‘ผงจิ้งหรีด’ แหล่งโปรตีนชั้นดี ยุโรปนิยมทาน ส่งออกทั่วโลก

ไม่ได้เป็นแค่แมลงทอดหาบเร่ข้างทางอีกต่อไปแล้ว โดยพบว่าในประเทศไทยเองมีฟาร์มจิ้งหรีดมากถึง 2 หมื่นฟาร์มทั่วประเทศ

เพราะปัจจุบันจิ้งหรีดถือเป็นแมลงเศรษฐกิจชนิดหนึ่ง ที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) แนะนำให้ผู้บริโภคทั่วโลกทาน เนื่องจากเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี ซึ่งจิ้งหรีด 3 ขีด มีปริมาณโปรตีนเท่ากับเนื้อสัตว์ 1 กิโลกรัม ที่สำคัญ ยังมีกรดอะมิโน โอเมก้า ไคตินซึ่งเป็นสารเพื่อความงามอีกด้วย

บริษัท โกลบอล บั๊กส์ เอเชีย จำกัด (Global Bugs Asia Co., Ltd.) ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ ผงโปรตีนจากจิ้งหรีด ภายใต้ชื่อแบรนด์ เอ็นโต พาวเดอร์ (Entopowder) พร้อมเปิดตัวโรงงานผลิตและฟาร์มระบบปิดแบบครบวงจร ทำตั้งแต่การอนุบาลจิ้งหรีดไปจนถึงขั้นตอนการใช้นวัตกรรมเพื่อแปรรูปให้เป็นผงโปรตีน ที่ตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

คุณกณิศนันท์ ธัญธิติวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท โกลบอล บั๊กส์ เอเชีย จำกัด เล่าให้ฟังว่า กว่าจะมีวันนี้ทำฟาร์มทดลองมาแล้ว 5 ปี โดยเริ่มตั้งแต่การทำฟาร์มแบบระบบเปิดเหมือนทั่วไป แต่พบว่ายังไม่ได้มาตรฐานสากล เนื่องจากต้องส่งออกจึงเพิ่มมาตรฐานให้กับฟาร์มจิ้งหรีดเปลี่ยนเป็นระบบปิด เพิ่มมาตรฐานด้วยการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น ความสะอาด โดยความคิดนี้ตกผลึกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ประมาณปี 2559 หลังจากนั้นก็วิจัยและพัฒนามาโดยตลอด

หลังเปลี่ยนฟาร์มเป็นระบบปิด ก็ได้รับการรับรองจาก Edible insects : future prospects for food and feed security โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

 

เลี้ยงระบบฟาร์มปิด ควบคุม 5 เรื่องสำคัญ

ในส่วนของฟาร์มนั้น คุณธนาภูมิ ม่วงเอี่ยม หรือ คุณเอก ผู้ร่วมก่อตั้งและเจ้าหน้าที่บริหารงานฟาร์มและควบคุมคุณภาพ อธิบายว่า จิ้งหรีดที่นำมาแปรรูปคือจิ้งหรีดพันธุ์ทองแดงลาย หรือที่เรียกกันในชื่อจิ้งหรีดขาว ซึ่งเป็นจิ้งหรีดขนาดเล็ก มีลำตัวสีน้ำตาลเข้ม มีหนวดยาว 1 คู่

ตัวเมียจะมีอวัยวะวางไข่บริเวณก้น ลักษณะเป็นทรงกระบอกเล็กและยาวคล้ายท่อประมาณ 1.5 ซม. โดยช่วงชีวิตของตัวเมีย 1 ตัวจะวางไข่ได้ประมาณ 1,200-1,500 ฟอง แล้วแต่สายพันธุ์

เลี้ยงในแผงไข่ ในฟาร์มระบบปิด ซึ่งเป็นวิธีการเลี้ยงที่ดีที่สุดและเป็นที่นิยมของฟาร์มจิ้งหรีดทั่วประเทศ โดยในทุกขั้นตอนการเลี้ยงจะมีการวิจัยและพัฒนาอยู่ตลอดเวลาเพื่อหาสิ่งที่เหมาะสมที่สุด

