ต่อยอด ทุเรียนเบตง ด้วยนวัตกรรม ไนโตรเจนเหลว เพิ่มมูลค่ากว่า 3 เท่า!

ต่อยอด ทุเรียนเบตง ด้วยนวัตกรรม ไนโตรเจนเหลว แช่แข็งทั้งลูก ส่งขายทั่วโลก เพิ่มมูลค่าได้กว่าเดิม 3 เท่า!

นางซูเหวิน มงคลประจักษ์ ผู้บริหาร บริษัท สกายออน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายทุเรียนแปรรูป จาก .เบตง .ยะลา ด้วยกระบวนการแช่แข็ง แบบโฟรเซ่นและไนโตรเจนเหลว เล่าถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจ ว่า

.เบตง มีการปลูกทุเรียนจำนวนมาก ทั้งในรูปแบบสวน หรือภายในพื้นที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน เมื่อผลผลิตออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุเรียนไม่ได้ราคาเท่าที่ควรจะเป็น ดังนั้น เราจึงเห็นช่องทางทำธุรกิจในปี 2556 ที่ริเริ่มปรับปรุงอาคารเก่า เพื่อผลิตและจำหน่ายกาแฟผสมทุเรียนสำเร็จรูป จำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนและไต้หวัน

นางซูเหวิน มงคลประจักษ์

ชาวจีนนิยมบริโภคทุเรียนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ถือเป็นโอกาสในการขยายกิจการรับซื้อทุเรียนและแปรรูปเพื่อการส่งออก จึงจัดตั้ง บริษัท สกายออน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นโรงงานแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรครบวงจร เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าทางการเกษตรให้กับเกษตรกร ประกอบด้วย ห้องแกะทุเรียน ห้องแช่แข็ง และตู้ Freeze Dry เพื่อส่งสินค้าไปจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ  

ปรับตัวตามกระแสรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยในช่วงที่ผ่านมารูปแบบการส่งออกทุเรียนของไทยเริ่มเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่ล้งจะส่งทุเรียนสดไปยังประเทศจีน แต่บางรายประสบปัญหาผลผลิตที่เกิดการเสียหายระหว่างทาง

เราจึงนำนวัตกรรมไนโตรเจนเหลวมาใช้แช่แข็งทุเรียนทั้งลูก ด้วยความเย็นที่อุณหภูมิติดลบกว่า 130-190 องศา ใช้เวลาประมาณ 60-100 นาทีเท่านั้น นอกจากจะทำให้ทุเรียนไม่เน่าเสียแล้ว ยังรักษาคุณภาพและรสชาติทุเรียน ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญ มีราคาสูงกว่าทุเรียนสดถึง 2-3 เท่าตัว  

ทุเรียนถือเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของเบตง เมื่อผ่านกระบวนการแช่แข็งด้วยไนโตรเจนเหลว ช่วยให้บริษัทบริหารจัดการธุรกิจได้คล่องตัว มีสินค้าที่สามารถส่งขายได้ตลอดทั้งปี ช่วยเพิ่มมูลค่าของทุเรียนให้มีราคาสูงขึ้น ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยมีความสามารถในการแข่งขัน

พร้อมจุดเด่นที่สำคัญ เมื่อนำทุเรียนแช่แข็งออกมาวางให้ความเย็นคลายตัว ตั้งไว้ที่อุณหภูมิปกติ 3-4 ชั่วโมง รสชาติที่ได้สัมผัสเหมือนกับการรับประทานไอศกรีม หวานเย็นกำลังดี โดยช่องทางตลาด มากกว่า 90% ส่งออกไปต่างประเทศ โดยตลาดหลักสำคัญคือ จีน และสหรัฐ ดูไบ ที่มีชาวจีนอาศัยอยู่จำนวนมาก  

ทั้งนี้ บริษัทจะรับซื้อผลผลิตทุเรียนจากชาวสวนในท้องถิ่น ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง โดยให้ราคาที่สูงกว่าตลาด ช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่มีตลาดรองรับแน่นอนและมีรายได้เพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้ดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) โดยนำเปลือกทุเรียน ภายหลังจากเข้าสู่กระบวนการผลิต มาทำเป็นปุ๋ยหมัก ใช้ในการเพาะปลูกทุเรียนให้กับเกษตรกรในพื้นที่เบตง ถือเป็นการใช้ทรัพยากรให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด

มีกระบวนการผลิตเพื่อให้เกิดของเสียน้อยที่สุด (Zero-Waste) และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจากกระบวนการดังกล่าว ทำให้บริษัทได้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันผู้ประกอบการ SME ตามกรอบแนวคิด BCG ประจำปีงบประมาณ .. 2564” กระทรวงอุตสาหกรรม  

ด้วยวงจรธุรกิจที่จำเป็นต้องมีสภาพคล่องทางการเงินสูง เพื่อจะเพียงพอต่อการรับซื้อทุเรียนสดจากเกษตรกรได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงฤดูผลผลิตออกพร้อมกันจำนวนมาก การมีธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank มาเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดี สนับสนุนสินเชื่อให้ต่อเนื่อง จึงเป็นกุญแจสำคัญมาก ของการเติบโตทางธุรกิจ

อีกทั้ง SME D Bank ยังพาเข้าถึงแหล่งทุนในโครงการสินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐโดยกระทรวงอุตสาหกรรม คิดดอกเบี้ยเพียง 1% ช่วยให้มีเงินทุนซื้อเครื่องจักรที่ทันสมัย ในการแปรรูปเพิ่มมูลค่าทุเรียนด้วยนวัตกรรม รวมถึง เจ้าหน้าที่ SME D Bank สาขายะลา ยังมาดูแลและใส่ใจเป็นอย่างดี คอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ช่วยให้ธุรกิจเติบโต เดินหน้าได้ต่อเนื่อง

แผนธุรกิจในอนาคต เตรียมพร้อมเปิดตลาดประเทศใหม่ จากนโยบายรัฐ ทั้ง RCEP (Regional Comprehensive Economic Partnership : ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค) และ FTA (Free Trade Area : เขตการค้าเสรี) รวมถึง เพิ่มเติมนำผลไม้อื่น ของไทย เช่น มะพร้าวน้ำหอม มายกระดับ ส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างรายได้ให้ธุรกิจเติบโตขึ้นแล้ว ยังส่งเสริมการจ้างงานในพื้นที่ให้เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย

สอบถามเพิ่มเติม โทร. (081) 138-9292