อดีตเด็กค่ายผู้อพยพสู้ชีวิต “เม้ง เอีย” จนเป็นเถ้าแก่ร้านหมูกระทะชื่อดังในเสียมเรียบ

เสียมเรียบ หรือ เสียมราฐ เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของกัมพูชา นักเดินทางจากทั่วโลกต่างมุ่งมาที่นี่เพื่อมาดูความยิ่งใหญ่อลังการของนครวัด นครธม ซึ่งเป็นมรดกโลก ที่นี่จึงเต็มไปด้วยโรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้าขายของที่ระลึก เป็นเมืองที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เงินสะพัดมาก มีนักธุรกิจต่างชาติเข้าไปทำมาหากินหลายชาติหลายภาษา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนบ้านอย่างไทย เวียดนาม รวมถึงจีน และเกาหลี ซึ่งนักท่องเที่ยวจาก 2 ประเทศนี้เข้ามาเที่ยวในเสียมเรียบเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะชาวเกาหลีเองถึงกับมาเปิดร้านอาหารและห้างเพื่อไว้บริการชาวเกาหลี

ใช่แต่ผู้ประกอบการต่างชาติจะเข้ามาทำธุรกิจในเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้เท่านั้น ชาวกัมพูชาต่างถิ่นก็เช่นกัน เพราะถือเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญรองจากกรุงพนมเปญ

 ประสบการณ์ที่โฮจิมินห์

คุณเม้ง เอีย เป็นคนเขมรเชื้อสายจีนอีกคนที่เห็นช่องทางทำมาหากินที่นี่ โดยทำร้านหมูกระทะชื่อร้าน “เม้งบีบีคิว” (MENG S BBQ) ซึ่งเป็นร้านที่ขายดีทีเดียว แต่ละวันมีลูกค้าท้องถิ่นและบริษัททัวร์มาใช้บริการจำนวนมาก เป็นกิจการที่ดีวันดีคืน โดยมีคนในครอบครัวของเขาและภรรยามาช่วยกันเต็มที่ ตอนนี้มีพนักงานในร้านกว่า 20 คน

อย่างไรก็ตาม กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ คุณเม้งวัย 30 ปลายๆ ผ่านชีวิตลำบากยากแค้นมาหลายปีเพราะในวัยหนุ่มตอนอายุ 15-16 ปี เกิดสงครามเขมร เขากลัวถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร ทั้งครอบครัวที่อาศัยอยู่ที่กระแจะ (เมืองชายแดนติดกับเวียดนาม) จึงต้องอพยพเข้ามาอยู่ที่ประเทศไทย โดยอยู่ที่ศูนย์อพยพเขาอีด่าน จากนั้นย้ายไปอยู่ค่ายผู้อพยพพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ตามด้วยค่ายผู้อพยพที่นครราชสีมา รวมทั้งหมด 6 ปี  ซึ่งการอยู่ในค่ายผู้อพยพก็มีประโยชน์ตรงที่ว่าเรียนทั้งภาษาอังกฤษ จีน ไทย จากนั้นมีการปิดศูนย์อพยพเขาถูกส่งไปอยู่ที่ประเทศเวียดนาม

คุณเม้งใช้ชีวิตอยู่ในนครโฮจิมินห์ 7 ปี ที่นั่นได้ให้ประสบการณ์ในการทำธุรกิจกับเขาเป็นอย่างดี

“ช่วงอยู่โฮจิมินห์ผมทำอาชีพหลายอย่างเพราะเรากลับไปมือเปล่า เลยไปทำก่อสร้าง วิ่งมอเตอร์ไซค์ ขายไอติม ชีวิตลำบากมาก สู้ไม่ไหว พอปี 1999 ก็กลับมาเขมร อยู่กระแจะเหมือนเดิม เริ่มต้นอาชีพด้วยการทำปาท่องโก๋ขาย ได้มาจากตอนอยู่เวียดนาม ไปเรียนทำพวกนี้ ขายอยู่ประมาณ 3 ปี ขายดีตลอด เพราะทั้งหมู่บ้านมีอยู่เจ้าเดียว แต่พอขายไปได้สักพักเริ่มรู้สึกเสียดายภาษาที่พูดได้หลายภาษาอย่าง เวียดนาม ไทย อังกฤษ และจีนได้นิดหน่อย เลยตัดสินใจมาหางานทำที่เสียมเรียบ เริ่มทำที่บริษัทอินโดไชน่า เอ็กซ์พลอเรอร์ จำกัด ผมได้เจ้านายดี (เฮียสี่) ดูแลเราเหมือนลูก ชีวิตก็ดีขึ้นตลอด ตอนแรกดูแลเรื่องรถต่อมาย้ายไปที่แผนกทัวร์ กระทั่ง 3 ปีก่อนลาออกเนื่องจากหันมาเปิดร้านหมูกระทะ โดยเซ้งกิจการและเสียค่าเช่าร้านเดือนละ 750 เหรียญ”

