“มนต์นมสด” ถือคติประจำใจ “ขายของกินถ้าไม่อร่อย อย่าขายเลยอายเขา”

คุณธเนศร วนิศรกุล ทายาทรุ่น 3 ผู้สืบทอดกิจการดัง “มนต์นมสด” ที่เปิดให้บริการมากนานกว่า 40 ปี ปัจจุบัน เขาดูแลร้านที่จังหวัดเชียงใหม่ อีกหนึ่งสาขา กล่าวว่า เมื่อราวห้าสิบปีที่แล้ว คนทานนม มักพูดว่าเป็นนมผสมกับน้ำ แต่สิ่งที่คุณปู่ คุณพ่อ  ของเขาทำ คือ รับนมวัวจากแขกปาทาน มาชิมแล้วไม่เข้มข้นพอ เลยไปซื้อนมผงของนิวซีแลนด์ ผสมกลับลงไปในนมอีกครั้ง คือ แทนที่รับนมมาผสมน้ำแล้วขาย กลับผสมนมผงเข้าไปอีก การทำอย่างนี้ เพราะคุณปู่ผมบอกว่า การขายของกิน ถ้ากินเข้าไปแล้วไม่อร่อย อย่าไปขายเลยอายเขา

ก่อนเล่าต่อ แม้ร้านมนต์นมสดยุคแรก จะอยู่ริมถนน แต่แก้วน้ำที่ใช้เป็นยี่ห้อของฝรั่งเศส ใบละ 35 บาท ซึ่งถือว่าแพงมาก หากเทียบกับกาแฟแก้วละ 3 บาท สำหรับเหตุผลที่เลือกใช้แก้วราคาแพงขนาดนั้น มาจากความกังวล หากล้างแล้ว ปากแก้วอาจกระเทาะแล้วบิ่น จนบาดปากลูกค้าหรือบาดมือคนล้างได้

“แม้เราจะขายของริมถนน แต่ไม่เคยใช้ใจแบบข้างถนน กลับมีความรู้สึกว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้นมีเกียรติ นี่คือความคิดของคนขายอาหารริมทางในยุคนั้น”ทายาทมนต์นมสด ถ่ายทอดแนวคิดของบรรพบุรุษ

คุณธเนศร เล่าให้ฟังต่อ เมื่อกว่าสิบปีก่อน เขาขน “ชื่อเสียง” ของมนต์นมสด พร้อมเงินลงทุน ไปเปิดสาขาสองบนถนนิมมานฯ เชียงใหม่ แต่ความสำเร็จใช่จะได้มาแบบง่ายดายเหมือนอย่างใจคะแน หากต้องเจอะเจอกับอุปสรรคแบบไม่คาดคิดมาก่อน

“ตอนเปิดสาเชียงใหม่ ผมสั่งขนมปัง สั่งนม จากซัพพลายเออร์  เพราะคิดว่าร้านเรามีชื่อเสียงอยู่แล้ว การมาเปิดสาขาสองนี้มันเป็นการต่อยอดทางธุรกิจธรรมดา ที่สามารถใช้การตลาด การประชาสัมพันธ์ เข้ามาช่วย ผมคิดแค่นั้น แต่ลืมนึกไปว่าความจริงแล้วเราเป็นคนครัวด้วยนะ”คุณธเนศร เล่าความหลัง

อาจด้วยความหลงลืมในความเป็น “คนครัว”นี่เอง ที่ทำให้ยอดขายของ “มนต์นมสด”สาขาสอง ต่ำเกินคาด  จนย่างเข้าเดือนที่หกของการเปิดกิจการ คุณธเนศร จึงได้พบกับคำตอบ

“มีลูกค้าคนไทยกับต่างชาติ มาจากอเมริกา เข้ามาทาน บอกว่าชอบสังขยาของมนต์ฯมากพอรู้ว่า มาเปิดสาขาที่เชียงใหม่จึงตามมาทานสังขยาที่อร่อยที่สุดในโลก”คุณธเนศร เล่าและว่า พอเขาได้ยินคำนั้นใจ ถึงกับตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เพราะรู้ตัว สังขยาที่สาขาสองในช่วงเวลานั้น ไม่ได้อร่อยอย่างที่ลูกค้าคาดหวัง

“พอลูกค้าสองคนนั้นทานเสร็จ ก็เดินมาที่เคาน์เตอร์ มองหน้าผม แล้วบอกว่า คุณทำผมผิดหวังมาก รสชาติสังขยาไม่เหมือนที่กรุงเทพฯเลย ผมก็ขอโทษเขา แล้วโทรศัพท์กลับบ้านทันที”คุณธเนศร ย้อนความทรงจำเมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก คล้ายกับเหตุการณ์ดังว่าเพิ่งจะเกิดขึ้น

ก่อนเล่าต่อ

“ผมถามแม่เลี้ยงของผม ทำไมสังขยาที่เชียงใหม่ไม่เหมือนกทม. ท่านถามว่าจดสูตรไปตรงหรือเปล่า     ผมบอกเป๊ะทุกอย่าง แต่เวลาทำใช้สัดส่วนน้อยกว่า 10 เท่า เพราะปริมาณที่ใช้น้อยกว่าปกติ ท่านก็ถามต่อ แล้วรสชาติมันเหมือนมั๊ย ผมบอกไม่เหมือนเลย”

บรรยายมาถึงตรงนี้ มีหลายคนอยากรู้คำตอบ ทายาทมนต์นมสด แก้ไขปัญหาได้อย่างไร คุณธเนศร จึงเฉลยให้ฟัง

“แม่เลี้ยงของ ผมบอกไม่มีอะไรจะสอนแล้ว แต่ท่านฝากไว้นิดเดียว สังขยาร้านเราถ้าทำถูกสูตร เวลาทานเข้าไป ไม่ต้องกลืน มันจะไหลลงคอไปเอง แล้วจะเหลือแต่ความหอมอวลอยู่ในปาก ผมฟังแล้วก็งง เรื่องแบบนี้มันมีในบ้านเราด้วยเหรอ”

หลังจากเห็นปัญหา คุณธเนศร จึงตระหนักและยอมรับว่า ที่ผ่านมา เขาละเลยไม่ใส่ใจกับสิ่งใกล้ตัว และไม่ศึกษาให้ลึกซึ้งจนถึง “แก่น”ของมัน

“ช่วงแรกของร้านสาขาเชียงใหม่ การประชาสัมพันธ์ดีมาก ทำทุกอย่างที่หลักการตลาดพึงกระทำ แต่ลืมมองว่าอะไรเป็นที่แก่นจริงๆ มัวแต่ไปเหวี่ยงแหข้างนอก หลังจากนั้นสองอาทิตย์ ต้องเทสังขยาทิ้งเป็นร้อยกิโลฯและเริ่มต้นกันใหม่”คุณธเนศร เล่าอย่างนั้น

ก่อนฝากทิ้งท้าย…น่าคิด

“ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไรก็ตามอยากให้ให้คิดเล็กๆ แต่คิดลึกๆกับสิ่งนั้น เพราะถึงมันจะเล็กก็จริง แต่ถ้ามันลึกซึ้ง เชื่อว่าต้องมีคนมองเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำอยู่”