“สตรอว์เบอร์รี่ปลอดสาร” ผลผลิตจากไร่ธารตาดหมอก คู่แข่งน้อย ราคาดี

“สตรอว์เบอร์รี่ปลอดสาร” ผลผลิตจากไร่ธารตาดหมอก คู่แข่งน้อย ราคาดี

จากช่วงปลายปีที่ผ่านมา ฤดูกาลเปลี่ยนจากร้อน ฝน ไปเป็นหนาว อากาศที่ถูกอกถูกใจคนไทยเป็นที่สุด

และแน่นอนว่า หน้าหนาวช่วงสิ้นปีเปลี่ยนผ่านสู่ปีใหม่แบบนี้ สินค้าขายดีตามฤดูกาล แถมกำลังจะเป็นสินค้าสำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวช่วงอากาศเย็นสบาย ก็คือ พืชผลทางการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้สีสวย ดอกไม้หลากสี แถมด้วยผลไม้ยอดนิยมอย่างสตรอว์เบอร์รี่

อาชีพอย่างหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้น ก็คือ การปลูกสตรอว์เบอร์รี่ที่เป็นผลไม้ประจำหน้าหนาว หรือทำสวนสตรอว์เบอร์รี่ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวช่วงหน้าหนาวแบบนี้ พื้นที่ทำเลทอง ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดทางเหนือ หรือจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ เชียงราย เขาใหญ่ เป็นต้น

ไร่ธารตาดหมอก

ได้มีโอกาสเยี่ยมชม “ไร่ธารตาดหมอก” ของ คุณส้ม-วิภาวริศ เกตุปมา ที่บ้านปางไฮ ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งคุณส้ม เกริ่นให้ฟังว่า โครงการนี้เกิดขึ้นเพราะครอบครัวชอบทานสตรอว์เบอร์รี่ และรู้ว่าซื้อทานเองไม่ค่อยจะปลอดภัยนัก เพราะผลไม้ชนิดนี้มีการใช้สารเคมีจำนวนมาก ก็เลยตัดสินใจปลูกไว้ทานเอง แต่ด้วยผลผลิตที่ออกมามาก จึงแบ่งให้ญาติมิตรเพื่อนฝูงได้ทานกันจนเกิดการบอกต่อ และในที่สุดก็ได้เปิดขายกันแบบจริงจัง โดยไร่ธารตาดหมอก เป็นไร่สตรอว์เบอร์รี่ที่ปลูกแบบไร้สารเคมี เนื้อที่ประมาณ 2.5 ไร่

“แม่ริม ถือเป็นปอดของเชียงใหม่ เนื่องจากพื้นที่ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่า และเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญหลายสาย หนึ่งในนั้นคือน้ำตกตาดหมอก ที่มาของชื่อไร่ ซึ่งเราใช้น้ำจากลำธารที่ไหลมาจากน้ำตกมารดให้แก่สตรอว์เบอร์รี่ทุกต้นภายในไร่” คุณส้ม เล่าด้วยความภาคภูมิใจ

สำหรับสายพันธุ์สตรอว์เบอร์รี่ที่ปลูกนั้น เป็นพันธุ์ 80 เป็นต้นพันธุ์ที่มาจากอำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งสตรอว์เบอร์รี่ชั้นเลิศของเมืองไทย นำมาปลูกด้วยการยกแปลง โดยการยกแปลงจะต้องสามารถรับทิศทางของแสงแดดได้อย่างทั่วถึง และการลงต้นพันธุ์แบบรับแดดอย่างทั่วถึงเช่นกัน หากลงไม่ดี ไม่ได้แดดอย่างเหมาะสม จะส่งผลต่อการเติบโตของต้นและกระทบต่อปริมาณผลผลิตโดยตรง นอกจากนี้ การระบายน้ำในแปลงก็เป็นเรื่องสำคัญ จึงยกแปลงแบบหลังเต่า เพื่อไม่ให้น้ำขังเพราะจะส่งผลต่อรากพืชและอาจทำให้เน่าได้

“ส่วนวิธีการคัดต้นพันธุ์นั้น จะต้องเพาะใหม่ในช่วงที่เหมาะสมที่สุด และเมื่อชำแล้วนำมาลงในแปลงปลูก เพื่อให้ต้นยังคงความสดและเต็มไปด้วยพลังชีวิตตามหลักคิดของเกษตรธรรมชาติ”

