ปลูกพริกพันธุ์เรดฮอท และซุปเปอร์เรดฮอท ส่งออกยุโรปและญี่ปุ่น ปีละ 100 ตัน

คุณธีรวัฒน์ รังสิกรรพุม เจ้าของสายมีฟาร์ม อยู่ที่ตำบลวังชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นเกษตรกรที่ปลูกพริกส่งออกยุโรปและญี่ปุ่น อาจเรียกว่าเป็นรายใหญ่ของไทยก็ว่าได้ โดยส่งออกพริกประมาณสัปดาห์ละ 2-3 ตัน หรือปีละ 100 ตัน เลยทีเดียว

ในเรื่องของสายพันธุ์พริกที่ปลูก จะเป็นสายพันธุ์เรดฮอท และซุปเปอร์เรดฮอท เป็นของ บริษัท เพื่อนเกษตรกร จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการผลิตเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพอีกบริษัทหนึ่ง โดย คุณพิทักษ์ชน โตสารเดช เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการขาย ให้ข้อมูลว่า ทางบริษัทได้มีการพัฒนาพริกให้เป็นพันธุ์ลูกผสม เพื่อให้ผลผลิตดก ได้ปริมาณผลผลิตต่อไร่สูง และที่สำคัญอายุการเก็บเกี่ยวสั้น

(ซ้ายไปขวา) คุณธีรวัฒน์ รังสิกรรพุม เจ้าของสายมีฟาร์ม, คุณพิทักษ์ชน โตสารเดช, คุณอนุวัฒน์ อุปละกูล, คุณณัฐพงค์ หน่อแก้ว และ คุณวันฉัตร เกิดเกียรติสุข เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการขาย บริษัท เพื่อนเกษตรกร จำกัด

“เรดฮอท เป็นพริกที่มีการพัฒนาสายพันธุ์มาไม่ต่ำกว่า 4 ปี ลักษณะพิเศษคือ เป็นพริกที่มีผลสม่ำเสมอ ส่วนซุปเปอร์เรดฮอทเป็นพริกที่พัฒนามาได้ 1 ปีกว่าๆ ซึ่งตอนนี้กำลังทำตลาดอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น เป็นพริกที่พัฒนาสายพันธุ์เพื่อพัฒนาผลให้ใหญ่ขึ้น และมีสีที่เข้มขึ้น” คุณพิทักษ์ชน กล่าวให้ฟังถึงลักษณะของสายพันธุ์พริก

มีประสบการณ์ การปลูกพริกมากกว่า 7 ปี

คุณธีรวัฒน์ เล่าให้ฟังว่า เขาเป็นเกษตรกรที่ปลูกพริกอยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ประมาณ 30 ไร่ และได้มีการทำเป็นเครือข่ายกับเพื่อนเกษตรกรในพื้นที่อื่นๆ รวมแล้วอีกประมาณกว่า 200 ไร่ จึงทำให้พริกที่ปลูกสามารถส่งขายหมุนเวียนได้ตลอดทั้งปี ซึ่งเขาเองได้เลือกปลูกพริก 2 พันธุ์นี้ คือ เรดฮอท และซุปเปอร์เรดฮอท เป็นพริกที่ผ่านมาตรฐานในการส่งออก เพราะมีความเผ็ด มีกลิ่นที่หอม และมีผลที่ตรงสม่ำเสมอตลอดการเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งการส่งออกไปยังต่างประเทศนั้น จะต้องควบคุมในเรื่องความปลอดภัยต่อผู้บริโภคอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้มีสารตกค้างไปถึงผู้บริโภค

“ข้อดีของพริกสายพันธุ์เรดฮอท ผลจะมีความสม่ำเสมอ ไล่จากล่างขึ้นบน และที่สำคัญการเก็บพริกก็เก็บได้ง่าย ส่วนสายพันธุ์ซุปเปอร์เรดฮอทจากประสบการณ์ที่ผมได้ปลูกมา ถือว่ามีการต่อยอดที่ดีกว่า ในเรื่องของสีที่แดงสวย ผลผลิตต่อไร่สูง อย่างเก็บทำพริกแดง สามารถทำผลผลิตได้ 2.5-3 ตัน ต่อไร่” คุณธีรวัฒน์ กล่าว

