ทำความรู้จัก ขนมตดหมา และต้นตดหมา ที่ชาวบุรีรัมย์จัดให้นายกฯตู่

ช่วงที่ นายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำทัพคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่ ที่จังหวัดบุรีรัมย์

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวชุมชนโฮมสเตย์ บ้านสนวนนอก อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ชาวบ้านสนวนนอก ยังมีวิถีการดำรงชีวิตความเป็นอยู่โบราณตามแบบวิถีชุมชนเขมร และมีการจัดการด้านการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดบุรีรัมย์

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา  เผยว่า ชาวบ้านนำของกินที่เป็นผลิตผลจากชุมชนท้องถิ่นมาวางจัดแสดงและจำหน่ายมากมาย รวมถึงขนมโบราณหลายอย่างให้คณะของนายกรัฐมนตรี ได้ลองลิ้มชิมกัน เช่น ขนมอันซอมกะบ็อง (ขนมต้มด่าง), ขนมเนียล (ขนมกะลา), ขนมตรูย (ขนมกะลา), ขนมพะบู (ขนมฝักบัว), แต่อะไรก็ไม่น่าสนใจเท่า “ขนมเวือระพอม” ที่วัสดุทำจากกล้วยและแป้ง รสชาติคล้ายๆ “ขนมจาก” แต่ห่อด้วยใบตองแล้วนำมาปิ้งจนหอมกรุ่น เรียกกันภาษาไทยว่า “ขนมตดหมา”

และจากชื่อ ขนมตดหมา นี้เอง ที่หลายคนสงสัยว่า หน้าตามันเป็นอย่างไร และมันทำมาจากอะไร

“เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” อาสาค้นข้อมูลมาให้ดังนี้

ขนมตดหมา มีส่วนผสมสำคัญคือ รากตดหมา ซึ่งเป็นพืชชนิดหนึ่ง เป็นไม้เลื้อย มีอีกชื่อหนึ่งว่า กระพังโหม (รายละเอียดพืชชนิดนี้ อยู่ท้ายเรื่อง)

ปกติ ต้นตดหมา หรือกระพังโหม หรือ ตดหมูตดหมา มีลำต้นและใบที่มีกลิ่นฉุน จึงเรียกกันว่า ตดหมา  ขนมชนิดนี้จึงนับเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านชนิดหนึ่ง เพราะชาวบ้านฉุกคิดได้ว่า กลิ่นแบบนี้น่าจะนำมาดัดแปลงเป็นของกินได้ และก็เป็นขนมพื้นถิ่นของจังหวัดบุรีรัมย์มาแต่โบราณกาล

ขอบคุณภาพ จากนักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล 

 

วิธีการทำ ชาวบ้านจะนำรากตดหมามาล้างและหั่น  แล้วนำไปต้ม

นำน้ำที่ได้จากการต้ม รากตดหมา  มาผสมกับ แป้งข้าวเหนียว น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลแดง มะพร้าวทึนทึกขูด นำทุกอย่างมาผสมกัน แล้วนวดให้เข้ากัน

จากนั้น นำไปห่อใส่ใบตอง แล้ว ปิ้งให้สุก

หน้าตาจึงออกมาคล้ายขนมจาก แต่ห่อด้วยใบตอง ที่สำคัญมีส่วนผสมของสมุนไพร อย่าง รากตดหมา ด้วย

ทั้งหมดนี้ ใครจะลองไปทำ หรือทำขายก็ไม่ว่ากัน

 

แต่ที่สำคัญ ต้องหาส่วนผสมหลัก คือรากตดหมาให้ได้ก่อน

รากตดหมา ขอบคุณภาพ จากนักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล 

พูดถึง ตดหมา คุณอดุลย์ศักดิ์ ไชยราช คอลัมนิสต์เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์ ได้เคยนำเสนอเรื่องราวของ ตดหมา ไว้ดังนี้

“ตดหมูตดหมา”  เป็นไม้เถาเลื้อยประเภทล้มลุก ลำต้นขนาดเล็ก ลำต้นและใบมียางสีขาว เมื่อเด็ดขยี้ มีกลิ่นเหม็นคล้ายกลิ่นตด ใบเป็นประเภทใบเดี่ยว รูปเรียวยาว หรือรูปหอก ออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน สีเขียว เนื้อใบบาง ก้านใบสั้น เส้นใบโค้งจรดกันที่ใกล้ขอบใบ ใบกว้าง 10-25 มิลลิเมตร ยาว 10-15 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อตรงซอกใบหรือโคนก้านใบ ช่อละ 2-3 ดอก กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ขนาดเล็ก กลีบดอก 5 กลีบเชื่อมติดกันตรงโคนกลีบ ปลายกลีบแยกจากกัน กลีบด้านนอกสีขาว ด้านในสีม่วงแดงหรือสีชมพู ปะด้วยจุดสีม่วงจุดสีน้ำตาล เกสรตัวผู้มี 5 อัน เกสรตัวเมียมี 1 อันอยู่ตรงกลาง ผลเป็นฝักยาวสีเขียว ยาวประมาณ 4-7 เซนติเมตร กว้าง 1-4 เซนติเมตร