สำหรับดินที่ใช้ปลูกสตรอว์เบอร์รี่จะเป็นดินภูเขา บำรุงเพิ่มเติมเป็นประจำด้วยเศษใบไม้ที่หมักเป็นปุ๋ยธรรมชาติ พร้อมน้ำหมักที่ทางไร่หมักเอง จึงมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัยจากสารเคมีต่างๆ ส่วนน้ำที่ใช้รดต้นสตรอว์เบอร์รี่จะใช้น้ำจากลำธารน้ำตกที่ไหลผ่านด้านข้างของที่ดินตลอดปี จึงมั่นใจเรื่องการปลอดการเจือปนสิ่งสกปรกต่างๆ ส่วนระบบการให้น้ำนั้นที่ไร่ใช้แบบระบบน้ำหยด ต่อระบบทั่วทุกแปลง ลดการใช้แรงงานคน

ทั้งนี้ สำหรับเงินลงทุนที่ใช้ไปในแต่ละฤดูเพาะปลูกจะอยู่ที่ 300,000-400,000 บาท

การลงสตรอว์เบอร์รี่แต่ละรุ่นจะใช้เวลา 4 เดือน จึงจะได้ผลผลิต โดยช่วงที่เหมาะสมในการปลูกมากที่สุด คือช่วงปลายเดือนสิงหาคม-กันยายน เพื่อให้ผลผลิตออกในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม เพราะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของฤดูท่องเที่ยว ซึ่งหากผลผลิตล็อตแรกออกมาราคาจะยิ่งสูง คือประมาณ 500-600 บาท ต่อกิโลกรัม ส่วนช่วงปกติจะขายกิโลกรัมละ 400 บาท โดยคิดค่าส่งตามระยะทางจริง

“ปัจจุบันมีการปลูกสตรอว์เบอร์รี่กันค่อนข้างเยอะ แต่หากเป็นสตรอว์เบอร์รี่แบบปลอดสารพิษนั้นจะมีคู่แข่งน้อย ส่งผลให้ราคาที่ได้จะยิ่งสูง โดยราคาจะสูงกว่าสตรอว์เบอร์รี่ทั่วไปประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์”

สำหรับปัญหาอุปสรรคของการปลูกสตรอว์เบอร์รี่ คือ เรื่องสภาพอากาศที่แปรปรวนส่งผลต่อปริมาณผลผลิต นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องการยอมรับในเรื่องผลผลิตของไทย เมื่อเทียบกับสตรอว์เบอร์รี่นำเข้า ซึ่งคนไทยจะนิยมทานสตรอว์เบอร์รี่นำเข้ามากกว่าเพราะผลใหญ่กว่า รวมทั้งเรื่องรสชาติ

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่ององค์ความรู้ในการนำนวัตกรรมด้านการเกษตร อยากให้ภาครัฐเข้ามาส่งเสริมมากขึ้น เพื่อยกระดับสตรอว์เบอร์รี่ไทยให้ทัดเทียมสตรอว์เบอร์รี่ต่างชาติ เพื่อขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

ส่วนช่องทางการทำตลาดของไร่ธารตาดหมอกนั้น คุณส้ม บอกว่า เดิมนั้นจะเป็นการทำตลาดด้วยวิธีการบอกต่อแบบปากต่อปาก แต่ปัจจุบันขายผ่านทางออนไลน์เป็นหลัก ภายใต้แนวคิด from farm to home และยังคงยึดหลักการเดิมคือ “เราทานอย่างไร ก็ต้องให้คนอื่นทานอย่างที่เราทานเช่นกัน” นั่นเป็นเพราะทางไร่เน้นเรื่องคุณภาพเป็นหัวใจหลักของผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของไร่ธารตาดหมอก

ไร่ธารตาดหมอกดำเนินธุรกิจมาเป็นปีที่ 5 แล้ว โดยปี 2561 ที่ผ่านมาไร่ธารตาดหมอกได้รับการสนับสนุนด้านองค์ความรู้จากมูลนิธิเกษตรธรรมชาติ ประเทศญี่ปุ่น หรือ MOA เพื่อต่อยอดการผลิตให้พึ่งธรรมชาติแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ นับเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการที่พร้อมจะช่วยเพิ่มปริมาณผลผลิตและรสชาติให้ดียิ่งขึ้น ในอนาคตตั้งเป้าที่จะยกระดับมาตรฐานสตรอว์เบอร์รี่ไทยให้มีคุณภาพทัดเทียมต่างชาติ เพื่อให้คนไทยได้ทานผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้

 สนใจข้อมูลเพิ่มเติมหรือสั่งจองสตรอว์เบอร์รี่ได้ที่ โทรศัพท์ (081) 890-3568