เกษตรกรเมืองเพชร จบป.6 ปลูกกล้วยหอมทองส่งเซเว่นฯรับปีละ 4แสนกว่า

ไม่ว่ายุคใดสมัยใดราคาของกล้วยหอมก็ไม่เคยตกเลย บางช่วงที่ขาดแคลนตกหวีละเป็นร้อยก็มี

สมัยก่อนการซื้อกล้วยหอมนั้นต้องซื้อเป็นหวี แต่เดี๋ยวนี้สะดวกขึ้น สามารถหาซื้อเป็นลูกได้ตามร้านสะดวกซื้อ อย่างร้านเซเว่น อีเลฟเว่น แต่จะมีเฉพาะในกทม.และปริมณฑลเท่านั้น

”คุณสุวิทย์  กิ่งแก้ว” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น นำคณะสื่อมวลชนจากส่วนกลางไปยังสหกรณ์การเกษตรท่ายาง จำกัด จังหวัดเพชรบุรี อันเป็นเกษตรกรกลุ่มใหญ่ที่ปลูกกล้วยหอมทองป้อนเซเว่นฯ และยังพาไปลุยสวนเพื่อพูดคุยกับเกษตรกรตัวจริงเสียงจริงเกี่ยวกับวิธีการปลูกกล้วยหอมทองให้ได้ลูกสวยน้ำหนักดี

img_8332

คุณสุวิทย์ กิ่งแก้ว(กลาง)

 ขายได้วันละแสนลูก

  ก่อนอื่นคุณสุวิทย์ให้ข้อมูลคร่าวๆว่าสหกรณ์ฯท่ายางเป็นแหล่งผลิตกล้วยหอมขนาดใหญ่สามารถผลิตกล้วยหอมทองได้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปเน้นความสะดวก รับประทานครั้งละ 1 ลูก และชอบที่สุกกำลังพอดี เปลือกมีสีเหลืองมากกว่าเขียว การจำหน่ายกล้วยลูกเดี่ยวจึงกลายเป็นกระแสนิยมของคนไทย สังเกตุได้จากปริมาณกล้วยหอมทองที่จำหน่ายผ่านเซเว่นฯที่มียอดขายเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยปัจจุบันเซเว่น ขายได้วันละเกือบ 100,000 ลูก ในราคาลูกละ 8 บาท เกินเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้

    ด้าน คุณมานะ บุญสร้าง หัวหน้าฝ่ายการตลาด สหกรณ์การเกษตรท่ายาง จำกัด เล่าถึงจุดเด่นของกล้วยหอมทองท่ายางว่า มีกลิ่นหอม รสชาติหวาน และมีเนื้อละเอียดกว่าที่อื่น  เพราะมีกรรมวิธีการปลูกที่แตกต่างจากที่อื่นโดยเลือกใช้หน่อพันธุ์แท้เท่านั้น เพราะการปลูกด้วยหน่อกล้วยนั้นจะช่วยป้องกันการกลายพันธุ์ได้

นอกจากนี้พื้นที่ปลูกยังมีดินที่แร่ธาตุดี น้ำอุดมสมบูรณ์  ซึ่งเป็นน้ำจากเขื่อนแก่งกระจาน  น้ำเขื่อนเพชร และน้ำบาดาล เป็นแหล่งน้ำที่ได้จากเขื่อนเป็นป่าต้นน้ำธรรมชาติของแม่น้ำเพชรบุรี ประกอบกับอำเภอท่ายางอยู่ใกล้ทะเล ไอของทะเลจะช่วยขับไล่แมลงที่จะมากัดกินทำให้พืชและผลผลิต โดยในช่วงฤดูร้อนหรือช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน สภาพอากาศจะช่วยให้ผลผลิตกล้วยเพิ่มมากขึ้น เพราะโดยธรรมชาติกล้วยชอบอากาศร้อนชื้น

