ต่างชาติชอบใจ! สอนทำอาหารไทย “ไปรุ่ง” มุ่งทำกำไรเป็นดอลลาร์

“Apple and Noi are fabulous, if you can’t stay with them don’t miss their cooking class.”

ข้อความข้างต้น เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งในหลายร้อย “รีวิว” จากนักเดินทางต่างชาติ ซึ่งเคยมาแวะเวียนที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งอาจเป็นตัวชี้ “ของดี” เมืองกาญจน์ ไม่ได้มีแค่เขื่อนหรือป่า

หากยังมี “อาหารไทย” ซึ่งถูกปากและถูกใจอาคันตุกะจากแดนไกลกลุ่มใหญ่โข และที่สำคัญยังสามารถสร้างรายได้ ให้กับเจ้าของธุรกิจนี้…มาไม่น้อยแล้ว!

 หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ สอนทำอาหารไทยให้กับหนุ่มสาวชาวต่างชาติกลุ่มสุดท้ายของวัน  คุณหน่อย- ศุทธนันทน์ ร่มโพธิ์เย็น  หุ้นส่วนสำคัญของกิจการ Apple & Noi Thai Cooking กรุณาสละเวลาดูแลงานอื่นในเกสต์เฮ้าส์ มานั่งพูดคุยด้วยอัธยาศัยยิ้มแย้ม

คุณหน่อย (ขวา) กับทีมงานฯ

เริ่มต้นด้วยการแนะนำตัว พื้นเพเป็นคนเมืองกาญจน์ จบปริญญาตรีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เคยทำงานในบริษัทขายอะไหล่เครื่องบินที่กรุงเทพฯ แต่ความใฝ่ฝันลึกๆ นึกอยากเป็น “ไกด์” ระหว่างนั้น จึงใช้เวลาส่วนหนึ่งไปเข้ารับการอบรม จนได้ใบอนุญาตประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ มาไว้เป็นต้นทุนสำคัญ

หลังจากเป็นพนักงานบริษัทย่านสีลมได้หลายปี คุณหน่อย เริ่มมีปัญหาสุขภาพ เกี่ยวกับภูมิแพ้ ประกอบกับคุณแม่ของเธอก็อายุมากขึ้นทุกวัน จึงตัดสินใจกลับถิ่นฐาน หวังทำอาชีพไกด์…อย่างใจรัก

จังหวะนี้เองได้พบกับ คุณเปิ้ล-ณปภัช พิณเทพ คนบ้านเดียวกัน ซึ่งเปิดกิจการบริษัทนำเที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรี อยู่ก่อน คุณหน่อย จึงสมัครเข้าเป็นไกด์ และ ได้ร่วมงานกับคุณเปิ้ล นับแต่นั้นมา

คุณหน่อย เล่าให้ฟังต่อ กิจกรรมหนึ่งของการท่องเที่ยวในเมืองกาญจน์ คือ การไปค้างแรมในป่า พอถึงมื้อเย็น เธอมักชวนให้แขกทุกคน มาช่วยกันทำอาหาร เช่น เตรียม หั่น ชิม เพื่อสาธิตให้ดูว่าอาหารไทยทำอย่างไร ใส่อะไรลงไปบ้าง พร้อมอธิบายเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องว่า อาหารไทยมีหลายรสชาติ ไม่ใช่มีแต่ “เผ็ด” อย่างเดียว

“ชาวต่างชาติยุคสิบกว่าปีก่อน  ค่อนข้างกลัวรสชาติเผ็ดในอาหารไทย อาจเพราะเขาได้ยินกันมาแบบนั้น  เวลาพาไปทานอาหารจึงถามหาแต่เปรี้ยวหวานกับก๋วยเตี๋ยวผัด จึงต้องพยายามทำอาหารออกมาหลากหลายให้พวกเขาชิม อย่าง ต้มข่า แกงเขียวหวาน แต่ตอนนั้นยังไม่ได้เปิดสอนเป็นเรื่องเป็นราว” คุณหน่อย เล่าให้ฟัง

ทำบริษัททัวร์ร่วมกับคุณเปิ้ล ได้ราว 6 ปี จนมีลูกค้ากลุ่มใหญ่ กระทั่งได้แรงผลักดันจากบรรดา “ขาประจำ” ยุให้เปิดร้านอาหาร เพราะติดใจในรสมือ คุณเปิ้ลและคุณหน่อย สองหุ้นส่วน จึงตัดสินใจหันมาทำเกสต์เฮ้าส์ และร้านอาหาร ใช้ชื่อ Apple & Noi Guesthouse ควบคู่ไปกับการทำทัวร์