img_9316

 ซื้อวัตถุดิบจากสระแก้ว

ความจริงร้านหมูกระทะของคุณเม้งในปัจจุบัน ก่อนหน้านี้เป็นร้านที่คนไทยทำอยู่ แต่ช่วงหลังมีปัญหาเรื่องหุ้นส่วน จึงประกาศเซ้งร้าน เขาเองเห็นว่าเป็นทำเลที่ดี เพราะอยู่กลางใจเมืองแถววัดโบสถ์ และมีลูกค้าวันละ 400-500 คน ลูกค้ารู้จักร้านดีอยู่แล้ว จึงตัดสินใจเข้ามาเซ้งกิจการต่อ

คุณเม้ง บอกว่า การทำร้านหมูกระทะของเขาได้เปรียบเจ้าอื่นๆ ตรงที่ว่า เขาเข้าฝั่งไทยตรงด่านปอยเปตเพื่อรับส่งผู้โดยสารเกือบทุกวัน ขากลับก็ซื้อของกลับมา ได้กำไรทั้งไป-กลับ โดยจะใช้วิธีโทรสั่ง แล้วทางฝั่งไทยจะจัดส่งให้พร้อม

วัตถุดิบของร้านส่วนใหญ่จะซื้อจากไทย เพราะเมืองไทยมีหลายอย่างให้เลือกซื้อได้ และราคาถูก เช่น ปลาหมึก หมูหมัก เนื้อหมัก เมืองไทยทำให้เสร็จ ไก่ ก็ราคาถูกกว่า นอกนั้นเขาซื้อที่เสียมเรียบ อย่างเนื้อวัว สั่งที่นี่ กุ้งก็สั่งจากพนมเปญ เพราะกุ้งจะเลี้ยงจากเมืองสีหนุวิลล์ที่เกาะกง แล้วส่งเข้าพนมเปญ โดยสั่งไปที่พนมเปญตอนเช้า ตอนเย็นก็ถึงแล้ว เพราะจากเสียมเรียบไปพนมเปญ ระยะทางประมาณ 314 กิโลเมตร

ลูกค้าของคุณเม้งนั้น เจ้าตัวบอก มีครบทุกชาติ มีเวียดนาม จีน เกาหลี ฟิลิปปินส์ ไทย ยุโรป หลักๆ เลยคือ ทัวร์จีน ทัวร์เกาหลีกับคนเขมร แต่ทัวร์จีนจะมากกว่า โดยราคาต่อหัวคิดเท่ากันหมดคือ 5 เหรียญ แต่ถ้ามา 20 คน จะแถม 1 คน  สำหรับเด็กจะดูว่าตัวขนาดไหน อาจจะคิด 2-3 เหรียญ บางครั้งให้ทานฟรีก็มี ดูตามเหมาะสม

img_9321

ว่าไปแล้วราคาหัวละ 5 เหรียญนั้น ไม่แพงเท่าไหร่ ถือเป็นราคากลางๆ อย่างที่คุณเม้งบอก ซึ่งถ้าเป็นคนทานเก่ง ราคานี้ถือว่าคุ้มมากๆ

“ร้านเราเป็นราคากลางๆ คนเขมรก็มากินได้ คนเขมรชอบกินเนื้อวัวกับกุ้ง แต่เท่าที่วัดปริมาณวัตถุดิบแล้ว 1 คน จะกินทุกอย่างรวมเลย ไม่เกิน 7 ขีด (ข้าว เนื้อ ผัก) ค่าน้ำดื่มเฉลี่ยคนละ 1 เหรียญ ขายพวกนี้ส่วนใหญ่จะได้กำไรจากค่าน้ำดื่มมากกว่า อาหารจะไม่ค่อยได้เท่าไร ซึ่งร้านน้ำดื่มเราซื้อจากที่นี่ เบียร์ก็มี เพราะบริษัทไทยมาตั้งที่นี่ เรื่องราคาเบียร์ไทยจะแพงกว่า ต่อลังประมาณ 2-3 เหรียญ แต่ถ้าคิดเป็นกระป๋องจะต่างกันไม่มาก”

img_9343

 มีเนื้อจระเข้บริการ

ช่วงเย็นๆ จนถึงหัวค่ำร้านนี้จะเต็มไปด้วยลูกค้า สาเหตุหนึ่งคือทำเลดี และมีอาหารให้เลือกหลากหลาย และที่พิเศษกว่าร้านหมูกระทะทั่วไป นั่นก็คือ เนื้อจระเข้