เน้นควบคุม 5 เรื่องสำคัญคือ อุณหภูมิ ความชื้น ความสะอาด อาหาร และน้ำ ซึ่งการควบคุมอุณหภูมิ จะใช้ระบบระบายอากาศเข้ามาช่วยให้เหมาะสมแต่ละช่วงวัย

โดยตั้งแต่ช่วงวัย อนุบาล อายุ 6 วัน จนถึง 20 วัน และช่วงโตเต็มวัย อายุ 45 วัน การให้อาหารจะเหมือนกัน คือ เช้ากับเย็น ใช้สาหร่าย รำข้าว เป็นอาหาร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสูตรอาหารของแต่ละที่

ส่วนการให้น้ำ คุณเอก บอกว่า วัยอนุบาลค่อนข้างอ่อนแอ หยดน้ำเพียงหยดเดียวสามารถทำให้ตายได้ จึงต้องใช้ระบบน้ำหยด หรือสเปรย์แทน ถ้าเป็นช่วงโตเต็มวัยจะไม่จมน้ำ แต่ไม่ควรให้สัมผัสน้ำจนเกินไป

และหากให้น้ำมากเกินไปอาจเกิดความชื้น ทำให้จิ้งหรีดเครียดก็มีโอกาสเป็นโรคระบาดได้ เช่น เกิดความชื้นจิ้งหรีดเครียดไม่กินอาหาร จะกัดกันเอง ตัวที่เหลือจะกินซากตัวที่ตาย ทำให้เกิดปัญหาตามมา

ฟาร์มระบบปิด

แปรรูปจิ้งหรีดเมื่ออายุครบ 45 วัน

คุณโยฮัน เซ็ทเทอร์เบิร์ก หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ (COO) อธิบายว่า ในการแปรรูปจะใช้พนักงานคุมจุดละ 1 คนเท่านั้น

ส่วนขั้นตอน เมื่อจิ้งหรีดอายุครบ 45 วันจะนำจิ้งหรีดไปล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นนำไปฟรีซให้สลบใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงถึง 1 ชั่วโมง แล้วนำไปเข้าตู้ฟรีซอีกครั้งเป็นเวลา 1 คืน ล้างน้ำอีก 3 ครั้งเพื่อละลายน้ำแข็งให้สะอาด แล้วนำเข้าตู้อบราว 10 นาที ด้วยอุณหภูมิ 70 องศา จากนั้นนำไปเข้าเครื่องบดสู่กระบวนการแปรรูปเป็นผง

สามารถผลิตได้วันละ 100 กิโลกรัม โดยจิ้งหรีด 4 กิโลกรัม จะออกมาเป็นผง 1.1-1.2 กิโลกรัม เก็บได้นาน ถึง 1 ปี โดยผงจิ้งหรีดสามารถนำไปปรุงอาหาร ขนมหวาน ได้โดยไม่ทำให้เสียรสชาติ

ขนมปังที่ผสมผงโปรตีนจิ้งหรีด

ส่งออกทวีปยุโรป

คุณกณิศนันท์ เผยว่า ส่งออกไปยังตลาดในทวีปยุโรป เช่น ฟินแลนด์ เดนมาร์ก เยอรมนี อังกฤษ เป็นต้น ซึ่งในตอนนี้ยอดสั่งซื้อเต็มไปจนถึงสิ้นปี แต่ความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกยังมีอีกมากประมาณ 1 แสนล้านตันต่อปี

“เราทำคนเดียวไม่ไหว เพราะฉะนั้น ช่องว่างตรงนี้ก็จะเปิดโอกาสนักธุรกิจได้ลงมาทำด้วย ไม่ได้มองเป็นคู่แข่ง แต่ต้องการเพื่อนร่วมทางไปด้วยกันให้ตลาดส่งออกจิ้งหรีดเป็นของคนไทย และเข้าครอบครองส่วนแบ่งตลาด”

คุณกณิศนันท์ ทิ้งท้ายว่า หลายคนบอกว่า โปรตีนจากจิ้งหรีดคืออาหารแห่งอนาคต แต่ขณะนี้นี่แหละคืออนาคต เพราะคนทั่วโลกเขากินกันแล้ว อย่างในต่างประเทศก็มีร้านอาหารที่ผลิตจากเครื่องปรุงแมลง ผู้คนต่อคิวซื้อ ในเมืองไทยเองก็มีร้านลักษณะเดียวกันแล้ว