เผย 11 รายชื่อเกษตรกรเข้ารอบสุดท้าย “สุดยอดเมล็ดกาแฟไทย”

คุณอนันต์ ดาโลดม นายกสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะอำนวย การจัดประชุมการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟในอาเซียน ครั้งที่ 1 หรือ 1st ASEAN Coffee Industry Development Conference : (ACID 2018) เปิดเผยถึงความคืบหน้ าของการประกวดสุดยอดเมล็ดกาแฟไทย ACID 2018 (ACID 2018 THAILAND EXCELLENT COFFEE) ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพกาแฟไทยตั้งแต่ต้นน้ำ- ปลายน้ำ ว่า กิจกรรมการประกวดฯ นับว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ

คุณอนันต์ ดาโลดม

เนื่องจากในเบื้องต้นทางคณะผู้จัดงานฯ ตั้งเป้าผู้ส่งผลผลิตเมล็ดกาแฟเข้าประกวดเพียง 40 ตัวอย่าง แต่ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจในการพัฒนาคุณภาพเมล็ดกาแฟของเกษตรกร ประกอบกับ การประกวดรายการนี้เป็นรายการใหญ่ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในการพระราชทานถ้วยรางวัล ทำให้เกษตรกรเกิดการตื่นตัวในการส่งเมล็ดกาแฟเข้าร่วมประกวดจำนวนมากถึง 70 ตัวอย่าง

แม้การจัดการประกวดฯ ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรก แต่การคัดเลือกและการตัดสินถือว่ามีความเข้มข้นสูง โดยในการคัดเลือกรอบแรก คณะกรรมการได้ใช้เกณฑ์ การให้ คะแนนตามมาตรฐานของสมาคมกาแฟพิเศษสหรัฐอเมริกา หรือ SCAA (Specialty Coffee Association of America) ในการคัดเลือกเมล็ดกาแฟ และ ประเมินคุณภาพกาแฟโดยใช้ ประสาทสัมผัส (Cupping) ในส่วนของรสชาติ กลิ่น และ ความรู้สึกที่มีต่อกาแฟ จากนั้นในการคัดเลือกเมล็ดกาแฟที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิ ศทางคณะกรรมการได้ใช้เกณฑ์ การประเมินคุณภาพกาแฟตามมาตรฐาน COE (Cup of Excellence) ของ กลุ่มพันธมิตรเพื่อความเป็น        เลิศทางกาแฟ หรือ ACE (Alliance of Coffee Excellence)

ซึ่งคณะกรรมการตัดสินประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ทั้งนี้เพื่อต้องการค้นหา  สุดยอดเมล็ดกาแฟไทยที่มี ความโดดเด่นและมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติอย่างแท้จริง

โดยล่าสุดคณะกรรมการการประกวดสุ ดยอดเมล็ดกาแฟไทย ACID 2018 ได้มีการประกาศผลผู้ผ่านเข้ ารอบสุดท้ายที่มีคะแนนรวมสูงกว่า 82 คะแนน จำนวน 11 ราย ได้แก่

– กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิ ตทางการเกษตรจากโครงการสร้างป่ าสร้างรายได้ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนา อมก๋อย  บ้านขุนอมแฮดใน ต.สบโขง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ (Honey Process)

– กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรจากโครงการสร้างป่ าสร้างรายได้ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาอมก๋อย บ้านขุนอมแฮดใน  ต.สบโขง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ (Dry Process)

– นางสาวบงกชษศฏา ไชยพรหม ต.แม่ตื่น อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ (Wet Process)

– นายบัญชา ยั่งยืนกุล บ้านขุนช่างเคี่ยน ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ (Wet Process)

– นางสาวปนิดา คิดงาม ต.เทพเสด็จ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ (Wet Process)

– นายไพศาล โซ่เซ ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย (Wet Process)

– นางภัทรานิษฐ์ พรอิทธิกิจ บ้านผาฮี้ ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จ.เชียงราย (Wet Process)

– นายสิรวิชญ์ สิริโชควัฒนกุล บ้านแม่จันใต้ ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย (Wet Process)

– นายศิวกร โอ่โดเชา หมู่บ้านหนองเต่า ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ (Wet Process)

– ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่ สูงเชียงราย ต.ดอยช้าง อ.วาวี จ.เชียงราย (Dry Process)

– ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่ สูงเชียงราย ต.ดอยช้าง อ.วาวี จ.เชียงราย (Wet Process)

โดยการประกาศอันดับและผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศนั้นจะมีขึ้นในวันที่ 22 พ.ย.นี้  และ มีพิธีรับมอบรางวัล    ถ้วยพระราชทาน ในวันที่ 25พ.ย. ในการจัดงานโครงการประชุมการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟในอาเซียน ครั้งที่ 1 ณ จังหวัดเชียงใหม่

ด้านนายเซียะ เฉิน เซา ในฐานะประธานกรรมการการตัดสิ นการประกวดสุดยอดเมล็ดกาแฟไทย ACID 2018 และ กรรมการการตัดสิน COE ระดับนานาชาติ  กล่าวว่า กาแฟที่ผลิตได้จากประเทศไทย นับว่ามีการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่ างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราพบว่ากาแฟไทยที่ สามารถทำคะแนนได้เกิน 80 คะแนนมีปริมาณมากขึ้น จนถึงวันนี้มีกาแฟไทยจำนวนหนึ่ง สามารถทำคะแนนได้สูงกว่า 85 คะแนน ทำให้ก้าวขึ้นสู่กาแฟที่เรี ยกได้ว่าเป็นกาแฟพิเศษ หรือ Cup of Excellence อย่างแท้จริง ถือเป็นแนวโน้มที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมกาแฟของไทยในระดับสากล

ผลที่เกิดขึ้นจากการประกวดฯ ครั้งนี้ นอกจากจะแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ ของพื้นที่ปลูกกาแฟของไทย ความสามารถในการปลูก การดูแลต้นกาแฟ ผลผลิตกาแฟ และกระบวนการผลิตเมล็ดกาแฟของเกษตรกรไทยแล้ว  ยังแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือและความมุ่งมั่นของผู้อยู่ในอุตสาหกรรมกาแฟและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องของไทย ซึ่งร่วมมือกันพัฒนาและผลักดันให้ประเทศไทยและกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตกาแฟชั้นนำของโลกอีกด้วย