“ผักมี 9-10 ชนิด เนื้อสัตว์มี เนื้อวัว จระเข้ ไก่ หมู กุ้ง หมึก ลูกชิ้นต่างๆ ก็หลายอย่าง ที่นี่เขาจะฆ่าจระเข้เพื่อเอาหนังอย่างเดียว เนื้อเขาจะขายให้ตามร้านอาหาร เนื้อจระเข้ที่นี่จะขายกิโลกรัมละ 3 เหรียญ ถูกกว่าเนื้อหมูอีก

นักท่องเที่ยวชอบ มีป้ายเขียนว่ามีเนื้อจระเข้ด้วย ถ้าจะไม่ให้เหม็นคาว ต้องย่างให้สุก ถ้าไม่สุกยังเหม็นคาวอยู่ สำหรับเนื้อที่ได้รับความนิยม ตั้งทีไรก็หมดมี กุ้ง เนื้อวัว และปลาหมึก

น้ำจิ้มก็มี 4 อย่าง มีน้ำจิ้มปลาร้า จิ้มกับเครื่องในวัว (สีเหลืองข้น) น้ำจิ้มเต้าหู้ น้ำจิ้มพริก และน้ำจิ้มซีฟู้ด”

นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารสุก เป็นพวกข้าวผัด ข้าวเปล่า ผัดผัก ไก่ผัดเผ็ด แหนมสด เปาะเปี๊ยะทอด มาม่า หอยแครง แซนด์วิช ผลไม้ และของหวาน

ภายในร้านจะมีป้ายเขียนไว้ว่า “ตักพอดีทาน” รวมถึงป้ายที่บอกว่าถ้าทานไม่หมดจะถูกปรับ แต่ก็ใช้ตัวอักษรไม่ใหญ่ เพราะเกรงว่าจะไม่เป็นที่ถูกใจของลูกค้าบางคน

img_9351

เขาเปรียบเทียบการทานบุฟเฟ่ต์หมูกระทะของที่ร้านระหว่างคนเขมรกับลูกทัวร์ต่างชาติว่า “คนต่างชาติมักตักพอดีกิน แต่คนเขมรตักเยอะแล้วกินไม่หมด ซึ่งพยายามบอกว่า ให้ตักพอดีกิน กินไม่อิ่ม ให้มาตักใหม่หลายๆ ครั้งก็ได้ ผมจะเป็นคนยืนบอกเองเลย ถ้ากินไม่หมด จะปรับคนละ 5 เหรียญ แต่ยังไม่เคยปรับจริงสักครั้ง

ส่วนคนไทยกินเป็นอยู่แล้ว ตักพอดีกิน พอกินหมดจะมาตักใหม่ ถือว่าดี แต่คนพื้นที่เราเอง ยังต้องให้ความรู้ต่อไป เพราะเขากลัวว่าเราจะให้อาหารเขาน้อยจะไม่พอกิน เลยต้องตักเผื่อ จนกินไม่หมด ถ้าผมเห็นจะบอกเขาว่า ช่วยกินให้หมดด้วย”

 แค่ 2 ปี คืนทุนแล้ว

สำหรับราคาบุฟเฟ่ต์หัวละ 5 เหรียญนั้น ไม่รวมน้ำดื่ม เปิดขายตั้งแต่ 17.00-23.00 น. ทุกวันไม่มีวันหยุด ในช่วงเทศกาลลูกค้าจะมากันเยอะ โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ สูงสุดเคยมาวันละ 280 คน ต่ำสุดมาวันละ 40-50 คน วันเสาร์-อาทิตย์ปกติตกประมาณ 100 กว่าคน ซึ่งถ้าต่อวันมีลูกค้า 70 คน ก็ถือว่าร้านอยู่ได้ บางวันถ้าคนเยอะ คุณเม้งก็ต้องเข้าครัวเองด้วย

3 ปีที่ทำร้านหมูกระทะบุฟเฟ่ต์แห่งนี้ คุณเม้ง บอก “คืนทุนแล้วช่วงปีที่ 2 ตอนนี้ถือว่าเป็นกำไรแล้ว แต่ที่ผ่านมาก็มีช่วงที่เลวร้ายที่สุดคือ เซ้งมาปีแรกน้ำท่วมเสียมเรียบ 2 เดือนเต็มๆ ตอนนั้นขาดทุน แต่คิดว่า เรื่องค้าขาย ขาดทุนเป็นเรื่องธรรมชาติ ร้านนี้อยู่ได้แน่นอน เพราะเราทำเอง ไม่ได้มีเถ้าแก่หลายคน แล้วทุกอย่างเราเป็นคนซื้อเองหมด”

