ลูกชาวนา ต่อยอดอาชีพพ่อแม่ ทำคอนเทนต์ กะเทยขายข้าว ขายดี ออร์เดอร์ปังทั้งปี

ลูกชาวนา ต่อยอดอาชีพพ่อแม่ ทำคอนเทนต์ กะเทยขายข้าว ขายดี ออร์เดอร์ปังทั้งปี

ชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติ (ไทย) ประโยคนี้คงคุ้นหูใครหลายคนมาพอสมควร แต่ทำไมเวลาเอาข้าวไปจำนำ กลับได้ราคาที่ไม่คุ้มเหนื่อย ในขณะที่ปลายทางอย่างผู้บริโภค กลับซื้อข้าวมาในราคาที่สวนทางกับต้นทาง? ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ คุณโอวา-ธนาวัฒน์ จันนิม วัย 33 ปี ตัดสินใจต่อยอดอาชีพชาวนาของพ่อแม่ เปิดเพจทำคอนเทนต์ขายข้าวโดนใจชาวเน็ต จนทำให้ข้าวขายดิบขายดี มีออร์เดอร์เข้ารัวๆ ตลอดทั้งปี

คุณโอวา ให้สัมภาษณ์กับ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ว่า พื้นเพเป็นคนจังหวัดสุรินทร์ เรียนจบจาก คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าทำงานเป็นพนักงานประจำที่บริษัทแห่งหนึ่งมาได้ 10 กว่าปี อยากขยับขยายหน้าที่การงาน จึงดูงานไว้ 2 แห่ง ที่ให้เงินเดือนและตำแหน่งสูงกว่า ประกอบกับเกิดความรู้สึกอยากพัก จึงตัดสินใจลาออกกลับไปพักผ่อนที่บ้านเกิด

“ต้องบอกก่อนว่าที่บ้านมีอาชีพทำนา เราก็เลยเป็นชาวนามาตั้งแต่จำความได้แล้ว พอเข้าไปเรียนกรุงเทพฯ จบมาก็ทำงานที่นั่นเลย ตั้งแต่จบมาได้ 10 กว่าปี เราก็เข้าทำงานเลย มันเหมือนไม่มีเวลาพัก เลยตัดสินใจลาออกกลับมาพักผ่อนอยู่บ้านสักเดือนสองเดือน แล้วค่อยกลับไปหางานทำใหม่ ประจวบเหมาะกับเป็นช่วงที่โควิดระบาดพอดี เลยเหมือนเราถูกดองถูกแช่ไว้อย่างนั้น สักพักมันทำให้รู้สึกว่า ตัวเองเป็นพวกว่างงาน แล้วจะว่างเพื่ออะไร พอมองไปในยุ้งฉางบ้าน ก็เห็นข้าว เลยหันไปถามแม่ว่า ข้าวในยุ้งฉางนี้ จำนำธนาคารไว้เท่าไหร่ แม่บอก 7 หมื่น เราก็เลยถามแม่ว่า ขอซื้อต่อได้ไหม เดี๋ยวจะทำให้มันมีราคามากกว่านี้” คุณโอวา เท้าความให้ฟัง ถึงที่มาที่ไปในการมาขายข้าว

เขาเล่าต่อว่า เมื่อตัดสินใจจะขายข้าว เขารู้ดีอยู่แล้วว่าข้าวสุรินทร์มีจุดแข็งในตัวเอง คือ ข้าวจังหวัดเราดีที่สุด ไม่ใช่ระดับประเทศ แต่ดีระดับโลก แต่ยังขาดการบอกเล่าที่ดี ฉะนั้น การสื่อสารกับลูกค้า จึงต้องบอกให้รู้ว่า ข้าวที่คุณจะซื้อกินนั้นมันไม่ใช่ข้าวธรรมดา แต่มันคือข้าวระดับโลกนะ พอตั้งธงความคิดตัวเองได้ ก็เริ่มมองภาพกว้าง ความเป็นไปได้อื่นๆ ต่อ

“พอตั้งธงได้ก็ไปเดินห้างเพื่อดูคู่แข่ง ราคา แพ็กเกจจิ้ง ศึกษาตลาดลูกค้า และวางการตลาดโดยใช้หลักการที่ว่า ถ้าเป็นเรา เราจะซื้อไหม จะชอบไหม จะรู้สึกยังไง แล้วจุดเด่นของเราอีกอย่างคือ ข้าวของเราปลูกแบบปลอดสาร ไม่ใช้ยาฆ่าหญ้า ไม่อบมอด สดใหม่ สั่งปุ๊บแพ็กสุญญากาศส่งปั๊บ ตอนแรกลองโพสต์ขายในเฟซบุ๊กตัวเองดูก่อน เฮ้ยมันขายได้ พอเห็นว่ามันพอไปได้ก็เริ่มโพสต์ขายในเพจธรรมศาสตร์และการฝากร้าน”

คุณโอวา-ธนาวัฒน์ จันนิม วัย 33 ปี

แต่ก็ใช่ว่า การโพสต์ขายในครั้งแรกจะประสบความสำเร็จเปรี้ยงปร้าง คุณโอวา กล่าวว่า ในช่วงแรกๆ ที่โพสต์ขาย ผลตอบรับออกจะเฉยๆ เสียด้วยซ้ำ มีออร์เดอร์เข้ามาบ้างประปราย เมื่อเห็นดังนั้นจึงคิดแล้วว่า สินค้าดีแล้วแต่เสียงเราไม่ดังพอ ไม่มีคนรู้จัก จึงคิดหาวิธีขายใหม่ โดยการทำคลิปวิถีชาวนาสนุกๆ ขายข้าวไปด้วย

