ผู้เขียน | ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง |
---|---|
เผยแพร่ |
พูดถึงอาหารทะเลหรือซีฟู้ด เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะไม่โปรดปราน ส่วนใหญ่มักชอบกินกันอยู่แล้ว ยิ่งเป็นพวกปู ปลา กุ้ง หอย ที่เพิ่งจับมาสดๆ ใหม่ๆ แล้วนำมาปิ้งๆ ย่างๆ อร่อยอย่าบอกใครเชียว ยิ่งได้น้ำจิ้มรสชาติแซบ เปรี้ยวๆ เผ็ดๆ กินแล้วหยุดยากจริงๆ และยิ่งถ้าได้กินกับพรรคพวกเพื่อนฝูงในบรรยากาศที่เป็นกันเอง โห…อะไรจะมีความสุขสนุกปานนั้น หลายคนคงเคยผ่านประสบการณ์การกินอาหารทะเลแบบนี้มากับเพื่อนๆ และยังรู้สึกประทับใจมิรู้ลืม
ด้วยความรู้สึกดีๆ แบบนี้เองที่ทำให้ “คุณสุรชัย แสงทอง” และเพื่อนพ้องอีก 6 คน ลงขันกันประมาณ 400,000 บาท เพื่อทำร้าน 7 SEA Chill & Grill ในสไตล์ฟู้ดทรัก เปิดขายอยู่ที่ตลาดนัดรถไฟ ใกล้กับห้างเอสพลานาด ซึ่งได้ทำเลเหมาะเจาะอยู่ตรงทางเข้าตลาดพอดี ใครไปใครมาก็ต้องผ่านต้องเห็น แถมยังตกแต่งได้เก๋ไก๋ชวนมองชวนถ่ายรูป เป็นที่ถูกตาต้องใจของเหล่าวัยรุ่นและคนทำงานทั้งหลาย ซึ่งบางคนไม่ได้มานั่งกินก็ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก พร้อมส่งให้เพื่อนฝูงดูเป็นขวัญตา
เปิดร้านตามกระแส
ในวันที่สนทนากันนั้น เหล่าเพื่อนพ้องของคุณสุรชัยยังมาไม่ครบ มีแต่คุณสุรชัยกับหุ้นส่วนอีกคน “คุณสิทธิชัย ตระสินชัย” มาร่วมให้ข้อมูลความเป็นมาของร้านนี้
คุณสุรชัย เล่าว่า หุ้นส่วนทั้งหมด 7 คน เป็นเพื่อนขี่รถฮาร์เลย์ด้วยกัน และมีความคิดอยากจะทำธุรกิจเพื่อจะได้เจอกันทุกวัน ดีกว่าขับรถเที่ยวไปเฉยๆ สุดท้ายมาลงตัวที่การเปิดร้านซีฟู้ดเพราะกำลังอยู่ในกระแสพอดี อีกอย่างเวลาที่เจอกันก็กินของพวกปิ้งย่างเป็นประจำอยู่แล้ว
ในบรรดาหุ้นส่วน 7 คนนั้น แต่ละคนมีอาชีพหลักของตัวเองอยู่แล้ว อย่างคุณสุรชัยมีอาชีพรับตกแต่งภายใน คุณสิทธิชัยทำกราฟิกฟรีแลนซ์ คุณณัฐพล ปุ่นอภิรักษ์ เจ้าของร้านเขาย้อยโภชนา คุณปฏิสิทธิ์ มงคล และ คุณภัทราวุธ เกษมพงษ์ เป็นเซลส์ขายรถฮาร์เลย์ คุณปริย เที่ยวประดิษฐ์ เป็นช่างภาพอิสระ และ คุณอนุวัตร นาคสมพันธุ์ อาชีพรับเหมาก่อสร้าง
เป็นโชคดีของหนุ่มทั้ง 7 นาย เพราะพอตกลงใจจะทำร้านซีฟู้ดก็ได้สูตรน้ำจิ้มเด็ดมาจากคุณแม่ของหุ้นส่วนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นครูสอนเชฟในเรื่องอาหาร ขณะที่พรรคพวกก็มีฟาร์มเลี้ยงหอยนางรมอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เลยทำให้ได้หอยนางรมสดๆ มาไว้บริการทุกวัน ในรูปแบบ “From The Ocean To Your Table”
