ทำเกษตร บนที่ดิน 7 ไร่ ปลูกผัก เลี้ยงเป็ด-ไก่-ปลา แบ่งกิน แบ่งขายได้ 2 ทาง

ทำเกษตร บนที่ดิน 7 ไร่ ปลูกผัก เลี้ยงเป็ด-ไก่-ปลา แบ่งกิน แบ่งขายได้ 2 ทาง
ทำเกษตร บนที่ดิน 7 ไร่ ปลูกผัก เลี้ยงเป็ด-ไก่-ปลา แบ่งกิน แบ่งขายได้ 2 ทาง

ทำเกษตร บนที่ดิน 7 ไร่ ปลูกผัก เลี้ยงเป็ด-ไก่-ปลา แบ่งกิน แบ่งขายได้ 2 ทาง

จากแปลงผักบนดาดฟ้าอพาร์ตเมนต์ ย่านสาทร สู่ฟาร์มเกษตร บนพื้นที่ 7 ไร่ ใน อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ทั้งหมดนี้ เริ่มต้นโดย คุณวี-วีรวรรณ กตัญญูวิวัฒน์ วัย 40 ปี เจ้าของอพาร์ตเมนต์ เจ้าของธุรกิจนำเข้าวัสดุก่อสร้าง และเกษตรกรรุ่นใหม่

จุดเริ่มต้น เป็นเกษตรกรหน้าใหม่ 

ย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อน คุณวี เริ่มสนใจปลูกผัก เพราะมีคุณอาเป็นต้นแบบ โดยชอบปลูกผักสวนครัวใส่ถังสี หรือกระบะเล็กๆ ไว้ริมระเบียง เมื่อคุณอาเสียชีวิต เธอจึงเข้ามารับช่วงต่อ ขยับขยายแปลงผัก จากระเบียงขึ้นไปบนดาดฟ้า ใช้นั่งร้านต่อเป็นกระบะผัก ทำระบบน้ำอัตโนมัติ และเปลี่ยนจากผักสวนครัว มาปลูกผักสลัด แบบออร์แกนิก ในชื่อ “Baanrim Rooftop Farm (บ้านริม รูฟท็อป ฟาร์ม)”

บ้านริม รูฟท็อป ฟาร์ม ปลูกผักสลัด 7 ชนิด คือ กรีนโอ๊ก เรดโอ๊ก เรดคอรัล คอส บัตเตอร์เฮด ฟิลเลย์ไอซ์เบิร์ก ผักสลัดแก้ว และหมุนเวียนปลูกผักชนิดอื่น ส่งขายตามร้านอาหาร 50% และขายปลีกให้ลูกค้าทั่วไป ที่ชื่นชอบการกินผักสลัด อีก 50%

แม้ผลตอบรับจะดีมาก แต่คุณวี แอบพบปัญหา ผลผลิตทางการเกษตรสวิง บางช่วงผักเยอะ บางช่วงผักน้อย ไม่พอจำหน่าย จึงค่อยๆ นำที่ดินใน อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ที่ใช้เป็นโกดังผสมดินให้แปลงผักบนดาดฟ้า มาปลูกผักสลัดเพิ่ม เพื่อขายส่งให้ร้านอาหาร ส่วนขายปลีก ยังใช้ผลผลิตจากแปลงผักดาดฟ้า

ขยายพื้นที่ สู่บ้านริมออร์แกนิกฟาร์ม

สำหรับฟาร์มเกษตรแห่งใหม่ คุณวี ตั้งชื่อว่า บ้านริมออร์แกนิกฟาร์ม มีพื้นที่ทั้งหมด 7 ไร่ ไม่ได้ปลูกผักทั้งหมด แต่มีบ่อน้ำเลี้ยงปลา โซนเลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ ปลูกกล้วย อ้อย หญ้าเนเปียร์ และอาคารบ้านพัก อยู่ด้วย

“พื้นที่เรามีหลายส่วน โรงปลูกผัก ประมาณ 3 ไร่ ประกอบด้วย 7 โรงเรือน 1 โรงอนุบาลผัก แต่ละโรงเรือนมีประมาณ 4-5 กระบะปลูก เป็นกระบะลักษณะเดียวกันกับแปลงผักดาดฟ้า แต่วางบนดิน บ่อน้ำและคูน้ำประมาณ 1.5 ไร่ เลี้ยงปลาจะละเม็ดน้ำจืด ปลาทับทิม ปลานิล และปลาตะเพียน