“พอโพสต์เฟซตัวเองแล้วเห็นว่าขายได้ ก็เลยไปโพสต์ในกลุ่มมหา’ลัย เพราะคิดว่ามันต้องมีลูกค้าเข้ามามากกว่านี้แน่ แต่มันไม่ใช่ ออร์เดอร์ได้หยอมแหยม แล้วด้วยความที่เราเป็นคนชอบความสนุกสนาน ก็ทำเป็นคลิปกะเทยชาวนาสนุกๆ ขายข้าว เท่านั้นแหละ ออร์เดอร์เข้ามาเยอะกว่าเดิมมากๆ 3-4 พันกิโลต่อวัน จนทำไม่ทัน จากนั้นก็ทำเพจแยกออกมาจริงจัง ทำคอนเทนต์มาเรื่อยๆ จนวันนี้ก็เกือบปี ขายข้าวไปก็ 2 หมื่นกว่ากิโลได้ สำหรับเรา เราถือว่าโอเคเลยนะ เงินเข้าเราโดยตรง”

“ต้องยอมรับว่า ธุรกิจขายข้าวมันดีและยังไปต่อได้นะ ถ้าเรารักษาระดับของเราไว้ได้ เพราะมันเป็นสินค้าที่ทุกคนต้องกิน แล้วข้าวเป็นสินค้าที่มีน้ำหนัก การขนส่งจึงเป็นเรื่องสำคัญ บางทีค่าส่งมันเท่ากับราคาข้าวเลย อุตสาหกรรมใหญ่ๆ เขาเลยได้เปรียบกว่าเรา คิดง่ายๆ ว่า โอวาขายข้าว โลละ 50 บาท ค่าส่ง 1 โล 35 บาท แปลว่าลูกค้ากำลังสั่งข้าวโลละ 85 บาทอยู่ แต่ถ้าเดินเข้าห้างหรือตลาด ซูเปอร์ใกล้บ้าน เขาก็ซื้อแค่โลละ 45-50 บาทเท่านั้น อันนี้เลยต้องมาทำการบ้าน แก้ไขจุดด้อยตรงนี้กันให้ได้มากที่สุด” คุณโอวา กล่าว

ดูเหมือนว่าเส้นทางการยึดอาชีพขายข้าวออนไลน์ จะไปได้สวย แต่คุณโอวายังต้องสู้รบกับคำสบประมาทจากคนรอบข้างและคนในครอบครัวไม่น้อยเลยทีเดียว กว่าจะทำให้ฉายแสงได้แบบทุกวันนี้

“เยอะมาก ต้องบอกว่า ความคิดคนต่างจังหวัด เขาจะให้ความสำเร็จคือลูกหลานต้องไปทำงานต่างจังหวัด อย่างกรุงเทพฯ แล้วส่งเงินกลับมาให้ หรือไม่ก็เป็นข้าราชการโน่นนี่ แล้วยิ่งเราจบมหาวิทยาลัยดัง ความกดดันมันก็ยิ่งเยอะ ตอนทำแรกๆ คือกดดันมากนะ ทั้งจากพ่อแม่และชาวบ้าน เพราะภาพลักษณ์ของวัยทำงานที่อยู่บ้านคือพวกเกาะพ่อแม่กิน ทั้งๆ ที่รายได้มันมากกว่าการทำงานประจำอีก แต่ส่วนตัว เราเชิ่ด ไม่สนคำชาวบ้าน ทำของเราไป จนตอนนี้ก็มีหลายคนนะ ที่ขายข้าวตามเรา มีมาถามสีข้าวที่ไหน แพ็กข้าวยังไง ซื้อถุงแพ็กข้าวที่ไหน ส่งของอย่างไร เราก็บอกไปหมด ตอนแรกก็ถาม ก็พูดงั้นงี้ พอเห็นเราทำทุกวัน ขายได้ทั้งปี เขาเลยคิดมั้งว่ามันเป็นไปได้ มันมีลู่ทาง มันมีตลาดที่ทำให้เขาได้เงินมากกว่า เลยเริ่มทำตาม”

คุณโอวา-ธนาวัฒน์ จันนิม วัย 33 ปี

“ลักษณะหนึ่งคนไทย สมมติบ้านนี้ขายก๋วยเตี๋ยว คนจะมองก่อนว่าร้านนี้ขายเป็นยังไง แล้วพอขายดี จะเริ่มขายก๋วยเตี๋ยวตามๆ กัน ใครแข็งแกร่งกว่าคนนั้นก็รอด แต่เขาไม่คิดว่า คนไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยวทุกวัน ทำไมไม่ขายราดหน้า ตามสั่ง หรือจะเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือ ก๋วยเตี๋ยวแคระ หลายคนขายข้าวตามเลยไม่ได้ยอดตามที่ต้องการ บางคนลงทุนพวกถุงซีล เครื่องสุญญากาศไปแล้ว ก็เข้าเนื้อไป ต้องเลิกไป แต่ยังไงก็แล้วแต่ เรายึดมั่นในเส้นทางของเรา คงคุณภาพสินค้า และความจริงใจที่มีให้ลูกค้า โอวาเชื่อว่า ข้าวสุรินทร์ โดยเฉพาะของบ้านเรามันดีจริงๆ มันต้องขายได้สิ ถ้าเราไม่เชื่อในสินค้าของเรา แล้วใครจะมายอมเสียเงินเยอะๆ มาซื้อของเราล่ะ ถูกไหม” คุณโอวา ว่าอย่างนั้น

สนใจสอบถามสั่งซื้อได้ที่ เฟซบุ๊ก โอวาข้าวหอมมะลิแท้สุรินทร์100%

เผยแพร่เมื่อ วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ.2564