ไม้ด่าง ยังสบายดีมั้ย ดีมานด์ ซัพพลาย สมดุลกันหรือยัง และ ตัวไหน มาแรง 

คุณนัท-ณัฐพงศ์ จินดารักษ์ เจ้าของ Magic Garden สวนไม้ด่างในตู้คอนเทนเนอร์ ให้สัมภาษณ์ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ อัพเดตบรรยากาศค้าขายแวดวงไม้ด่าง ในยามนี้ หลายคนอาจเข้าใจว่า ไม้ด่าง คงล้มหายตายจากไปจากตลาดแล้ว จึงอยากบอกว่า วงการไม้ด่าง ยังสบายดี และเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพียงแต่ช่วงนี้ ข่าวคราวเกี่ยวกับไม้ด่าง ที่ราคาใบละเป็นหมื่นเป็นแสน อาจซาลงไปแล้วนั่นเอง

“ก่อนหน้านี้ ไม้ด่างบางสายพันธุ์ อาจเป็นที่ต้องการของตลาด ขณะเดียวกันก็ยังผลิตได้น้อย ราคาขายจึงดูเหมือนสูงมาก แต่เวลานี้ คนปลูกกันมากขึ้น ความต้องการซื้อมีอยู่ระดับหนึ่ง เมื่อดีมานด์ ซัพพลาย สมดุลกัน ราคาขายจึงสมเหตุสมผล จับต้องได้ อย่าง มอนสเตลล่าด่าง ช่วงแพงๆ ขายกันใบละแสน ตอนนี้เหลือใบละ 4-5 หมื่นบาท ซึ่งถือว่าราคาไม่ลงเยอะ เพราะเป็นไม้ทำช้า ทำสวยยาก” คุณนัท อธิบาย

และบอกอีกว่า ไม้ด่างอีกตัว ที่ราคาเคยไต่ไปถึงดาวอังคาร น่าจะเป็น อีพิ มาร์เบิ้ล ซึ่งฐานผลิตอยู่ที่ประเทศไทย ต่างชาติยังไม่ค่อยมี จึงเป็นที่ขายดี และได้รับความนิยมมาก ขายดี อย่างเมื่อปีที่แล้ว ราคาขายสูงมาก ถึงใบละ 3 หมื่นบาท แต่มาปีนี้ราคาจับต้องได้แล้ว เหลืออยู่ที่ประมาณใบละหลักพัน เหตุผลเนื่องจากเป็นไม้ที่ทำไม่ยาก และโตเร็วมาก

เจ้าของสวนไม้ด่าง Magic Garden บอกกับ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ อีกว่า ไม้ที่ยังคงความนิยมมาตลอด ได้แก่ ก้านส้มด่าง เป็นไม้ที่ มีจำนวนอยู่ในเมืองไทยเยอะ ต่างชาติมีความต้องการสูง เป็นไม้ที่ทำสวยยาก มีจำนวนน้อย ซึ่งปีที่แล้ว ก้านส้มด่าง ราคาเคยขึ้นไปถึงใบละ 1 แสนบาท แต่ตอนนี้ใบใหญ่ๆ อยู่ที่ 4-5 หมื่นบาท

ส่วน ไม้ด่าง ที่กำลังมาแรง พ.ศ.นี้ คุณนัท บอก เห็นจะเป็น แอนทูเรี่ยม หรือ พืชตระกูลหน้าวัว เป็นไม้ที่ลูกค้าต่างชาติ นิยมมาก ส่วนเมืองไทย กำลังเป็นกระแสกลับมาคึกคักอีกรอบ ราคาขายต้นสวยๆ อยู่ที่ประมาณ ต้นละ 5-6 หมื่นบาท นักสะสมชอบไม้ด่างกลุ่มนี้ ตรงที่แต่ละต้นหน้าตาไม่ซ้ำกันเลย และราคาขายไปต่างประเทศก็สูงมาก พูดง่ายๆ คือเป็นต้นที่ทำกำไรให้ไม่น้อย

“คองโก ไม้ฟอร์มเป็นพุ่ม ก็กำลังเป็นที่นิยมในยามนี้ โดยลูกค้าชาวจีนชอบ ซื้อเยอะ ซื้อหนักมาก ทั้ง กรีน เรด เยลโล่ คองโก” คุณนัท บอกอย่างนั้น

และฝากส่งท้ายว่า สำหรับไม้ด่าง ที่ควรสะสม ขอให้เลือกสายพันธุ์ที่ชอบก่อน แล้วลองวิเคราะห์ตลาดดูว่า ไม้ตัวนี้ต่างชาตินิยมมั้ย เพื่อที่หากเกิดปัญหาตลาดไทยไม่ต้องการแล้ว ก็ยังมีตลาดอื่นรองรับอยู่

หมายเหตุ : เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 4 พฤษภาคม 2565