คุณมานะบอกถึงการส่งกล้วยหอมทองขายในเซเว่นฯว่า เริ่มในปี 2556 ช่วงแรกส่ง วันละ 900 ลูก ล่าสุดปีนี้สูงถึงวันละ 28,000 ลูก และปีหน้าตั้งเป้าส่งขายในเซเว่นฯ 35,000 ลูกต่อวัน ซึ่งกล้วยหอมทองที่ส่งนี้จะอยู่หน้าร้านได้ประมาณ 2–3 วัน

 หัวหน้าฝ่ายการตลาด สหกรณ์ฯท่ายาง ยังบอกด้วยว่า ปัจจัยที่ทำให้ยอดจำหน่ายผ่านร้านเซเว่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทางเซเว่นฯ มีทีมงานให้คำแนะนำมีการพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่อเนื่อง เริ่มแรกที่ส่งขายเซเว่นฯ เป็นถุงธรรมดา เจาะรู ติดสติกเกอร์ให้เห็นโลโก้ ต่อมาเซเว่นฯให้คำแนะนำการพัฒนาแพ็กเกจให้ดูทันสมัย เก็บผลผลิตได้นาน ตอนนี้ปรับเป็นถุงที่เจาะรูเข็ม และกำลังจะพัฒนาถุงให้สามารถเก็บรักษา ยืดอายุได้นานยิ่งขึ้น เพื่อรักษาคุณภาพกล้วยหอมทองจากสวนให้มีสภาพสดใหม่ก่อนถึงมือลูกค้า  ซึ่งการได้เป็นคู่ค้ากับเซเว่นฯ จึงทำให้มีความมั่นใจในการประกอบอาชีพที่จะสร้างความมั่นคงและสร้างรายได้ที่แน่นอนให้กับกลุ่มเกษตรกร

สหกรณ์ฯดูแลควบคุมทุกขั้นตอน

นอกจากเกษตรกรที่นี่จะปลูกกล้วยหอมทองแล้ว ยังปลูกกล้วยไข่ และกล้วยน้ำว้าด้วย ทั้งนี้สหกรณ์ฯท่ายางถือเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการปลูกกล้วยเป็นอย่างดี เพราะสมาชิกที่มีอยู่ทั้งหมด 2000 กว่าราย  โดยในจำนวนนี้ 350 ราย ที่มีพื้นที่ปลูกกล้วย 1200 ไร่ ส่งออกไปญี่ปุ่น และตอนนี้หลายรายก็ยังปลูกขายให้ญี่ปุ่นควบคู่กับการส่งขายในเซเว่นฯ  แต่จะแยกแปลงกันปลูก นอกจากนี้ทางสหกรณ์ยังมีการขยายห้องแพ็คและห้องบ่มเพื่อรองรับปริมาณกล้วยที่เพิ่มมากขึ้นตามความต้องการของผู้บริโภค

การดำเนินงานของสหกรณ์ฯท่ายางนับเป็นตัวอย่างหนึ่งของการรวมกลุ่มของเกษตรกรและมีวิธีการบริหารจัดการที่ดี ทำให้ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพสม่ำเสมอและสามารถป้อนสินค้าให้กับคู่ค้าได้อย่างต่อเนื่อง

มาดูกันว่าสหกรณ์ฯแห่งนี้มีวิธีบริหารจัดการอย่างไร ประเด็นนี้คุณมานะแจกแจงว่า ทางสหกรณ์มีการประกันราคาให้กับสมาชิก มีเงินกู้ให้ และให้คำแนะนำในการปลูกตั้งแต่เริ่มจนถึงเก็บเกี่ยว และมีเจ้าหน้าที่ไปตัด ระยะเวลาปลูกตั้งแต่ 1-9 เดือน ต้องมีการวางแผน รวมถึงช่วงเวลาในการใช้ปุ๋ย โดยช่วง 4-5 เดือนจะมีเจ้าหน้าที่ไปดูว่าลำต้นแข็งแรงหรือไม่  พอ7 เดือนกล้วยตกปลี  จากนั้น 45 วันสามารถตัดส่งขายได้  ต้องให้กล้วยแก่ประมาณ 80-95 % ตามที่เซเว่นฯต้องการ เพราะจะได้ทั้งเรื่องรสชาติและสี และเมื่อตัดเสร็จแล้วจะนำมาเข้าขั้นตอน ล้าง เป่าและแพกเกจจิ้งที่สหกรณ์

img_8357

ปัญหาอย่างหนึ่งของกล้วยหอมทองคือ หน้าฝนสมาชิกไม่สามารถปรับพื้นที่ได้ และพอปลายปีช่วงหน้าหนาวจะให้ผลผลิตน้อย

