“ตลาดหัวมุม” วันนี้ ยังค้าขายได้ตามปกติ! “เชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจและให้โอกาสแม่ค้า”

“ตลาดหัวมุม” วันนี้ ยังค้าขายได้ตามปกติ! “เชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจและให้โอกาสแม่ค้า”

จากกรณีช่วงต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา มีข่าวจากหลายสำนักรายงานว่า ทางนายสุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับสั่งการให้ฝ่ายกรรมการสิทธิ์ ไปจัดทำป้ายติดประกาศ บริเวณตลาดหัวมุม บริเวณถนนเกษตร-นวมินทร์ อีกครั้ง เพื่อยืนยันจะเดินหน้า “เคลียร์พื้นที่” เพื่อก่อสร้างโครงการทางด่วนสายเหนือขั้นที่ 2 ตอน N2 ช่วงวงแหวนตะวันออก-เกษตร หลังจากก่อนหน้านี้ได้ทำหนังสือยกเลิกสัญญาเช่าตลาดหัวมุม ไปแล้ว แต่ยังพบว่าเจ้าของตลาดดังกล่าวยังคงเปิดให้บริการต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน พร้อมเรียกเก็บค่าเช่าแผงปีละกว่า 140 ล้านบาท ทั้งนี้ ยืนยันว่าทาง กทพ. ได้ยกเลิกสัญญาเช่าพื้นที่ดังกล่าวกับเอกชนไปนานแล้ว โดย กทพ. ไม่ได้เก็บค่าเช่าแต่อย่างใดในช่วงปีที่ผ่านมา

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ปิดอีกที่! เตรียมรื้อตลาดหัวมุม เกษตร-นวมินทร์ เพื่อสร้างทางด่วน

ต่อมาราวปลายเดือนเดียวกัน ทางแอดมินเพจ หัวมุม Market &  More ได้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าว มีเนื้อหาพอสรุปได้ว่า  ตลาดหัวมุม หมดสัญญาจากการเช่า 2558-2560 จริงตามข่าว ซึ่งการลงทุนตลาดแห่งนี้ลงทุนไปเกือบ 100 ล้านบาท และไม่คาดคิดว่าจะ “ไม่ได้ต่อสัญญา” ที่ผ่านมาจึงตั้งใจลงทุน เพื่อให้ตลาดแห่งนี้เป็นที่ทำมาหากินของแม่ค้าคนรุ่นใหม่ต้องการสร้างอาชีพ

ที่ผ่านมา เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลง ทางการทางพิเศษฯ ได้เชิญไปเจรจาเรื่องการต่อเวลาเช่าจนกว่าจะก่อสร้างทางแยกต่างระดับ N3 ตามที่มีโครงการและจะแจ้งระยะเวลาให้ทราบ ซึ่งไม่ใช่แค่ตลาดหัวมุมเท่านั้น พื้นที่สี่เหลี่ยมตรงข้ามทั้งสี่ด้านก็เช่นกัน แต่เรื่องเงียบไป คาดว่าคงมีหลายสัญญามีปัญหาเพราะต้องทำด้วยกัน

แอดมินเพจตลาดหัวมุม ระบุต่อว่า การเช่าพื้นที่ของตลาดหัวมุม นั้น  มีการจ่ายค่าเช่าตลอดเวลาการเช่า โดยค่าเช่าปี 1-2 นั้น อยู่ที่  1.5 ล้านบาทต่อเดือน พอขึ้นปีที่ 3 ถูกปรับขึ้นมาเป็น 3 ล้านบาทต่อเดือน แถมด้วยการเรียกเก็บย้อนหลัง 6 เดือนจากการส่งเอกสารปรับราคา ทำให้ทางตลาด ต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้น 100% แต่ก็ทำตามสัญญาอย่างถูกต้อง และเมื่อหมดสัญญาเช่ากับ กทพ. ทางตลาดกลับได้รับเอกสารจากทนายเจ้าของที่เดิม ให้ชำระหนี้ 22 ล้านบาท และจากการทางพิเศษฯ เรียกหนี้อีก  44 ล้านบาท กลายเป็นว่าตลาดหัวมุม มีเจ้าหนี้สองคน จึงยังไม่ทราบว่าต้องจ่ายให้ใคร จึงต้องรอกระบวนการตามกฎหมาย เพื่อให้ช่วยชี้ขาดว่าทางตลาดหัวมุม จะต้องจ่ายให้เจ้าหนี้คนใดแน่

