สสว. จับมือ ม.มหิดล เร่งยกระดับ “เอสเอ็มอี-กีฬา” หวังแข่งขันในอาเซียนและตลาดโลก

สสว. จับมือ ม.มหิดล เร่งยกระดับ “เอสเอ็มอี-กีฬา” หวังแข่งขันในอาเซียนและตลาดโลก

เมื่อเร็วๆ นี้  ที่ห้องประชุม 408 อาคารบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ระหว่างสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล โดยบัณฑิตวิทยาลัย ได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการร่วมมือทางวิชาการ เพื่อพัฒนาการศึกษา การวิจัย และพัฒนานวัตกรรมเพื่อผู้ประกอบการ เพื่อสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ ยกระดับผู้ประกอบการธุรกิจด้านกีฬาของประเทศไทย และส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนทั่วไป นักกีฬาสมัครเล่น และนักกีฬาอาชีพ อีกทั้งมีเจตจำนงอย่างแน่วแน่ที่จะร่วมมือในการศึกษา การวิจัย การพัฒนานวัตกรรมเพื่อผู้ประกอบการ การพัฒนาบุคลากร การฝึกอบรม และกิจกรรมต่างๆ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจด้านกีฬาของประเทศไทย

ศ.นพ.บรรจง มไหสวริยะ รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวภายหลังพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ การวิจัย และพัฒนานวัตกรรมเพื่อผู้ประกอบการ ว่า วัตถุประสงค์ของการลงนามครั้งนี้ สสว. และ มหาวิทยาลัยมหิดล จะร่วมมือกันในกรอบวัตถุประสงค์ ดังนี้ สนับสนุนและพัฒนาการเรียนการสอน การวิจัย และพัฒนานวัตกรรมเพื่อผู้ประกอบการ และการบริการสังคมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาผู้ประกอบการด้านกีฬา, ร่วมมือในการพัฒนาบุคลากร เสริมสร้างศักยภาพในการปฏิบัติงาน การแลกเปลี่ยนบุคลากร และทรัพยากรระหว่างกัน รวมถึงการขยายเครือข่ายความร่วมมือไปหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง,  ร่วมมือในการศึกษาวิจัย พัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรม และเผยแพร่องค์ความรู้ในการพัฒนาผู้ประกอบการด้านกีฬา และ  ร่วมมือในการพัฒนาระบบฐานข้อมูลผู้ประกอบการธุรกิจด้านกีฬา

ศ.นพ.บรรจง กล่าวต่อว่า ภายใต้บริบทโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว SMEs หรือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นกลไกหนึ่งและเป็นพลังสำคัญที่สนับสนุนพัฒนาการเติบโตในภาคส่วนของเศรษฐกิจของทุกประเทศ ไม่ว่าธุรกิจเล็กหรือธุรกิจใหญ่ให้เดินไปข้างหน้า และจากกระแสคนไทยที่ตื่นตัวกับกระแสรักสุขภาพ สอดรับกับการเติบโตกีฬาประเภทต่างๆ หรือการออกกำลังกายใหม่ๆ ด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกายต่างๆ ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมสุขภาพของประชาชน และยกระดับธุรกิจด้านสุขภาพ  เป็นผลให้มีการสร้างนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ หรืออุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการสนับสนุนด้านการออกกำลังกายหรือกีฬา เพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดีของคนไทย และพัฒนาศักยภาพนักกีฬาสมัครเล่น หรือนักกีฬาอาชีพ ซึ่งมหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้นำด้านการศึกษาได้ให้ความสำคัญกับการนำองค์ความรู้จากศาสตร์ต่างๆ มาบูรณาการ เพื่อพัฒนาและสร้างสรรค์การออกแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและบริการของผู้ประกอบการ สร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการ หรือสร้างโอกาสในการต่อยอดธุรกิจด้านกีฬาให้ครบวงจร เพื่อสามารถแข่งขันในตลาดอาเซียนและตลาดโลกได้อย่างเข้มแข็ง

 

ศ.ดร.พญ.พัชรีย์ เลิศฤทธิ์ คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย กล่าวเพิ่มเติมว่า มหาวิทยาลัยมหิดล โดยบัณฑิตวิทยาลัย  มีหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา และงานวิจัยที่ครอบคลุมศาสตร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในด้านกีฬา ภายใต้ส่วนงานต่างๆ ของมหาวิทยาลัย  ได้แก่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะกายภาพบำบัด คณะสาธารณสุขศาสตร์   คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์  วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา และ สถาบันโภชนาการ  ซึ่งศาสตร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกีฬานี้  จะเป็นวิทยาการที่ประเทศไทยให้ความสำคัญ และนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างเสริมคุณภาพ และการดูแลสุขภาพของประชาชน  รวมถึงการพัฒนาศักยภาพนักกีฬาสมัครเล่น และนักกีฬาอาชีพ