เน้นปลูกดูตามฤดูกาล

ในขั้นตอนของการปลูกพริก ขั้นตอนแรกจะนำเมล็ดพริกมาเพาะลงในกระบะเพาะ ขนาด 200 หลุม วัสดุที่ใช้เพาะจะเป็นพีทมอสส์ โดยหยอดเมล็ดพริกลงไปในกระบะเพาะ ต้นละ 1 หลุม ซึ่งการเพาะกล้าจะใช้เวลาประมาณ 30-40 วัน พริกจะมีขนาดประมาณ 1 คืบ จึงเตรียมย้ายไปปลูกลงในแปลงที่เตรียมไว้

กระบะเพาะเมล็ดพริก ขนาด 200 หลุม

ซึ่งพริกสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี โดยเลือกพื้นที่ให้เหมาะสม อย่างเช่น พื้นที่ที่หมดฝนแล้ว ควรเลือกพื้นที่ราบเรียบ ส่วนช่วงที่เป็นฤดูฝนควรเลือกพื้นที่ลาดเอียง

ต้นกล้าพริก อายุ 20 วัน

“การเตรียมแปลงในครั้งแรก เราจะไถตากดินก่อน ทิ้งไว้ประมาณ 7 วัน เราก็จะไถพรวนยกร่องให้มีความสูง ประมาณ 20 เซนติเมตร ให้สันร่องห่างกันประมาณ 1.50 เมตร ปลูกพริกให้ห่างกัน 40-45 เซนติเมตร จะทำให้สามารถปลูกพริกได้ประมาณ 3,500-4,000 ต้น ต่อไร่” คุณธีรวัฒน์ อธิบายวิธีการปลูก

แปลงปลูกพริก

ในเรื่องของการรดน้ำในฟาร์มของคุณธีรวัฒน์ จะใช้ระบบการให้น้ำ 2 ระบบ คือ ระบบน้ำหยด กับระบบสปริงเกลอร์ ซึ่งระบบสปริงเกลอร์จะมีข้อดีคือ ช่วยในเรื่องของการล้างใบ ทำให้อุณหภูมิของใบเย็นลง เป็นการปรับอุณหภูมิกลางวันกับกลางคืนมีความใกล้เคียงกัน ทำให้ลดในเรื่องของอาการเม็ดด่างลงไปได้

การติดดอกออกผล

เมื่อลงปลูกพริกในแปลงได้อายุประมาณ 10 วัน จะเริ่มใส่ปุ๋ย สูตร 27-5-5 เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของใบ โดยใส่ปุ๋ยทุกๆ 10 วัน เมื่อพริกมีอายุประมาณ 45 วัน จะเปลี่ยนปุ๋ยเป็นสูตรเสมอ 15-15-15 ในอัตราส่วน 25 กิโลกรัม ต่อไร่

“การให้ปุ๋ย เราต้องสังเกตดูสภาพต้น ว่ายอดของพริกที่เราปลูกเจริญเติบโตดีไหม อยู่ที่ความพอใจของคนปลูก สมมุติว่าเราพอแล้วในเรื่องของยอด ต้องการการเพิ่มน้ำหนัก พอพริกเข้าสู่อายุ 60-75 วัน ก็จะปรับปุ๋ย เป็นสูตร 13-13-21 ซึ่งพริกปลูกจนสามารถเก็บผลผลิตได้ ก็ใช้เวลาประมาณ 90 วัน” คุณธีรวัฒน์ บอกถึงวิธีการใส่ปุ๋ย

