ผู้เขียน | เสาวลักษณ์ สวัสดิ์กว้าน |
---|---|
เผยแพร่ |
อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เป็นอำเภอที่อยู่ใต้สุดของประเทศ ตั้งอยู่ในเทือกเขาสันการาคีรี มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูง มีอากาศดี และมีหมอกตลอดทั้งปี
ด้วยภูมิอากาศเช่นนี้ เอง อ.เบตง ในอดีต จึงเป็นแหล่ง ปลูกส้มโชกุนอย่างดี มีชื่อเสียง แต่ด้วยโรคระบาด และราคาไม่แน่นอน ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ พากันโค่นต้นส้มทิ้ง และหันไปปลูกยางพารา
กระทั่งในปัจจุบัน เหลือพื้นที่ปลูกส้มโชกุน ในอำเภอเบตง ไม่ถึง 20 เปอร์เซนต์
และด้วยความที่ไม่ต้องการให้ ส้มโชกุน เบตง เหลือแต่เพียงชื่อในตำนาน หลายภาคส่วนในจังหวัดยะลา จึงร่วมมือกันสนับสนุนเกษตรกรให้กลับมาปลูกส้มโชกุน
คุณสมชาย เชี่ยวชาญศิลป์ หรือคุณชาย วัย 45 ปี บัณฑิตสาขาวิชาโรคพืช คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เจ้าของสวนส้มโชกุน 20 ไร่ ที่อ.เบตง เป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญ ในการช่วยฟื้นฟู ส้มโชกุนเบตง ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
ประวัติคร่าวๆ ของคุณชาย ก็คือ หลังจากจบปริญญาตรี คุณชายก็ทำงานไม่ต่างจากเพื่อนๆ ร่วมคณะอีกหลายคน นั่นคือเป็นพนักงานส่งเสริมการขายเคมีเกษตร ในบริษัทเอกชน ไม่ว่าจะเป็น บริษัทต่างชาติหรือ บริษัทคนไทย แต่สำหรับคุณชาย หลังจากเรียนจบ ทำงานได้เพียง 8 ปี ตัดสินใจกลับบ้านเกิด ที่อ.เบตง จ.ยะลา
ทุนรอนเดิมที่บ้านคือทำสวนยางพารา 100 ไร่ คุณชาย ปรึกษากับครอบครัว ตัดทิ้ง ให้เหลือเพียง 50 ไร่ เนื่องจากราคายางพาราขึ้นเร็ว ลงเร็ว อยู่บนพื้นฐานความไม่แน่นอน จากนั้นพลิกผืนดิน 50 ไร่นี้ ปลูกส้มโชกุน ซึ่งนับเป็นพืชปราบเซียนชนิดหนึ่งเลยทีเดียว
พื้นที่ส้ม 50 ไร่ ถูกโค่นทิ้งไปอีกครั้ง ปัจจุบัน เหลือเพียง 20 ไร่ เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการ และเพื่อให้น้ำอันเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญ เพียงพอต่อการหล่อเลี้ยงส้มราว 1500 ต้น
“ส้มโชกุน เป็นพืชประจำถิ่น รสชาติดี ผมโค่นยาง ปลูกส้ม 50 ไร่ ตอนนั้นยางพารา โลละ 20-30 บาท เลยโค่นยาง ปลูกโชกุน 10 กว่าปี ก็มีการระบาดของโรค และต้นโทรม อีกทั้ง ส้มราคาไม่ดี มีส้มจากทางเหนือมาตีตลาด ต้นทุนและค่าใช้จ่ายไม่สมดุลกัน แต่ต่อมา ก็มีโครงการฟื้นฟู ไม่อยากให้ส้มโชกุนหายไปจากพื้นที แต่คราวนี้เราลดพื้นที่เหลือ 20 ไร่ ซึ่งเราจัดการได้ดีกว่า และน้ำก็พอเพียง น้ำที่ใช้เป็น น้ำจากภูเขา และลำธารเล็กๆ ที่ผ่านสวน”
“ผมเริ่มปลูกมาตั้งแต่กลางปี 2557 ใช้เวลาปลูก 18-20 เดือน มีดอกชุดแรกจากนั้น 9-10 เดือน ถึงจะได้อายุการเก็บผลิต ส้มจากการออกชุดแรก เรายังไว้ไม่เยอะ”
สำหรับ เรื่องการตลาด คุณชาย ว่าไม่มีปัญหาเลยมีเท่าไหร่แม่ค้ารับซื้อไปหมด เนื่องจากคนในพื้นที่ปลูก ยังน้อย
ราคาส้ม แบ่งเป็นส้มในฤดู (ประมาณเดือนธันวาคม ถึงมกราคม) ราคาเฉลี่ย อยู่ที่ 60-70 บาท ต่อกก.