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยมหิดล ยังมีความพร้อมและศักยภาพในการให้การสนับสนุนในด้านวิชาการ และองค์ความรู้ต่างๆ ในด้านกีฬาให้กับผู้ประกอบการ และสามารถสร้างโอกาสยกระดับผู้ประกอบการ SMEs ได้ในหลากหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มฟิตเนส กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อนักกีฬา เป็นต้น

“ภายใต้กรอบความร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงนี้ สสว. และ มหาวิทยาลัยมหิดล หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะเป็นก้าวที่สำคัญในความร่วมมืออย่างยั่งยืน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างและให้โอกาสผู้ประกอบการรายเล็ก รายใหญ่ และภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย นำความรู้จากศาสตร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไปบรูณาการ เพื่อยกระดับผู้ประกอบการภาคธุรกิจด้านการกีฬาสู่  ไทยแลนด์ เอสเอ็มอี 4.0” ศ.ดร.พญ.พัชรีย์  กล่าว

ด้านคุณสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผยว่า ในปีที่ผ่านมา สสว. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการ SMEs ที่ถือว่าเป็นส่วนสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ซึ่งการพัฒนาผู้ประกอบการโดยการสร้างให้เกิดการรวมกลุ่มหรือเครือข่าย ทำให้เกิดความเข้มแข็งยิ่งขึ้น

ผอ.สสว. เผยอีกว่า สสว. ได้นำนโยบายการพัฒนาเครือข่ายหรือคลัสเตอร์มากำหนดแนวทางการส่งเสริม SMEs เพื่อให้สอดรับกับนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ  ผ่านโครงการสนับสนุนเครือข่าย SMEs ในปี 2561 โดยเน้นการกระตุ้นความเชื่อมโยงกันระหว่างผู้ประกอบการ คำนึงถึงความต้องการของตลาด ตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เน้นการพัฒนาผู้ประกอบการในเครือข่ายให้มีศักยภาพในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ โดยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ

สำหรับความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดลครั้งนี้ เป็นการต่อยอดการทำงานของ สสว. ในการส่งเสริม สนับสนุนผู้ประกอบการในธุรกิจด้านสุขภาพ จากข้อมูล สสว. คือ มีจำนวนผู้ประกอบการ SMEs ที่ประกอบกิจกรรมด้านกีฬา ปี 2560 จำนวน 7,534 ราย มีอัตราการขยายตัวของผู้ประกอบการ SMEs ที่ประกอบกิจกรรมด้านกีฬา ปี 2559 และ ปี 2560 โดยเฉลี่ย 2.7% เฉพาะกิจกรรมด้านการจัดการแข่งขันกีฬา มีอัตราขยายตัวมากถึง 11.2% และการดำเนินกิจการสถานที่ออกกำลังกาย 9.2%

และจากการดำเนินงานที่ผ่านมาในปี 2561 สสว. ได้ดำเนินการส่งเสริมธุรกิจทางด้านสุขภาพ ภายใต้โครงการพัฒนาเครือข่ายมวยไทยในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน กรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้เกิดการยกระดับศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ มากกว่า 510 ราย เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากกว่า 20.71 ล้านบาท โดยได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ซึ่งหากมีการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่องก็จะสามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจของประเทศอย่างมหาศาล ดังนั้น ในปี 2562 สสว. จึงได้ดำเนินการส่งเสริมผู้ประกอบการเครือข่ายธุรกิจกีฬา Sport Economy ภายใต้โครงการสนับสนุนเครือข่าย SMEs เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือและเชื่อมโยงกันระหว่างผู้ประกอบการทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ให้รวมกันเป็นคลัสเตอร์ที่เข้มแข็งอย่างยั่งยืน โดย สสว. และ ม.มหิดล จะจัดเวทีแลกเปลี่ยน รับฟังความคิดเห็น และความต้องการเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการส่งเสริม และพัฒนาของผู้ประกอบการด้านกีฬาอย่างเป็นรูปธรรม

“การลงนาม MOU ครั้งนี้ มหาวิทยาลัยมหิดล เตรียมองค์ความรู้ด้านกีฬา 7 หมวด เพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่ผู้ประกอบการ ซึ่ง สสว. เชื่อว่า จะสามารถให้การสนับสนุน เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการทางด้านกีฬาให้มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ SMEs ได้อย่างดียิ่ง และจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตรที่ดี ในการที่จะร่วมกันสนับสนุนอุตสาหกรรมด้านกีฬาในประเทศไทย ให้พร้อมที่จะก้าวไปสู่เวทีเศรษฐกิจโลกต่อไป” คุณสุวรรณชัย กล่าว