แปลงพริกที่พร้อมให้ผลผลิต

เมื่อพริกได้อายุออกผลผลิตจนสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว จะให้ผลผลิตเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 2-3 เดือน ซึ่ง 1 ต้น จะให้ผลผลิตเกิน 1 กิโลกรัมขึ้น

แมลงศัตรูพืชที่ต้องระวังสำหรับการปลูกพริก จะเป็นพวกเพลี้ยไฟ ไร หนอนเจาะผล ป้องกันด้วยการฉีดพ่นยาที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคเป็นสำคัญ

ตลาดส่วนใหญ่ เน้นส่งออกยุโรป

พริก ที่ปลูกภายในฟาร์มทั้งหมดและรวมถึงสมาชิกที่มีอยู่ในกลุ่ม จะส่งออกไปยังยุโรป รวมกว่า 20 ประเทศ ส่วนพริกบางส่วนก็จะนำมาขายภายในประเทศ เน้นขายให้กับห้างสรรพสินค้า ภายใต้มาตรฐาน GAP (จีเอพี) ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับที่ส่งขายไปยังยุโรป

ผลผลิตดีมีกำไร

“ราคาพริกยังถือว่าดีอยู่ ยิ่งเป็นช่วงที่เจออากาศดีๆ อย่างเช่น ราคาพริกแดง จะอยู่ที่ราคา 90-100 บาท ต่อกิโลกรัม 1 ไร่ เก็บ 1 ครั้ง ต่อสัปดาห์ ก็จะได้ประมาณ 200-300 กิโลกรัม ต่อไร่ ซึ่งตั้งแต่อยู่ในวงการนี้มา ผมก็จะปลูกแต่พริกอย่างเดียว ยังไม่เคยทำเกษตรด้านอื่น เราก็มีขายทั้งแบบเป็นพริกสด และมีการแปรรูปทำเป็นพริกแห้งเพื่อส่งให้กับลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศ” คุณธีรวัฒน์ กล่าว

พริกลูกผสมพันธุ์เรดฮอทTA100

คุณธีรวัฒน์ บอกว่า การเป็นเกษตรกรปลูกพริกก็ถือว่าทำรายได้ไม่แพ้กับการเกษตรด้านอื่น เกษตรกรสามารถทำผลผลิตออกมาขายได้อย่างสบาย เพียงปลูกแบบถูกต้องตามขั้นตอน และที่สำคัญเรื่องของเมล็ดพันธุ์ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน

“สำหรับคนที่อยากจะปลูกพริกเพื่อเป็นอาชีพ ต้องบอกก่อนเลยว่า ต้องเลือกฤดูกาลที่เหมาะสม ซึ่งการปลูกพริกอาจเรียกว่าเป็นการเกษตรแบบต้นทุนต่ำก็ได้ ถ้าปลูกถูกฤดู แต่ถ้าผิดฤดูกาลไม่เหมาะสม มันก็จะทำให้ต้นทุนเราสูงได้ เรื่องพื้นที่ปลูกจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ส่วนเรื่องของสายพันธุ์ตัวนี้ก็สำคัญ ต่อให้เราปลูกดูแลดีขนาดไหน แต่ถ้าสายพันธุ์พริกที่เราปลูกยังไม่มีคุณภาพ ผลผลิตที่เราตั้งเป้าไว้ มันก็จะได้ไม่ดี ดังนั้นเรื่องนี้จึงสำคัญ” คุณธีรวัฒน์ กล่าวแนะนำ

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณธีรวัฒน์ รังสิกรรพุม หรือ คุณโน๊ต ที่หมายเลขโทรศัพท์ (093) 193-9292, (089) 524-7998

บริษัท เพื่อนเกษตรกร จำกัด ถนนราชพฤกษ์ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50300 โทร. (053) 211-773, (053) 211-810 หรือเจ้าหน้าที่ คุณพิทักษ์ชน โตสารเดช โทร. (085) 873-5423, คุณอนุวัฒน์ อุปละกูล โทร. (082) 189-0490

 

ที่มา เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์