“ตอนรับออร์เดอร์ในร้านอาหาร ยังมีลูกค้ากลุ่มใหญ่กลัวการทานแกงไทย เลยให้เขาเข้าครัว ดูวิธีการทำ แล้วให้เขาชิม ถ้าเผ็ดเกินไป ปรับเปลี่ยนให้ แล้วชิมใหม่ ถ้าเขาทานได้ จบ นั่นคือจุดเริ่มแรกของการสอนทำอาหาร” คุณหน่อย ย้อนให้ฟัง

 

ปัจจุบัน สถานที่เรียนของ Apple & Noi Thai Cooking ตั้งอยู่คู่กับกิจการเกสต์เฮ้าส์ และร้านอาหาร ตั้งอยู่บนทำเลใกล้กับสะพานสุดใจ เขตอำเภอเมือง โดยช่วงก่อนเริ่มบทสนทนา ได้ข้อมูลมาว่า กิจการสอนทำอาหารไทยให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ของ  คุณเปิ้ล และ คุณหน่อย นี้มีชื่อเสียงกระฉ่อนไปไกลทั่วโลก ถึงขนาดไกด์บุ๊ก “อินเตอร” ชื่อดังอย่าง “โลนลี่ แพลเน็ต” เคยมาเก็บข้อมูลนำเสนอผ่านสื่อของตัวเองมาแล้ว

เกี่ยวกับประเด็นนี้ คุณหน่อย ยิ้มน้อยๆ ก่อนเล่า ความจริงกิจการของเธอ เป็นที่นิยม ในหมู่นักท่องเที่ยวมาก่อนจะมี “สื่อนอก” มาช่วยนำเสนอ อาจเพราะการบริการที่ไม่เหมือนใคร ทำให้มีการพูดกัน “ปากต่อปาก” กระทั่งรู้จักกันเป็นวงกว้าง

“หากมีลูกค้ามาที่ร้านอาหาร  เราจะเริ่มต้นด้วยการแนะนำรายการอาหารที่ควรทานเมื่อมาเมืองไทย รวมถึงสอนวัฒนธรรมการสั่ง ต้องทำยังไง เช่น ถ้าจะสั่งแกงนี้ควรทานคู่กับอะไรเพื่อลดความเผ็ด” คุณหน่อย ยกตัวอย่างและว่าการดำเนินกิจการในลักษณะนี้ อาจเป็นจุดเริ่มของพลัง “Word of Mouth” กระทั่งเกิดความสนใจมาเรียนทำอาหารไทยกับเธอในที่สุด

ซึ่งลูกค้ามักมาจากทวีปยุโรป อย่าง ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี อังกฤษ ช่วงแรกๆ เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ แต่ทุกวันนี้ มีหลากหลาย ทั้งนักศึกษามหาวิทยาลัย และคู่แต่งงานใหม่ ส่วนใหญ่อยากเรียนรู้เพื่อไปทำทานเอง เพราะถูกกว่าไปซื้อตามร้านอาหารไทยในประเทศของพวกเขา

พูดคุยมาถึงตรงนี้ นึกสงสัยฝีมือด้านอาหารได้มาจากไหน เจ้าของเรื่องราว เล่าแบบออกตัว เธอเป็นผู้หญิงรุ่นเก่า จึงได้รับการถ่ายทอดวิชาการเรือน มาจากคุณยายและคุณแม่ ซึ่งมีฝีมือด้านการทำอาหารพอตัว โดยเฉพาะรสชาติของพริกแกงนั้น “ถึงขั้น” มีคนเจาะจงให้ทำมานับไม่ถ้วน

ประกอบกับเคยมีความคิดอยากไปเปิดร้านอาหารไทยในต่างประเทศ จึงสมัครเข้ารับการฝึกอบรมในโครงการ “ครัวไทยสู่ครัวโลก” ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จนได้รับใบประกาศนียบัตร เป็นเครื่องมือการันตีความรู้ความสามารถได้ในระดับหนึ่ง