คุณเม้ง เล่าด้วยว่า “ในเสียมเรียบมีร้านที่ทำหมูกระทะบุฟเฟ่ต์แบบนี้อยู่ 4 ร้าน และเคยไปชิมร้านอื่นเหมือนกัน แต่อาหารไม่หลากหลายเหมือนที่ร้าน อาหารสุกจะไม่มี ร้านอื่นจะมีแค่เนื้อสด ส่วนราคานั้นบางร้านคิดหัวละ 4 เหรียญ บางร้าน 6 เหรียญ

ส่วนร้านหมูกระทะที่เมืองไทยนั้นก็เคยไปกิน น้ำจิ้มที่เมืองไทยจะเข้มข้น เผ็ดมาก ของไทยจะมีน้ำจิ้มแค่ 2 อย่าง ที่เราทำไม่เหมือนเมืองไทย คือ น้ำจิ้มเต้าหู้ จะทำไม่เผ็ดมาก เน้นรสชาติหวาน”

3 ปีของการเปิดร้าน คุณเม้ง ระบุว่า มีปัญหาวัตถุดิบบางอย่างที่ซื้อจากฝั่งไทยขาดตลาด อย่างเช่นเนื้อหมูหมัก หรือเนื้อไก่หมัก ส่วนเนื้อวัวสั่งที่เสียมเรียบ

สำหรับการวางแผนธุรกิจในอนาคต คุณเม้ง แจงว่า คิดเรื่องสาขาเหมือนกัน ตั้งใจจะเปิดอีกสาขา แต่ต้องดูเรื่องคนก่อนว่าหาเพิ่มได้หรือไม่ และภายในปีสองปีนี้ วางแผนจะปรับปรุงชั้นบนโดยติดแอร์ ตอนนี้เป็นแบบเปิดโล่ง ถ้ารวมทั้งชั้นล่าง-บน รวมรับได้ทั้งหมด 250 คน

img_9358

 รับจัดนอกสถานที่

นอกจากจะเปิดขายที่ร้านแล้ว ทางร้านยังมีบริการรับจัดนอกสถานที่ด้วย เพราะบางครั้งโรงแรมจะเรียกไปจัดให้พนักงานทาน ช่วงสงกรานต์ ปีใหม่ คิด 7-8 เหรียญ/คน แล้วแต่จำนวนพนักงาน ถ้าจำนวนน้อยคิดที่ 8 เหรียญ/คน ถ้าพนักงานจำนวนมากคิดที่ 7 เหรียญ/คน สาเหตุที่ต้องแพงกว่าที่ร้าน เพราะทุกอย่างต้องขนไป

คุณเม้ง พูดถึงการทำร้านอาหารในเสียมเรียบว่า “ถ้าทุกอย่างซื้อเอง ทำแล้วจะไม่ขาดทุน แต่ถ้าให้คนอื่นไปซื้อ ไปจ่ายตลาดแทน ขาดทุนแน่นอน เพราะมีนอกมีในค่อนข้างเยอะ”

เขาให้คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการไทยหน้าใหม่ที่อยากจะเข้ามาทำธุรกิจที่เสียมเรียบว่า ทุกอย่างต้องมาดูเอง อย่าเพิ่งลงทุน ควรจะต้องมาอยู่สักพักก่อนว่าควรจะทำอะไร ถึงแม้ตอนนี้นักท่องเที่ยวจะเยอะแต่โรงแรมและร้านอาหารก็ยังไม่พอ และยังไม่พร้อมเท่าไร เพราะคนเขมรยังต้องพัฒนาอยู่ เนื่องจากประเทศกัมพูชาเพิ่งจะเปิด สงครามก็เพิ่งจะสงบ

สนใจอยากทานเนื้อจระเข้แบบหมูกระทะ หรืออยากจะลิ้มชิมรสว่าร้านนี้มีอะไรดีๆ แบบที่เจ้าของร้านโฆษณาหรือไม่ ลองเข้าไปทานได้ หรือถ้าไปไม่ถูกสอบถามคุณเม้งได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ที่ไทย (087) 143-6052 เบอร์โทรศัพท์ที่ร้านที่กัมพูชา 063 698 2266 เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวที่กัมพูชา 099 989 696