7 SEA Chill & Grill เพิ่งเปิดเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี่เอง ท่ามกลางฝนตกเป็นบางวัน เลยทำให้บางวันหงอยเหงาไปบ้าง โดยร้านจะเปิดขายในวันพุธ-วันอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่ 17.00 น. ถึงเที่ยงคืน ซึ่งคุณสุรชัย บอก วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ลูกค้าจะแน่นมาก เริ่มตั้งแต่ช่วง 18.00 น. เป็นต้นไป แต่ช่วงหน้าฝนคนอาจจะมาน้อยเพราะกลัวฝนตก เฉลี่ยแล้ววันหนึ่งขายได้ประมาณ 30,000 บาท
บางวันลูกค้าแน่นมากจนต้องใช้โต๊ะเสริม จากเดิมที่มีอยู่ทั้งหมด 15 โต๊ะ นั่งได้โต๊ะละ 4 คน สามารถเสริมได้อีก 3 โต๊ะ โดยมักจะเสริมในวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ซึ่งนอกจากจะมีลูกค้าคนไทยแล้ว ยังมีต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีน ซึ่งมีมากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ บางวันลูกค้ายืนรอคิวกันนานถึง 10 กว่าคิว จนเจ้าของร้านต้องบอกให้ลูกค้าไปเดินเที่ยวตลาดก่อน หากโต๊ะว่างเมื่อไหร่จะโทรศัพท์แจ้ง
มี 4 ไซซ์ให้ลูกค้าเลือก
อย่างที่บอก จุดเด่นที่เห็นชัดเจนของ 7 SEA Chill & Grill ก็คือการตกแต่งร้าน ซึ่งเป็นฟู้ดทรักที่ดูดีมีตระกูล เป็นการดีไซน์ที่ใช้งานไม้และลายกราฟิกอย่างลงตัว ดังที่คุณสุรชัยแจกแจงว่า ลงทุนซื้อรถ 200,000 บาท เป็นรถบ้านนำเข้าของเยอรมนีขนาด 5.40 คูณ 2.20 เมตร ของเดิมมีทั้งห้องน้ำห้องครัว แต่รื้อทิ้งหมดแล้วทำเป็นครัว และเป็นซิงก์แทน
อีกจุดเด่นของร้านคือ น้ำจิ้ม ที่มีให้เลือกถึง 4 รสชาติคือ แบบซีฟู้ดเผ็ดมาก เป็นพริกสีเขียว แบบเผ็ดน้อย ใช้พริกสีแดง น้ำจิ้มแจ่ว และน้ำจิ้มหวาน ใครอยากได้ข้าวก็มีข้าวไรซ์เบอร์รี่ถ้วยละ 25 บาทขายด้วย รวมถึงผักสดและเห็ดจานละ 70 บาท ส่วนเมนูอื่นๆ ก็มี สลัดแซลมอนจานละ 199 บาท
สำหรับเมนูซีฟู้ดหลักๆ มี 3 set ให้เลือก อาทิ 7M ราคา 599 บาทสำหรับ 1-2 ท่าน ไซซ์ 7XL ราคา 999 บาทและ 7 custom ราคา 1399 บาท ส่วนเมนูพิเศษอย่างอื่นสามารถสั่งได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นหอยนางรมสดพร้อมเครื่องเคียง กุ้งมังกร กุ้งกระดาน หรือหอยหวาน
เรื่องเครื่องดื่มนั้นมีทั้งเบียร์และโคโรน่า เครื่องดื่มที่คล้ายๆ เบียร์ เพราะที่ร้านจะไม่เน้นแอลกอฮอล์ ไม่เน้นให้เมา
คุณสุรชัย บอกด้วยว่า แม้ที่ตลาดนัดรถไฟจะมีร้านซีฟู้ดหลายร้าน แต่ไม่รู้สึกว่าเป็นคู่แข่ง ขอทำร้านตัวเองให้ดีที่สุด และเน้นให้ลูกค้าเข้ามากินแล้วคุ้มสตางค์มากกว่า อีกทั้งไม่คิดจะขายแบบบุฟเฟ่ต์ เพราะมองว่าลูกค้าจะไม่ได้สัมผัสกับความอร่อยและความสดของวัตถุดิบ แต่จะไปมุ่งเรื่องปริมาณมากกว่า
