ผู้เขียน | พารนี |
---|---|
เผยแพร่ |
GLAZZIQ (กลาซซิค) คือ สตาร์ตอัพพันธุ์ไทยน้องใหม่มาแรง มีหนุ่ม-สาว 4 คนในวัย 30 ต้นๆ ที่ล้วนมีดีกรีและประสบการณ์การทำงานจากต่างประเทศ เป็นหุ้นส่วนร่วมกันก่อตั้งและเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อราวต้นปีที่ผ่านมา
GLAZZIQ คือ เจ้าของนวัตกรรมล่าสุดของการซื้อขาย “แว่นตา” ผ่านสื่อออนไลน์ เป็นร้านค้าอีคอมเมิร์ซแบบ “บูรณาการแนวตั้ง” ที่เชื่อมต่อตั้งแต่โรงงานไปจนถึงลูกค้า เพื่อตัดปัญหา “พ่อค้าคนกลาง” โกยกำไร จนผู้ซื้อต้องจ่ายแพงเกินจำเป็น
GLAZZIQ คือ แว่นตาแบรนด์ไทย ที่ออกมา “ท้าทาย” วิธีการซื้อขายแบบเดิมๆ ในตลาดบ้านเรา มุ่งหวังให้ลูกค้ามีประสบการณ์การเลือกซื้อแว่นตาและเลนส์ในแบบใหม่ที่ดีกว่า
มี คุณดา-ปรินดา ประจักษ์ธรรม เป็นซีอีโอสาววัย 33 ปี เริ่มต้นด้วยการแนะนำตัว จบการศึกษาระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งช่วงเวลานั้นเอง มีโอกาสได้รู้จักกับ คุณตั้ม-พิริยะ ตันตราธิวุฒิ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนผู้ร่วมก่อตั้งกิจการกลาซซิค
ส่วนที่มาของการรวมตัวกันเป็นสตาร์ตอัพครั้งนี้ น่าจะมีจุดเริ่มมาจาก “ความสงสัย” ที่มีมาแต่ไหนแต่ไร
“ด้วยความที่ครอบครัวมีโรงงานผลิตเลนส์แว่นตา เป็นโออีเอ็มให้กับแบรนด์ดังฝั่งยุโรป พวกเพื่อนๆ จึงชอบถามเรื่องซื้อแว่น ก่อนขอให้พาไปเลือกในร้าน เลยเกิดความสงสัย ทำไมคนไทยถึงไม่ค่อยอยากเดินเข้าร้านแว่นตาถ้าไม่จำเป็น หรือไม่เคยรู้สึกอยากไปเดินดูแว่นเล่นๆ เหมือนที่ทำกับเสื้อผ้าหรือรองเท้า” คุณดา บอกมาอย่างนั้น
ก่อนบอกต่อ หลังกลับมาอยู่เมืองไทย จึงชักชวนคุณตั้ม ซึ่งเคยเป็นสตาร์ตอัพเกี่ยวกับการทำแอพพลิเคชั่นมาก่อน ให้มาเป็นหุ้นส่วน ร่วมกันสร้าง “สิ่งใหม่” ให้กับวงการแว่นตาบ้านเรา
เมื่อได้แนวร่วมระดับคุณภาพอย่างที่ตั้งใจ งานที่ต้องทำต่อ นั่นคือออกสำรวจและสังเกตพฤติกรรมของผู้บริโภคในตลาดแว่นตา
กระทั่งพบว่า คนไทยส่วนใหญ่ จะยอมเดินเข้าร้านแว่นตาต่อเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นเท่านั้น เช่น แว่นตาหัก งอ ไม่ชัด หรือต้องวัดสายตาใหม่ ฯลฯ แถมเวลาเข้าไปในร้านมักเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ขณะเดียวกัน ภายในร้านแว่นตา มักมีสินค้าเยอะเกินไปแต่ดูคล้ายกันไปหมดจนเลือกไม่ถูก ส่วนคนขายจะคอยเดินถามเดินตามเหมือนเป็นการกดดันตลอดเวลา