หากเป็นส้มนอกฤดู (เดือนมิถุนายน –สิงหาคม) ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 100 บาทขึ้นไป ต่อ กก.
นอกจากนี้ ที่สวนของคุณชาย ยังเป็นศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธภาพ การผลิตสินค้าเกษตร หรือ ศพก. ซึ่งเป็นจุดถ่ายทอดเทคโนโลยี ให้คนรุ่นใหม่ ได้เข้ามาศึกษา ให้เกิดขึ้นแปลงใหม่ขึ้นมา
คุณชาย บอกว่า การปลูกส้ม ถือเป็นพืชปราบเซียน เกษตรกรส่วนใหญ่ เลือกปลูกยางพารา เพราะปลูกง่ายกว่า แต่ราคามันแกว่ง
“เกษตรกรที่เคยปลูกยางพารา ถ้ามาปลูกส้ม ต้องศึกษาพอสมควร เพราะส้มต้องดูแล บำรุง ค่อนข้างมาก ถ้าธาตุอาหารไม่เพียงพอ ต้นก็โทรม อีกทั้งการเลือกต้นพันธุ์ ต้องหาแหล่งที่ปลอดโรค แต่ถ้าทำได้แล้วก็นับว่าเป็นอาชีพที่ดี เพราะต้นทุนต่อ กก.ไม่ถึง 20 บาท ส่วนต้นพันธุ์ สูง 50 เซนติเมตร ราคา 100 บาท”
คุณชาย บอกอีกว่าด้วยความชื้นของพื้นที่ ทำให้ส้มโชกุนเบตง มีลักษณะเฉพาะตัวคือ รสเปรี้ยวอมหวาน มีกลิ่นหอม เปลือกร่อน ทำให้ได้รับความนิยมอย่างสูง เป็นผลให้ มีพ่อค้านำส้มจากที่อื่นมาสวมรอยเป็นส้มโชกุนเบตง ซึ่งปัญหานี้ ทางจังหวัดยะลา กำลังแก้ปัญหาด้วยการ จัดทำให้ส้มโชกุนเบตง เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ จะมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่สวมรอยสินค้า ซึ่งคุณชาย เป็นหนึ่งในคณะทำงานด้วย
นอกจาก ส้มโชกุน ปัจจุบัน คุณชาย ยังปลูกพืชอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นมัลเบอรี่ เชอรี่ แก้วมังกร ซึ่งจัดทำเป็นแปลงเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามรอยพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9
และเมื่อไม่นานที่ผ่านมา ด้วยผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ คุณชาย ได้รับคัดเลือกจากคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ให้เป็นนิสิตเก่าดีเด่นประจำปี 2559 นอกเหนือไปจากการได้รับคัดเลือกให้เป็น ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ประจำจังหวัดยะลา
สำหรับใครที่สนใจ ติดต่อ คุณสมชาย ได้ที่ 126 ถ ประชาธิปัตย์ อ.เบตง ยะลา 95000
โทร. 073-230132 หรือ 089-7764107
หรือเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก คุณสมชาย
ขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ก คุณสมชาย เชี่ยวชาญศิลป์