พูดได้ว่าสหกรณ์ฯท่ายางควบคุมดูแลทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การเลือกหน่อพันธุ์เลย ในส่วนของราคาประกันนั้น ต่ำสุดให้ลูกละ 1.50 บาท สูงสุดอยู่ที่ 3บาท ถึง 3 บาทกว่า บางเครือได้ 65-70 ลูก ปัจจุบันสหกรณ์ฯส่งให้เซเว่นฯ วันละ 4000-5000 ตัน และส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นเดือนละ 15 ตัน โดยขายในราคากิโลกรัม(ก.ก.)ละ 20 กว่าบาท ต่อลูกหนัก110 กรัม ขณะที่ส่งขายเซเว่นฯหนักลูกละ 120 กรัม

ทีนี้มาฟังผู้ปลูกกล้วยหอมทองอย่าง”คุณพุฒิภูมิ ทองประเสริฐ”  เกษตรกรวัย 49 ปีกันดูบ้าง หนุ่มใหญ่รายนี้ ปลูกส่งสหกรณ์ฯมา5-6 ปีแล้ว ในพื้นที่ 10 ไร่ ที่บ้านท่าทุ่งแฝก ต.ท่าคอย อ.ท่ายาง สมัยก่อนเขาปลูกมะนาวและพืชล้มลุกอย่างอื่นมา อาทิ แตงและถั่ว  แต่เจอปัญหาเพลี้ยไฟ ไรแดง และเป็นพืชที่ต้องใช้สารเคมี ทำให้สุขภาพแย่ เมื่อสหกรณ์ฯมาแนะนำให้ปลูกกล้วย และเห็นว่าสหกรณ์เป็นผู้มารับซื้อในราคาประกัน จึงสนใจและปลูกเรื่อยมาโดยปลูกแบบไม่ใช้สารเคมี ทำให้เขามีรายได้หลังค่าใช้จ่ายปีละ 3แสนกว่าบาท มากกว่าตอนปลูกมะนาวเสียอีก แถมสุขภาพยังดีไม่เจ็บไม่ป่วยเหมือนที่ผ่านมา

คุณพุฒิภูมิ ซึ่งแม้จะเรียนจบแค่ป.6 แต่ประสบการณ์ในอาชีพเกษตรกรอยู่ในระดับขั้นเทพ เล่าถึงการปลูกกล้วยหอมทองว่า ก่อนปลูกกล้วยทิ้งแปลงไว้1-2 เดือน เพื่อฆ่าเชื้อโรค มีการเตรียมดิน ขุดร่อง ตีหลุมให้กว้าง สัก 50 เซนติเมตร(ซม.) ลึก 30 ซม. ห่าง 2คูณ 2 เมตร พร้อมกันนั้นคัดหน่อพันธุ์ที่สมบูรณ์ หน่อจะต้องหนักประมาณ 2-3 ก.ก. ตอนแรกซื้อมาหน่อละ 4 บาท  ให้น้ำ 5-7 วันต่อครั้ง ไม่ได้ฉีดยาฆ่าหญ้า ดูแลด้วยการใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักจากมูลสัตว์  โดยให้ปุ๋ยเดือนละครั้ง

img_8386

ต้องตัดแต่งใบ-หน่อ

ที่สำคัญต้องตกแต่งใบตลอดหลังจากออกเครือแล้ว แต่ละต้นควรเหลือใบไว้7-9 ใบ เพราะถ้ามีใบเยอะจะทำให้รกรุงรัง และใบจะไปสีกับลูกกล้วย ทำให้เกิดจุดด่างดำ ไม่สวย และทำให้สวนไม่โปร่ง อีกทั้งถ้าทิ้งให้ใบเหลืองแห้งจะทำให้เกิดโรคเชื้อราและเกิดปัญหาแมลง

