‘หม่าล่า’ ปิ้งย่างถูกใจวัยรุ่น อาชีพเสริมของช่างภาพหนุ่ม พร้อมขายแฟรนไชส์แนวใหม่ ‘ใจเขาใจเรา’

หม่าล่า อาหารชนิดนี้ เริ่มแพร่หลายในเมืองไทย

โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่น ที่นิยมการเดินตลาดนัดเกิดใหม่ยามค่ำคืน ย่อมรู้จักเป็นอย่างดี

หม่าล่า เป็นอาหารปิ้งย่างชนิดหนึ่ง บางคนอ่านว่า หมาล่า หรือเรียกกันติดปากว่า หมาล่า แต่จริงๆ มันคือ หม่าล่า (มี ไม้เอก ด้วย) ซึ่งมาจากภาษาจีนแปลว่า เผ็ดชา ซึ่งก็คือ อาหารปิ้งย่างที่มีรสเผ็ดชา นั่นเอง

คุณชัชวาลย์ นิจงาม หรือ คุณเติ้ล เล่าให้ฟังว่า มีอาชีพหลักเป็นพนักงานบริษัท ตำแหน่งช่างภาพ แต่ใช้เวลาว่างหลังเลิกงานมาขายหม่าล่า อยู่ที่ ประชานิเวศน์ 1 โดยมีแฟนสาว เป็นผู้ดำเนินกิจการหลัก และเขาเป็นผู้ช่วย แต่กระบวนการสร้างอาชีพตั้งแต่ต้นจนจบมาจากที่ตัวคุณเติ้ลเอง

คุณเติ้ล เล่าว่า เขาก็เป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง ที่อยากมีกิจการเป็นของตัวเอง และต้องการหารายได้เสริม  จึงค้าขายออนไลน์มาแล้วนับไม่ถ้วน หรือแม้กระทั่งเคยไปซื้อแฟรนไชส์กาแฟยี่ห้อหนึ่งมา แต่ก็ไปไม่รอด

 

กระทั่งเขามาสะดุดที่ธุรกิจปิ้งย่าง ที่ชื่อว่า หม่าล่า นี้เอง

ครั้งแรกที่เขาชิม ก็พอใจในรสชาติ ประกอบกับเป็นอาหารยอดนิยมของวัยรุ่น  เขาจึงสนใจที่จะสร้างกิจการจากอาหารชนิดนี้ขึ้นมา

นอกจากนี้ อีกเหตุผลหนึ่งคือ อยากให้น้องชายได้มีอาชีพสักอย่างหนึ่งทำเป็นเรื่องเป็นราวด้วย

จากนั้น เขาเริ่มแกะสูตร ทั้งส่วนผสมของพริก และซอส

พริกที่นำมาใช้กับหม่าล่า เป็นพริกจากประเทศจีน ที่มีผู้นำมาขายกันหลายเจ้าในปัจจุบัน ครั้งแรกเขาก็สั่ง และนำมาใช้ที่ร้าน แต่ต่อมาก็สามารถผสมเครื่องปรุงลงในพริก และสร้างเป็นสูตรของตัวเองขึ้นมา

คุณเติ้ล บอกว่า หม่าล่า เป็นสูตรดั้งเดิม ที่ขายกันทางภาคเหนือ ก็จะมีแค่เนื้อสัตว์ หรือผักเสียบไม้ ทาน้ำมันหอย หรือน้ำมันงา แต่เขาว่ารสชาติมันธรรมดาไป ไม่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าทางภาคอีสาน ที่เขาต้องการให้น้องชายไปขาย  จึงคิดสูตรขึ้นมาใหม่ ให้มีลักษณะ “แซ่บ นัว” มากยิ่งขึ้น

ครั้งแรกเปิดขายที่ จ.หนองคาย ยอดขายได้วันละ 150 ไม้  แต่เขาคิดว่าน่าจะขยายตลาดและฐานลูกค้า และบังเอิญมีรุ่นน้องคนหนึ่งอยากทำ เขาจึงให้เปิดที่ จ.อุดรธานี อีกสาขาหนึ่ง  ซึ่งมียอดขายดีกว่าที่จ.หนองคาย เป็นเท่าตัว

การเปิดสาขา ทำให้เขาเรียนรู้กระบวนการจัดการ ทั้งการสั่งซื้อวัตถุดิบ การสต๊อกสินค้าและการจัดส่ง กระทั่งมาเปิดที่ สาขาประชานิเวศน์ 1 กทม. อีกเป็นสาขาที่ 3

หลังจากเปิดได้ไม่กี่เดือน มีคนสนใจอยากนำเปิดบ้าง  แต่ติดอยู่ที่ว่า ไม่มีเงินมากพอ คุณเติ้ล ก็บอกว่า “งั้นมาคุยกัน”

คุณเติ้ล เล่าว่า จากที่เขามีประสบการณ์การซื้อแฟรนไชส์กาแฟ และไปไม่รอด เขาได้บทเรียนคือ การทำแฟรนไชส์ อย่าบีบกันจนเกินไป วัสดุที่ใช้หรือวัตถุดิบตัวใดที่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ หรือแฟรนไชซี สามารถหาได้เอง ก็ควรให้จัดซื้อเอง เพื่อประหยัดต้นทุน มิเช่นนั้น แฟรนไชซี จะคิดว่า ทำได้เท่าไหร่ ก็เป็นของผู้ขายแฟรนไชส์หมด

ดังนั้น หากใครที่สนใจจะเปิดร้าน หม่าล่า 5 เหรียญ ในแบบที่คุณเติ้ลทำอยู่ เขาว่า “มีความยืดหยุ่นมากๆ” ขอเพียง “มีใจ และมุ่งมั่น” ที่จะทำจริงๆ  เงื่อนไขอื่นๆ คุยกันได้หมด

“ผมเคยเจอมาแล้วไง คืออยากทำร้านกาแฟไปซื้อแฟรนไชส์  ผมก็ไปกู้เงินเค้ามาเลยนะ แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด ผมว่า มันต้องให้คนอื่นได้หายใจด้วยไง ใจเขาใจเรา  ฉะนั้น สิ่งที่ผมทำในตอนนี้คือ ใครสนใจ มาคุยกัน เรื่องเงินมีเท่าไหร่ ว่ามา วัสดุอุปกรณ์ตัวไหนที่พอหาได้ หรือไม่ต้องซื้อ ก็ใช้ของเดิม  แต่หลักๆ คือ ถ้าจะใช้ชื่อแบรนด์ หม่าล่า 5 เหรียญ ต้องใช้ซอส และพริกของผมเท่านั้น”

อย่างที่กล่าวข้างต้น ปัจจุบัน คุณเติ้ลขายหม่าล่า 5 เหรียญ กับแฟน ที่ประชานิเวศน์ 1 ยอดขายไปได้สวย ราว 250-300 ไม้ต่อวัน (ราคาไม้ละ 10-15 บาท) และมีรูปแบบการขายแฟรนไชส์ที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากมีอาชีพจริงๆ

ใครสนใจติดต่อ คุณเติ้ล ได้ที่อินบ๊อกซ์ เฟซบุ๊ก หม่าล่า 5 เหรียญ หรือ แอดไลน์ @5coin  หรือที่โทร. 087-438-9866

ทั้งนี้ หม่าล่า 5 เหรียญ ของคุณเติ้ล จะไปออกงาน Fun Food Fair แม่มณีชวนชิม
ระหว่างวันที่ 22-25 มี.ค. 61  @เอ็มซีซีฮอลล์ เดอะมอลล์บางกะปิ ใครที่่สนใจ ตามไปดู ไปชิม กันได้เลย