ปัจจุบัน หุ้นส่วนทั้ง 7 คนจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาดูแลร้าน และได้จ้างพนักงานเสิร์ฟ รวมทั้งแฟนๆ ของหุ้นส่วนแต่ละคนก็จะมาช่วยกันขายด้วย
ถามถึงปัญหาอุปสรรค หนุ่มใหญ่รายนี้ระบุว่า หนักๆ เป็นเรื่องฝนมากกว่า อีกอย่างช่วงที่รัฐบาลห้ามเรือประมงที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายออกหาปลา ทำให้วัตถุดิบน้อยลง และต้นทุนสูงเพิ่มขึ้น เพราะทางร้านคัดไซซ์ด้วย อย่างเช่นจะเลือกกุ้ง 15 ตัว ต่อ 1 กิโลกรัม ไม่ใช่ใช้กุ้งขนาด 20-30 ตัว ต่อ 1 กิโลกรัม
กรณีเมื่อไหร่จะคืนทุนนั้น คุณสุรชัย ระบุว่า หุ้นส่วนทุกคนไม่ได้คิดเรื่องนี้ ขอแค่ให้ร้านอยู่ได้ก็พอใจแล้ว
ชี้สไตล์ร้านดึงดูดลูกค้าอันดับแรก
คุณสุรชัย มองว่า กระแสซีฟู้ดแบบฟู้ดทรักน่าจะไปได้อีกหลายปี เพราะตอนนี้เป็นช่วงแค่เริ่มต้น และที่กระแสมาแรงเพราะวัยรุ่นยุคนี้ชอบนั่งกินในร้านอาหารที่ไม่ใช่ร้านจริงจังอะไร แต่ขอให้มีสไตล์เก๋ไก๋ พร้อมกับชอบเซลฟี่ สรุปแล้วหน้าตาของร้านมาเป็นอันดับ 1 รองลงมาเป็นเรื่องรสชาติ
ด้านคุณสิทธิชัยตอบคำถามเรื่องการมีหุ้นส่วนหลายคนอาจจะเกิดปัญหาว่า ความเหมือนของทุกคนคือ ชอบฮาร์เลย์เหมือนกัน และอยู่กันแบบพี่น้อง เรื่องผลประโยชน์มาทีหลัง การเปิดร้านก็เพื่อให้ทุกคนมารวมตัวกัน ซึ่งที่ผ่านมาก็มีเถียงอะไรกันบ้าง แต่ดีตรงที่คุยกันแล้วจบ
เขามองว่า การที่ร้านอยู่ทางเข้าตลาดก็ดีอย่างเสียอย่าง ดีตรงที่ใครไปใครมาก็เห็นก่อน แต่เสียตรงที่ว่าลูกค้ามักจะขอเดินให้ทั่วก่อน แต่พอไปกินอะไรมาอิ่มแล้วก็ไม่อยากมากิน อย่างไรก็ตาม พอมาตลาดอีกครั้งก็จะมากินที่ร้าน เหมือนเป็นการสำรวจไว้แล้ว ซึ่งลูกค้าหลายคนมาเป็นลูกค้าประจำ เนื่องจากทำงานแถวๆ นี้
“จุดเด่นของเรา คือเป็นร้านซีฟู้ดที่ลงทุนตกแต่ง ร้านมีดีไซน์ และมีเมนูหลากหลาย เพราะพวกเราตั้งใจทำ ลูกค้ามาแล้วก็ชอบถ่ายรูปกัน เห็นร้านสวยก็เข้ามาชิม โดยเราใช้เตาถ่านไร้ควัน พอกินเสร็จก็มีน้ำมะกรูดให้ล้างมือ”
คุณสิทธิชัย เล่าด้วยว่า ทางร้านมีเฟซบุ๊กเพื่อสื่อสารกับลูกค้า (www.facebook.com/pages/7-sea-Chill-Grill-ตลาดนัดรถไฟรัชดา/1652219214994508?fref=ts ) และจัดกิจกรรมโปรโมตร้านอยู่เป็นประจำ อย่างเช่นวันแม่ที่ผ่านมาถ้าใครพาแม่มากินก็จะมีส่วนลดให้ หรือตอนนี้ถ้าใครสั่งชุด M แล้วถ่ายรูป แชร์ ไลก์ รับฟรี หอยหวาน 1 ชุด และถ้าใครสั่งชุด XL ถ่ายรูป แชร์ ไลก์ รับฟรี กุ้งลายเสือหรือกุ้งแม่น้ำ 1 ชุด
สนใจอยากไปพิสูจน์ว่าอาหารทะเลของ 7 หนุ่มแก๊งฮาร์เลย์แก๊งนี้สดใหม่อย่างที่คุยไว้หรือเปล่า ลองไปกินกันดู หรืออยากจะสอบถามข้อมูลอะไรติดต่อได้ที่ โทรศัพท์ (095) 713-0955, (084) 921-1191, (083) 087-2356