และเมื่อหลายคนไม่ชอบประสบการณ์ในการซื้อแว่นตาดังว่า จึงหันไปลองซื้อจากร้านออนไลน์ บนไอจีหรือเฟซบุ๊ก ซึ่งหลายครั้งเสี่ยงกับการถูกหลอกขายของไม่มีคุณภาพ บางครั้งในรูปที่เห็นสวยกว่าสินค้าที่ส่งมาจริงลิบลับ แถมยังไม่มีบริการวัดสายตาหรือถ้ามีปัญหาขึ้นไม่รู้จะเคลมยังไง เพราะไม่มีบริการหลังการขาย
“สรุปจากข้อมูลที่รวบรวมมาได้ คือ ประสบการณ์เลือกซื้อแว่นตาของคนไทยปัจจุบัน ส่วนใหญ่ถือว่ายังไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร ไม่ว่าจะไปซื้อตามร้านแว่นแบบเดิมๆ หรือจากร้านบนโซเชียล ความคับข้องใจเหล่านี้ เป็นแรงกระตุ้นให้เราคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมการขายแว่นแนวใหม่ เพื่อทำให้ผู้คนได้รับประสบการณ์การซื้อแว่นที่ดีและมีความสุขได้” คุณดา บอกที่มา
หลังจากศึกษาพฤติกรรมและประสบการณ์ของผู้บริโภคแล้ว ข้อมูลจากการสำรวจและสังเกตของสตาร์ตอัพเจ้าของเรื่องราวนี้ ยังพบว่า ตลาดแว่นตาในบ้านเรา เน้นแต่กลยุทธ์เรื่องของ “ราคา” เป็นหลัก โดยมักแสดงให้ลูกค้าเห็นว่ามีการลดราคาเยอะๆ แต่ในความเป็นจริงสินค้าที่ลดราคานั้น ไม่ได้มีมูลค่าตามนั้น
คือผู้ขาย มักตั้งราคาสูงเกินจริงไว้ก่อนตั้งแต่แรก แล้วบอกว่ามีการลดราคาเยอะมาก หรือไม่ก็มีการแถมของนั่นนี่ เป็นรูปแบบการขายที่ไม่มีกลไกสร้างสัมพันธ์ใน “ระยะยาว” กับลูกค้า
นอกจากนี้ยังพบว่า ตลาดแว่นตาปัจจุบัน มีกลุ่มคนขายแว่นตาอยู่ 2 กลุ่มใหญ่คือ แบรนด์เนม ซึ่งราคาแพงมาก และกลุ่มขายสินค้าคุณภาพต่ำและราคาถูกตามโซเชียลมีเดีย เป็นสินค้าที่ตัดสต๊อกมา ซึ่งคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งผู้ซื้อกลุ่มนี้ไม่ได้คาดหวังมากนัก แค่ต้องการการสวมใส่ตามแฟชั่นเท่านั้น
ส่วนสาเหตุที่แว่นตาแบรนด์เนมในตลาดล้วนมีราคาสูงไม่ต่างกัน คุณดา บอกว่า ในอุตสาหกรรมแว่นตาแบรนด์เนมหลายแบรนด์ มีเจ้าของเดียวกันเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งทำการกว้านซื้อลิขสิทธิ์ของแต่ละแบรนด์ไว้ จากนั้นก็กำหนดราคาขายเอง ซึ่งต้องการให้อยู่ในระดับไหนย่อมทำได้ เพราะไม่มีคู่แข่งมาขายตัดราคา
ซึ่งประเด็นนี้ทางกลาซซิค อยากเข้าไปมีส่วนในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค ที่ชื่นชอบแว่นตาแบรนด์เนม กล่าวคือ หากสามารถออกแบบแว่นตาให้ได้รูปทรงที่น่าสนใจ วัสดุทั้งกรอบ-เลนส์ มีคุณภาพ และตั้งราคาขายอย่างสมเหตุสมผล น่าจะเป็นตัวเลือกน่าสนใจสำหรับลูกค้ากลุ่มดังกล่าว
