จากวันละ 200 ฉบับ เหลือแค่หลักสิบ! เสียงครวญจากพ่อค้า “สมัยนี้เปิดร้านขายสิ่งพิมพ์…ไม่คุ้มแล้ว”

จากวันละ 200 ฉบับ เหลือแค่หลักสิบ! เสียงครวญจากพ่อค้า ” สมัยนี้เปิดร้านขายสิ่งพิมพ์…ไม่คุ้มแล้ว”

ปัจจุบัน อินเตอร์เน็ตและสมาร์ตโฟน เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น ไปจนถึงผู้สูงอายุ ต่างรับข้อมูลข่าวสาร อ่านคอนเทนต์ผ่านสมาร์ตโฟน เป็นเหตุให้สื่ออื่นๆ อย่าง วิทยุ โทรทัศน์ หรือ หนังสือ ต่างต้องปรับตัวตามไปด้วย

เมื่อวันก่อน มีโอกาสไปเดินเล่นแถวตำบลมหาชัย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ระหว่างทางที่กำลังเพลิดเพลินไปกับร้านอาหารที่ทยอยกันเปิดร้าน เหลือบไปเห็นร้านขายหนังสือ แบบรถเข็น จอดขายอยู่ริมถนน

ทันทีที่เข้าไปยืนหน้าร้านกวาดสายตาเพื่อหานิตยสารหัวหนึ่งที่เคยอ่านเมื่อตอนยังเรียนอยู่ แต่ไม่เจอเห็นเพียง นิตยสารพระเครื่อง, หนังสือการ์ตูนอย่างขายหัวเราะ, นิตยสารในเครือมติชนอีกสองสามหัว, นิตยสารบันเทิงอย่าง ทีวีพูล, นิตยสารบ้านและสวนเล่มสองเล่ม, หนังสือพิมพ์และเรียงเบอร์ ซึ่งจะมีวางจำหน่ายที่ร้านมากหน่อย

ชวนชายคนขายคุย ทราบว่าเขาขายหนังสือมาได้หลายสิบปีแล้ว โดยเมื่อก่อนเช่าห้องตึกแถว เปิดเป็นร้านขายหนังสือ เสียค่าเช่าตึกเดือนละ 15,000 บาท แต่เจ้าของตึกโดนพิษน้ำท่วมเมื่อปี 2554 บ้านที่กรุงเทพฯ ต้องทำใหม่ เลยขึ้นค่าเช่า เป็นเดือนละ 20,000 เลยสู้ราคาค่าเช่าไม่ไหว  จึงออกมาทำร้านขายหนังสือแบบรถเข็นได้ 5 ปีแล้ว

แต่ปัจจุบันสมาร์ตโฟนเข้ามามีบทบาทกับคนมากขึ้น อยากรู้อะไรก็อ่านจากในนั้น เศรษฐกิจยิ่งไม่ค่อยดี ของแพงขึ้นทุกวัน อย่าง เรียงเบอร์ เมื่อก่อนขายใบละบาทสองบาท แต่เดี๋ยวนี้ขึ้นราคาเป็นห้าบาท ลูกค้าที่เป็นคนเฒ่าคนแก่บ่นกันเป็นแถวแต่ก็ยอมซื้อ ทุกวันนี้อาศัยว่ามีลูกค้าประจำ พอมีกำไร ทำให้ยังขายอยู่

จึงถามไป

“ถ้าเลิกขายหนังสือ แล้วคิดทำอะไรต่อ”

เขาตอบกลับเสียงเศร้าๆ

“คิดว่าต้องไปทำอย่างอื่น  แต่ตอนนี้ต้องทนไปก่อน เพราะเชี่ยวชาญทางนี้ หนังสือมันไม่เน่าไม่เสีย ขายไม่หมดก็คืนทางสำนักพิมพ์เขาได้ ”

เดินไปต่อแถวทางรถไฟ เพื่อไปหาอาหารของกิน เจอร้านขายของร้านหนึ่ง มีถุงดินวางขายอยู่มุมหนึ่ง อีกฝั่งตั้งแผงขายของทั่วไปอย่างขนมและน้ำ ข้างๆ กันเป็นแผงขายหนังสือ เมื่อกวาดสายตามองคร่าวๆ พบหนังสือพิมพ์ นิตยสารพระเครื่อง นิตยสารเกี่ยวกับปืน และ นิตยสารบันเทิง วางอยู่หรอมแหรม มีชายวัยกลางคน เจ้าของร้านนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่

จึงเดินเข้าไปพูดคุยจนทราบว่า เมื่อก่อนเขามีอาชีพเลี้ยงเป็ด แต่ไม่ค่อยดี จึงเปลี่ยนมาเปิดร้านขายหนังสือพิมพ์และนิตยสารตรงพื้นที่ของตนเองแทน

“สมัยเปิดร้านแรกๆ ขายหนังสือพิมพ์ได้วันละ 200 ฉบับ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนอาศัยละแวกนี้ที่มาซื้อ        แต่ตอนนี้ขายได้แค่ 50-60 ฉบับ หนังสือหลายหัวก็ปิดตัวลงกันไปหมด ทำให้ไม่มีอะไรมาขาย เลยจะเลิกขายแล้ว เพราะไม่คุ้ม พื้นที่ตรงนี้คิดไว้จะปล่อยให้เขาเช่า กินเงินค่าเช่าเอาดีกว่า สมัยนี้ขายพวกสิ่งพิมพ์ ไม่คุ้มแล้ว”

“เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” ขอจบการรายงาน “ข่าวเศร้า” วงการน้ำหมึกไว้เพียงเท่านี้