“พอดีพี่ชายผมเลี้ยงวัวก็นำขี้วัวมาใส่ ปลูกกล้วยหอมทองต้องตัดแต่งใบ อาหารจะได้ไปเลี้ยงลูกได้สมบูรณ์ ปัญหาหนึ่งของกล้วยคือ เจอเพลี้ยแป้ง ถ้าระบาดมากต้องตัดใบทิ้ง ซึ่งมักจะเกิดปัญหาช่วงหมดฝน หน้าฝนไม่ค่อยระบาด และเมื่อกล้วยออกหน่อจะต้องตกแต่งหน่อให้เหลือเพียงหน่อเดียว เพื่อไม่ให้ไปแย่งอาหารของกล้วย บางต้นอาจจะเหลือสองหน่อกรณีที่สมบูรณ์จริงๆ ปกติจะเหลือแค่หน่อเดียว เพื่อใช้เป็นพันธุ์ต่อไป”คุณพุฒิภูมิกล่าวและว่า จะต้องมีการพรวนดิน และถากหญ้าพร้อมกันไปด้วย ปกติปุ๋ยซื้อเป็นลูกๆละ 50 ก.ก. ใช้ 10 ลูกต่อ 2 ไร่ ไร่หนึ่งใช้ประมาณ  200 ก.ก.  ราคาลูกละไม่เกิน 500 บาท

ในการปลูกกล้วยหอมทองนี้คุณพุฒิภูมิระบุว่า กล้วยเครือหนึ่งหลักมีประมาณ 7 หวี เฉลี่ยหวีละ 14 ลูก เครือหนึ่งๆหนัก12-15 ก.ก. ขายให้สหกรณ์ฯก.ก.ละ 13 บาท  คิดต้นทุนตกไร่ละ 2-3 หมื่น  ได้กำไรไร่ละ 3-5 หมื่นบาท โดยปีแรกเป็นการลงทุนที่มากหน่อยเพราะต้องซื้อหน่อ ซึ่งแม้การปลูกแบบไม่ใช้สารเคมีผลผลิตจะได้ไม่มาก แต่ถือว่าคุ้มค่าเพราะต้นทุนต่ำกว่า สุขภาพร่างกายแข็งแรง  อย่างไรก็ตามช่วงที่กล้วยยังไม่ให้ผลผลิตก็ปลูกพืชอื่นเสริมอย่างถั่วพู เพื่อให้มีรายได้เสริมตลอด

สวนกล้วยของคุณพุฒิภูมิที่สื่อมวลชนไปเยี่ยมชมนั้นมีพื้นที่ 6ไร่ ส่วนอีก 4 ไร่ของเขากระจายไปในหลายแปลง ใครไปเห็นต่างเอ่ยปากชมสวนที่เป็นระเบียบเรียบร้อยแห่งนี้ ซึ่งเจ้าตัวให้เหตุผลว่า สวนกล้วยที่ดีจะต้องโปร่งให้มีแสงแดดผ่าน

วันที่ไปนั้นเป็นวันเดียวกับที่ทางเจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯมาตัดกล้วยพอดี สังเกตเห็นชัดว่ากล้วยของสวนคุณพุฒิภูมิมีขนาดใหญ่ๆใกล้เคียงกัน และแต่ละลูกแต่ละหวีผิวสวยไม่มีรอยด่างดำ ทั้งๆที่ตอนออกเครือแล้วไม่ได้นำถุงหรือภาชนะใดๆมาครอบ ส่วนหนึ่งเพราะเขาตัดแต่งใบอยู่ตลอด

นับว่าคุณพุฒิภูมิเป็นเกษตรกรปลูกกล้วยหอมทองอีกรายที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สนใจอยากไปดูสวนของเขาหรือ ไปซื้อหน่อพันธุ์ ติดต่อสอบถามได้ที่ 083-806-7875