ข้อความจากแอดมินเพจตลาดดัง ยังบอกอีกว่า การที่ขอขยายเวลาเช่าที่ดินทำตลาดต่อไปอีกนั้น  เนื่องจากยังไม่ได้ทุนคืน เพราะที่ผ่านมาต้อง “ลงทุนหนักมาก” กับการจัดการกับที่ดินรกร้างและเป็นป่ารกให้กลายเป็นตลาดสวยงามและปลอดภัย ขณะเดียวกัน บรรดาพ่อค้า-แม่ขาย หลายร้อยชีวิต ต่างก็พากันลงทุนตกแต่งร้านค้าเพื่อให้สถานที่สวยงามยิ่งขึ้น  จึงขอเวลาให้ทุกคนทำการค้าขายจนกว่ารัฐจะใช้พื้นที่

ส่วนเรื่องการอนุญาตจากสำนักงานเขตนั้น แอดมินเพจ ระบุต่อว่า เมื่อหมดสัญญาก็ต่อไม่ได้ เพราะไม่มีเอกสารสัญญาเช่า แต่ 3 ปีที่ผ่านมา ทางตลาดมีเอกสารอนุญาตถูกต้อง และยังปฏิบัติตามกฏหมายตลอด   มีการจัดการขยะ จัดการน้ำเสีย ตรวจสารปนเปื้อน ระบบความปลอดภัย อย่างเป็นระบบ

“ตลาดยังมีพนักงานทั้งประจำและจ้างเหมาเกือบ 100 ชีวิต ที่ทำงานที่นี่ เราจ้างเงินเดือนตามบริษัทใหญ่ๆ     มีการเสียภาษี เขามีครอบครัวต้องดูแล เราสร้างชีวิตหลายชีวิตที่ต้องดำเนินไปจากที่ดินผืนนี้ จึงอยากขอความเข้าใจคนจนๆ ที่หาเช้ากินค่ำด้วย เราสร้างสังคมที่ดีที่ปลอดภัยมีมาตรฐานสูง ทุกคนมาที่นี่สบายใจ เราสร้างชีวิตให้ดีขึ้นกับผู้ค้าและทุกๆ คนที่มีส่วนร่วมตรงนี้ทอดต่อไปยังครอบครัวเขานับหมื่นคน เราเชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจและให้โอกาสแม่ค้า” แอดมินเพจ ตลาดหัวมุม ระบุทิ้งท้ายไว้อย่างนั้น

หลังจากนั้น ถัดมาราวเดือนเศษ ปรากฏยังมีคนอยากทำมาค้าขายถามไถ่เกี่ยวกับเงื่อนไข การขอเช่าล็อกในตลาดหัวมุม อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางแอดมินเพจดังกล่าว ได้แจงรายละเอียดว่า

“ค่าล็อกแฟชั่น วันธรรมดา 350 บาท ศุกร์ – อาทิตย์ 400 บาท รายเดือน ค่าล็อกโซนแฟชั่น ขนาดพื้นที่ 2X2 เมตร ราคาเดือนละ 6,400 บาท (1 ล็อกต่อ 1 ประเภทเท่านั้น) คุณลูกค้าสามารถส่งโปรไฟล์เสนอสินค้า รูปแบบร้าน เบอร์ติดต่อ ได้ที่ Email : [email protected]  หากมีพื้นที่ที่เหมาะสม ทางเจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับไปอีกทีครับ เบอร์โทรติดต่อสำนักงาน 099-492-2561 หรือ 099-492-6858”

ล่าสุด  “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศค้าขายภายในตลาดหัวมุม พบว่ายังมีความคึกคักเหมือนปกติ โดยเฉพาะวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เรียกว่าแทบจะเดินชนกันเลยทีเดียว ส่วนป้ายประกาศจาก        ทาง กทพ. ที่จะนำมาติดเพื่อยืนยันการ “เคลียร์พื้นที่” ก่อสร้างโครงการทางด่วนสายเหนือขั้นที่ 2 นั้น ไม่พบว่าติดอยู่มุมใด และจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ของทางตลาดหัวมุม หลายคนปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับข่าวคราวคำสั่งปิดตลาด โดยตอบเพียงสั้นๆ ว่า “ไม่ทราบ”

ส่วนการให้ข้อมูลกับทาง “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” จากทางผู้ประกอบการหลายราย ทุกคนบอกตรงกันว่า ทราบข่าวการปิดตลาดมาเหมือนกัน แต่ทางเจ้าหน้าที่ของตลาด บอกว่ายังอีกนานให้ขายต่อไป แต่ก็ไม่ค่อยวางใจกับข้อมูลที่ได้มาเท่าไหร่ ระหว่างนี้ จึงพยายามหาทำเลค้าขายใหม่สำรองไว้บ้างแล้ว แต่ยังหาไม่ได้ หรือที่มีก็ไม่ถูกใจ จึงต้องขายที่ตลาดหัวมุมนี้ไปก่อน จนกว่าจะมีคนมาไล่ที่

ดูทรงแล้ว  “ปิด-ไม่ปิด” ยังไม่มีคำตอบ เรื่องราวของตลาดดังแห่งนี้ คงยืดเยื้อไม่จบลงง่ายๆ เป็นแน่ !?!