ตดหมูตดหมา เป็นชื่อที่คนส่วนใหญ่เรียกกัน มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “กระพังโหม” เป็นพืชในวงศ์ ASCLEPIADACEAE ชื่อวิทยาศาสตร์ Oxystelma esculentum Linn.R.Br เป็นพืชที่ขึ้นได้ทั่วไป ในป่าธรรมชาติและบริเวณในสวน ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดและเพาะเลี้ยงต้นอ่อน นิยมปลูกขึ้นเลื้อยตามรั้วบ้าน เพื่อเก็บยอดอ่อน ใบอ่อน รับประทานเป็นผักแกล้มลาบ ยำ พล่า ก้อย หรือน้ำพริก มีบางท้องถิ่นเห็นเก็บมาวางขายตลาดสดกันก็มี

แฟ้มภาพ  ต้นตดหมา จาก เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์

ตดหมูตดหมา หรือ กระพังโหม เป็นที่นิยมในมวลหมู่ชาวเมืองเหนือ อีสาน ใช้รับประทานเป็นผักสด ร่วมกับน้ำพริก ลาบขม ก้อย ชาวใต้นิยมนำไปหั่นฝอย ผสมปรุงข้าวยำ คนโบราณใช้น้ำคั้นจากเถาและใบ ผสมปรุงขนมขี้หนู ทำให้ขนมมีสีเขียว ส่วนดอกมีการนำมารับประทานกันเป็นผักสดบ้าง แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยม ยอดอ่อนและใบมีรสขมมัน กลิ่นเหม็นเขียว บางคนก็ว่าหอมเหมือนตดตนเอง ช่วยระบายความร้อนในร่างกาย ประโยชน์ทางยา นับได้ว่าเป็นสมุนไพรตัวหนึ่ง ที่มีสรรพคุณรักษาอาการอักเสบบริเวณคอ ปาก รักษาบาดแผล เป็นยาระบายอ่อนๆ สำหรับเด็ก รากมีสรรพคุณ แก้โรคดีซ่าน

มักพบพืชชนิดนี้ในสวน ป่าละเมาะ ชาวบ้านต้องตัดฟันทิ้ง เพราะเป็นเถาเลื้อยพันต้นไม้อื่นไปทั่ว ยอดอ่อนสีเขียวอมแดง มีขนอ่อนคลุม บางพื้นที่ที่มีดินดี น้ำสมบูรณ์ จะแตกยอดอวบอ้วน ที่กันดาร ยอดจะลีบเล็ก

ส่วน คำว่า “กระพัง” แปลว่า แอ่งน้ำ บ่อน้ำ หนองน้ำ “โหม” แปลว่า บูชายัญ เซ่นบวงสรวง กระพังโหม จึงเป็นชื่อที่เพราะกว่า มีความหมายว่า เครื่องเซ่นบวงสรวงบูชาแอ่ง บ่อ หนองน้ำ เพราะกว่าตดหมูตดหมา ซึ่งเป็นคำที่อธิบายคุณลักษณะชัดเจนเกินไป จนมีบางคนเรียกว่า ตูดหมูตูดหมา ฟังดูนุ่มนวลขึ้นหน่อย แต่ทางเหนือมักพบในสวนในป่าละเมาะ ที่ต้องตัดทิ้ง เรียกว่า หญ้าตดหมา เป็นวัชพืชที่ทำให้ต้นพริก มะเขือตายได้ แต่ถ้าตั้งใจปลูกเลี้ยงไว้ขึ้นค้างขึ้นรั้วไว้เก็บกิน ก็จะเรียกว่า ผัก ส่วนใหญ่หลายพื้นที่จะเรียกต่างกัน ก็ดูจากคุณลักษณะของพืชนี้เป็นสำคัญ ในภาคกลาง บางแห่งเรียก สะอึก คงเพราะแก้อาการสะอึกได้ โดยการขยี้ดม หรือบางที่เรียก จมูกปลาหลด จมูกปลาไหล เพราะใบยอดมีลักษณะเหมือนมีสีคล้ายๆ ทางโคราช เรียก ตะมูกปลาไหล อุดรธานี เรียก ตะมูกปลาไหล มหาสารคามเรียก เครือไส้ปลาไหล สกลนคร เรียก กระเดียวเผือ เชียงใหม่เรียก ผักไหม คงเป็นเพราะใบมีขนอ่อนสีเขียวอมแดง เลี่ยมเงาคล้ายผ้าไหม

ลิงก์ข่าวจากเทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์  ตดหมูตดหมา เป็นผักเป็นหญ้า และเป็นยา