สำหรับขั้นตอนการเข้ามาเรียนการทำอาหารไทยกับกิจการของเธอนี้ คุณหน่อย อธิบาย แขกแบบ “วอล์กอิน” มีไม่มาก ส่วนใหญ่จ่ายเงินเข้ามาล่วงหน้า หลังจองผ่านทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งในการจองนั้นลูกค้าจะแจ้งข้อจำกัดเข้ามาก่อน เช่น ไม่ทานน้ำปลา เป็นมังสวิรัติ หรือ แพ้อะไรบ้าง ฯลฯ ทางทีมงานจะได้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย คิดเป็นเงินไทยตกราวหลักพันขึ้นต่อคน และหนึ่งครั้งของการสอน ต้องมีคนเรียนอย่างน้อย 4 คน ใช้เวลาเรียนหนึ่งวัน รวมการพาไป “จ่ายตลาด” ด้วย

“ต้องคุยกันก่อน ใครอยากทำอะไรเป็น ส่วนใหญ่เป็น แกง ผัด ลาบ ต้มจืด จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนของการสอนทฤษฎี ก่อนพากันไปจ่ายตลาด ให้เขาได้ดม ชม และชิม” คุณหน่อย เล่า

ก่อนบอกสาเหตุที่นำกิจกรรม “จ่ายตลาด” ยามเช้าไม่เกิน 10 โมง เข้ามารวมไว้ด้วยนั้น เพราะต้องการให้ชาวต่างชาติได้เรียนรู้ คนไทยกิน-อยู่กันอย่างไร ตลาดบ้านเราหน้าตาเป็นแบบไหน รวมถึงอยากให้พวกเขาได้เห็นวัตถุดิบแต่ละชนิด มีความต่างกันอย่างไร

“เวลาไปตลาด จะให้ลองดมผัก อย่าง โหระพา แมงลัก เพื่อรู้กลิ่นต่างกันยังไง เวลาไปซื้อทำเองที่บ้านเขา จะได้เลือกถูก  หรือพวก ข่า ขิง กระชาย ขมิ้น ต้องแยกให้ออก ที่ผ่านมาคนต่างชาติเห็นอะไรก็เป็นขิงไปหมด  เลยต้องพาไปตลาดเพื่อเรียนรู้ของจริง” คุณหน่อย อธิบายแนวคิดในแบบของเธอ

ถามถึงอุปสรรคการดำเนินธุรกิจนี้ คุณหน่อย นั่งนึกครู่หนึ่ง ก่อนเผย

“ช่วงแรกคนในตลาด ไม่ค่อยเข้าใจและต่อต้าน เพราะทางเดินในตลาดมันแคบ แถมฝรั่งรูปร่างใหญ่โตกันแทบทั้งนั้น ไปกันทีเป็นสิบคน ยืนบังหน้าร้านเขาหมด จึงต้องพยายามสร้างสัมพันธ์กับร้านค้าต่างๆ ก่อนอธิบายให้เข้าใจว่ากำลังทำอะไรอยู่ ระยะหลังจึงไม่ค่อยมีปัญหาแล้ว”

ด้านคู่แข่งทางธุรกิจ คุณหน่อย บอกมีบ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว เพราะส่วนใหญ่มักใช้กลยุทธ์ “ตัดราคา” ซึ่งเธอ คิดไม่ลงแข่งด้วย

เมื่อถามไถ่ถึงความตั้งใจในอาชีพ คุณหน่อย เผย กำลังคิดต่อยอด ด้วยการผลิตวัตถุดิบ เช่น พริกแกง น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขาม ฯลฯ ออกมาวางขาย เนื่องจากมี “รีเควสท์” จากชาวต่างชาติที่มาเรียน

“การทำงานหนัก คือ การลงทุนของเรา และจุดมุ่งหมายไม่ได้ทำเป็นธุรกิจอย่างเดียว  แต่อยากให้ต่างชาติได้เรียนรู้มารยาท-วัฒนธรรมไทยด้วย” และอยากสร้างความเข้าใจว่า อาหารไทยไม่น่ากลัว ซึ่งทุกวันนี้ หลายคนเริ่มรู้แล้วอาหารไทยทำให้สุขภาพดีได้จริง ทำให้มีความสุขกับงานตรงนี้ดี” คุณหน่อย บอกทิ้งท้าย ถึงกำไร ซึ่งมีค่ามากกว่าตัวเงิน

Apple & Noi Thai Cooking ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 153/4 หมู่ 4 (สะพานสุดใจ) ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี 71000 สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Facebook/ Apple’s Retreat หรือ www.applenoikanchanaburi.com