยคอกรองพื้นก่อน จึงนำไปปลูกลงแปลง ใช้ระยะปลูกระหว่างต้น 3.5 เมตร ค่อนข้างห่าง เนื่องจากไม่ให้บังแสงต้นมะนาวที่ปลูกไว้”

มะละกออายุ 2-3 เดือนจะเริ่มออกดอก เลือกต้นกะเทยไว้ตามหลักการปลูกมะละกอทั่วไป จากนั้นใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-5-20 ผสมกับ 46-0-0 อัตรา 4:1 ทุก 13-15 วัน ส่วนทางใบจะพ่นธาตุอาหารเสริมสาหร่ายทะเล แคลเซียม-โบรอนทุก 7 วัน

คุณเอ๋ บอกว่า มะละกอเป็นพืชที่ลงทุนไม่สูงมาก โอกาสประสบความสำเร็จมีสูง ดูแลไม่ยากมาก หลักๆ รดน้ำทุกวัน ใส่ปุ๋ยเดือนละ 2 ครั้ง พ่นปุ๋ยทางใบทุก 7-10 วัน สามารถเก็บผลผลิตได้ในระยะเวลาเพียง 7 เดือนเท่านั้น

ด้านการตลาด เกษตรรายนี้ บอกว่า เก็บมะละกอได้ทุกวัน วันละราว 3 ตัน ขายในราคา กก.ละ 15 บาท หากเป็นช่วงเดือนกรกฎาคม – ตุลาคมของทุกปี มะละกอจะขาดตลาด ได้ราคาดี กก.ละ 25-35 บาท จะมีรายได้วันละ 1 -1.2 แสนบาท

สรุปแล้ว คุณเอ๋ จะมีรายได้ตลอดทั้งปีปีละหลายล้านบาท ด้วยการเก็บผลผลิตวนไป มะนาวนอกฤดูเก็บขายปีละครั้ง เดือนมีนาคม – เมษายน มะกรูด 2 เดือนตัดใบขาย ขายกิ่งพันธุ์ด้วย มะละกอเก็บขายได้ทุกวัน

#####