เมื่อมีข้อมูลสำคัญเป็นฐานสำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจแล้ว งานสำคัญที่ต้องทำต่อ นั่นคือ การสร้างเว็บไซต์ให้มีความน่าสนใจ ทันสมัย และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย ทางคุณดาจึงชักชวน คุณกี-กีรติพงศ์ อุกะโชค และ คุณแดน-แดน อิสระยั่งยืน ซึ่งเป็นผู้มีทักษะและประสบการณ์ในแวดวงอีคอมเมิร์ซชั้นแนวหน้าระดับสากล เข้ามาเป็นหุ้นส่วนและร่วมกันก่อตั้ง
ใช้เวลาไปกว่า 1 ปี พวกเขาทั้ง 4 คน จึงสามารถสร้างสรรค์พัฒนาเว็บไซต์ www.glazziq.com และระบบ “หลังบ้าน” ทั้งหมดขึ้นได้เอง ทำให้การทำงานมีความคล่องตัว ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้เร็วและมีประสิทธิภาพ
สนทนามาถึงรายละเอียดของนวัตกรรมการซื้อขายแว่นตาออนไลน์ สไตล์ “กลาซซิค” ซีอีโอสาว บุคลิกคล่องแคล่ว แจงให้ฟัง เริ่มจากลูกค้าสามารถเข้าไปเลือกซื้อแว่นตา ที่มีจำนวนมากกว่า 170 เอสเคยู ซึ่งส่วนใหญ่สั่งผลิตจากโรงงานในประเทศเกาหลีใต้ ผ่านทางเว็บไซต์ www.glazziq.com จากนั้นรายละเอียดของลูกค้าจะถูกบันทึกอยู่ในระบบและแชร์ไปที่คู่ค้า ทำให้ลูกค้าสามารถไปรับบริการตรวจวัดสายตาที่ร้านสาขาของ “หอแว่น” และ “Better Vision” กว่า 100 สาขาทั่วประเทศได้ฟรีทันที
ต่อจากนั้นทางร้านแว่นตาสาขา จะใส่ “ค่าสายตา” ของลูกค้าลงในระบบ ซึ่งจะถูกลิงก์กลับมายังคำสั่งซื้อและส่งไปที่โรงงานผลิตโดยอัตโนมัติ แต่ในกรณีที่ลูกค้ามีค่าสายตาอยู่แล้วก็สามารถส่งไปยังกลาซซิคได้โดยตรง และในขั้นตอนสุดท้าย สินค้าจะถูกส่งไปยังที่อยู่ของลูกค้าภายใน 5-10 วัน และหากลูกค้าต้องการปรับ-ดัดแว่นตา หรือมีปัญหาใดๆ สามารถติดต่อกลาซซิคหรือร้านแว่นตาคู่ค้าดังกล่าวได้ทุกสาขา
คุณดา บอกต่อถึงการบริการรูปแบบใหม่เป็นรายแรกของประเทศ นั่นคือการ ส่งแว่นตา “ชุดลอง” (Home Try On) กล่องละ 3-5 อัน ไปให้ลองถึงบ้านสำหรับลูกค้าที่มีบัตรเครดิต และเมื่อลองสวมใส่จนพอใจแล้ว สามารถส่งคืนได้ง่ายๆ ด้วยการไปฝากไว้ที่ร้านสะดวกซื้อ ที่มีอยู่แทบทุกหัวถนน นั่นคือ เซเว่นอีเลฟเว่น
“รูปแบบส่งของไปให้ลองที่บ้าน ที่จริงมีมานานแล้วในต่างประเทศ ซึ่งสินค้าหลากหลายนิยมนำมาใช้ แต่โครงสร้างพื้นฐานการขนส่งของเขาไม่เหมือนเมืองไทย ต้องยอมรับว่าการขนส่งบ้านเรายังไม่ก้าวหน้าเท่าต่างประเทศซึ่งปกติจะใช้ที่ทำการไปรษณีย์เป็นสื่อกลาง แต่สำหรับคนไทย ที่ทำการไปรษณีย์อยู่ตรงไหนหาไม่ค่อยเจอ ฉะนั้น ต้องมาคิดว่าทำยังไงให้ลูกค้าสะดวกที่สุด” คุณดา ว่าอย่างนั้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับลูกค้าที่ไม่มีบัตรเครดิต หรืออยากลองแว่นตาหลายรุ่น