ปลูกกล้วย อ้อย หญ้าเนเปียร์ สำหรับทำวัสดุอินทรีย์ อีก 0.5 ไร่ โซนเลี้ยงเป็ด 30 ตัว ไก่ 20 ตัว ห่าน 4 ตัว ตอนกลางวันปล่อยเดิน และว่ายน้ำในที่ดิน กลางคืนกลับเล้านอน เล้าใหญ่ประมาณ 60-80 ตารางเมตร ส่วนบ้านพัก โรงล้างผัก และโรงหมักดิน หากรวมกับเล้าเป็ดไก่แล้ว ประมาณ 2 ไร่” เกษตรกรสาว อธิบาย

ในส่วนของแปลงผัก คุณวี ยังคงปลูกผักสลัด 7 ชนิด วิธีการปลูกไม่ต่างจากแปลงผักดาดฟ้า อธิบายคร่าวๆ เริ่มจากเพาะเมล็ดพันธุ์ 2 สัปดาห์ แล้วนำลงแปลงใหญ่ รดน้ำด้วยแรงงานคน เช้า-เย็น

ช่วงเช้า ให้น้ำที่ผสมน้ำหมักทำเอง ช่วงเย็น ให้น้ำอีกครั้ง ผสมน้ำส้มควันไม้ หรือสมุนไพรไล่แมลงต่างๆ เพราะแมลงชอบมาตอนกลางคืน ส่วนกลางวันใช้เทปน้ำหยด พ่นหมอก หากขึ้นแปลงแล้ว ประมาณ 4 อาทิตย์ สามารถเก็บเกี่ยวได้ เก็บขายได้ 1 ครั้ง แล้วปลูกใหม่ เพื่อให้เพียงพอต่อการจำหน่าย จะสลับแปลงปลูก

“มาปลูกบนดิน เจอปัญหาหลายอย่าง ต่างจากแปลงผักดาดฟ้า เช่น การเดินน้ำ นำเทปน้ำหยดมาใช้กับฟาร์มใหม่ วางท่อไกล ทำให้น้ำโดนแดดจนร้อน หรืออากาศ ไม่ปลอดโปร่งเท่าดาดฟ้า ทั้งหมดนี้ ต้องค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์” คุณวี เล่า

ส่วนการเลี้ยงเป็ด ไก่ ปลา ปลูกกล้วย ความตั้งใจแรกคือ หวังนำมาทำน้ำหมักใช้เอง อย่างปลา ต้องใช้เป็นส่วนผสมในน้ำหมัก ในพื้นที่มีบ่อน้ำอยู่แล้วจึงเลี้ยงไว้ ไม่ต้องหาซื้อจากแหล่งอื่น ส่วนไข่เป็ด ไข่ไก่ ก็ทำน้ำหมักด้วยเช่นกัน จึงต้องเลี้ยงเป็ด ไก่ ด้วย

กล้วย ใช้หน่อกล้วยทำน้ำหมัก แรกๆ ปลูกไว้ไม่กี่ต้น นานๆ เข้าก็เริ่มเยอะ ผลผลิตที่ได้นำมาแบ่งให้คนงานได้กินด้วย หากกล้วย ไข่ไก่ ไข่เป็ดเหลือ นำออกจำหน่าย ส่วนปลา ยังไม่จำหน่าย เพราะห่วงเรื่องแพ็กเกจจิ้ง และขนส่ง

อย่างไรก็ตาม คุณวี บอกว่า กลัวลูกค้าเบื่อผักสลัด จึงวางแผนไว้ ในเร็วๆ นี้ มีปลูกผักสวนครัวเพิ่มเติม เช่น คะน้า ผักบุ้ง ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ ผักที่เป็นเครื่องต้มยำทั้งหลาย

ก่อนทิ้งท้ายให้ฟัง ถึงการเป็นเกษตรกรว่า “ได้กินผักที่เราปลูกเอง รู้สึกมั่นใจในคุณภาพมากขึ้น และสนุกที่ได้แก้ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ อยู่ตลอด ตอนนี้รายได้ต่อเดือน ได้ประมาณแสนห้า มีหลายคนถามว่าสอนปลูกผักมั้ย อยากอยู่เหมือนกัน แต่ยังไม่มั่นใจ เพราะเพิ่งทำเกษตรได้ไม่นาน หรือใครอยากเยี่ยมชม ขอใช้พื้นที่สวนจัดกิจกรรม วางแผนไว้เป็นโปรเจ็กต์ระยะยาวแล้ว”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันพฤหัสที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2565

เริ่มปลูกจากถังสี สู่แปลงผักบนดาดฟ้า ก่อนขยายต่อเป็นธุรกิจเสริมยุคโควิด