สามารถเข้าไปได้ที่โชว์รูมของกลาซซิค ซึ่งอยู่ภายในร้าน Printa Cafe ถนนปั้น สีลม (หลังวัดแขก) ซึ่งโชว์รูมนี้ จะมีลักษณะเป็น Passive Showroom คือ ลูกค้าสามารถหยิบแว่นตานับร้อยแบบ มาลองเองได้ตามชอบใจ เพราะจะไม่มีพนักงานมากดดัน จะลองแว่นตาไปทานข้าวไปยังได้ และเมื่อลองเสร็จแล้วอยากซื้อเลย สามารถซื้อทางออนไลน์ได้ทันที โดยทางร้านจะทำโปสการ์ดระบุวิธีสั่งซื้อง่ายๆ ไว้ ณ จุดขาย ลูกค้าจะเรียกพนักงานมาช่วยหรือไม่ก็ได้
“รูปแบบธุรกิจของกลาซซิค คือการผสานประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับจากการช็อปปิ้งออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน เป็นแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า Omni Channels เพราะในอนาคตแบรนด์ต่างๆ จะต้องปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าในหลายช่องทาง หัวใจอยู่ที่การทำช่องทางเหล่านั้นให้เชื่อมต่อถึงกันได้ เช่น ลูกค้าอาจบริโภคสื่อจากช่องทางหนึ่ง สั่งซื้อในอีกช่องทางหนึ่ง และส่งคืนผ่านอีกช่องทางหนึ่งได้”
ถามไถ่ถึงงบลงทุนธุรกิจนี้ ซีอีโอสาว เผยให้ฟัง อยู่ที่หลักกว่า 10 ล้านบาท ส่วนใหญ่ทุ่มลงไปกับการวางระบบโครงสร้าง “หลังบ้าน” ของเว็บไซต์ ซึ่งค่อนข้างยากและซับซ้อน เพราะต้องสร้างระบบเชื่อมต่อกับคู่ค้าซึ่งมีร้านอยู่กว่า 100 สาขาทั่วประเทศ และยังต้องสร้างระบบเชื่อมต่อไปยังโรงงานผลิต หลังจากรับออร์เดอร์ลูกค้าแล้วด้วย
เกี่ยวกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายนั้น ทาง “กลาซซิค” ตั้งไว้ที่ ผู้ซื้อทั้งชาย-หญิง อายุ 18-35 ปี มีความเป็น “สมาร์ต บายเออร์” ที่ใส่ใจในคุณภาพของสินค้า และรู้ว่าราคาเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมที่จะจ่าย
เกี่ยวกับอุปสรรคในการทำธุรกิจนี้ คุณดา บอกน้ำเสียงอารมณ์ดี การเป็นสตาร์ตอัพมีปัญหาเข้ามาทุกวันและไม่เคยซ้ำกัน แต่ปัญหาหลัก น่าจะเป็นระบบโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานในเมืองไทยหลายอย่าง ยังไม่พร้อมสำหรับอีคอมเมิร์ซมากนัก ฉะนั้น เมื่อสามารถคิดรูปแบบบริการใหม่ๆ ออกมาแล้ว จึงต้องมาปรับให้เข้ากับสถานการณ์จริงเองด้วย
“ยกตัวอย่าง การส่งชุด Home Try On ให้ลูกค้าลองที่บ้านแล้วส่งกลับมา ที่จริงควรอาศัยที่ทำการไปรษณีย์เป็นสื่อกลาง แต่กลับไม่สะดวกสำหรับคนทั่วไปเท่าที่เซเว่นฯ จึงต้องไปติดต่อเขา และการจะเข้าไปติดต่อนั้นยากมาก เราเป็นแค่ผู้ประกอบการตัวเล็กๆ กว่าเขาจะคุย กว่าจะเข้าใจ ต้องใช้ปัจจัยหลายอย่าง แถมต้องมีวอลุ่มระดับหนึ่งที่ให้เขาเชื่อได้ว่าจะเติบโตไปกับเราได้จริงๆ” คุณดา เล่าอย่างนั้น
นอกจากนี้ เรื่องของการทำการตลาด นับเป็นอีกหนึ่งอุปสรรค เพราะกลาซซิค ไม่ใช่แบรนด์ใหญ่ หรือเป็นสตาร์ตอัพที่ระดมทุนมาลงได้มากมาย งบในการทำเรื่องนี้ จึงต้องควบคุมให้เป็นไปอย่างคุ้มค่าและรอบคอบ เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน
สำหรับเป้าหมายธุรกิจในอนาคต ผู้บริหารกลาซซิค เผย หลังจากเปิดตัวเว็บไซต์มาได้ไม่ถึงครึ่งปี สามารถทำยอดขายสะสมได้เทียบเท่าร้านแว่นตาที่เปิดมา 1-2 ปี ถือเป็นอัตราการเติบโตเกินคาด ซึ่งตัวเลขเหล่านี้นี่เอง ทำให้นักลงทุนจำนวนหนึ่งหันมาให้ความสนใจมากขึ้นทั้งจากแวดวงสตาร์ตอัพและจากอุตสาหกรรมแว่นตา
“ก่อนหน้านี้แทบไม่มีใครเชื่อว่าเราจะขายแว่นตาทางออนไลน์ได้จริง แต่ตอนนี้เราสามารถวางแผนขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้แล้ว เริ่มจากสิงคโปร์-มาเลเซีย เพราะผู้คนคุ้นเคยกับอีคอมเมิร์ซเป็นอย่างดี ทั้งยังมีหุ้นส่วนที่เข้ามาช่วยเสริมในเรื่องของการบริการวัดสายตาและบริการหลังการขายแล้ว” คุณดา เล่าน้ำเสียงภูมิใจ
ก่อนบอกด้วยว่า ในอนาคต กลาซซิค ยังมีโครงการที่จะพัฒนา “ร้านค้าเคลื่อนที่” ไปตามจังหวัดต่างๆ โดยจะใช้ระบบที่ทีมงานพัฒนาขึ้น ซึ่งสามารถส่งออร์เดอร์ตรงไปที่โรงงาน โดยไม่จำเป็นต้องนำสต๊อกไปด้วยทั้งหมด แค่นำตัวอย่างไปให้ลูกค้าเลือกก็เพียงพอ และกำลังคิดทำแว่นตาคอลเล็กชั่นพิเศษ ราคาประหยัดสำหรับผู้มีรายได้น้อยพร้อมให้บริการวัดสายตาฟรีด้วย
“หลักในการทำธุรกิจของพวกเรา สิ่งสำคัญมากที่สุด คือมีความจริงใจกับลูกค้า ต้องมองลูกค้าแบบมีความสัมพันธ์ระยะยาว ฉะนั้น จะไม่ทำอะไรที่แบบขอให้ขายได้เยอะๆ หลังจากนั้นอะไรจะเกิดขึ้นช่างมัน อย่างนั้นไม่ได้” คุณดา บอกทิ้งท้าย
ก่อนฝากถึงลูกค้าด้วยว่า อยากให้ลองมาอุดหนุน สตาร์ตอัพไทย กันมากๆ เพราะอยากเห็นผู้ประกอบการไทยทุกแขนงยกระดับตัวเองให้เป็นมากกว่าฐานการผลิต และมั่นใจว่าสินค้าไทยคุณภาพไม่แพ้ต่างชาติแน่นอน
แว่นตา “กลาซซิค” ตั้งราคาขายแว่นตาพร้อมเลนส์เดี่ยว (สั้น หรือ ยาว หรือ เอียง อย่างเดียวเท่านั้น ไม่รวมเลนส์โปรเกรสซีฟ) เลนส์ธรรมดา หรือเลนส์กันแดด เริ่มต้นที่ 1,990 -5,990 บาท
สนใจเลือกชมตัวอย่างได้ที่เว็บไซต์ www.glazziq.com หรือจะเยี่ยมโชว์รูมสุดเก๋ ได้ที่ Printa Cafe ถนนปั้น สีลม (หลังวัดแขก)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ (081) 860-8690