เดินหน้าสร้างอาชีพจากศูนย์ ด้วย ‘บัวลอยหลากสีกะทิสด’ สู่ยอดขาย 3-4 แสนบาท/เดือน

หลายคนกว่าจะรู้ตัวว่า ชอบทำอะไร หรืออะไรเป็นสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข ก็ใช้เวลาค้นหาอยู่นาน บางคนโชคดีหน่อยที่เจอได้เร็ว

ที่บอกว่าเป็นความโชคดี หรือเป็นสิ่งที่ต้องค้นหาก็เพราะว่า หากได้ทำในสิ่งที่ชอบ ที่รัก ก็จะทำให้ เราทำงานนั้นอย่างมีความสุข แบบที่เรียกว่า ทำงานในสิ่งที่รัก ก็เหมือนไม่ต้องทำงาน

บรรยายภาพ / คุณมายด์  (คนกลาง)  (ขอบคุณภาพจาก คุณมายด์)

 

คุณสุจรรยา หมวดดารักษ์ หรือ คุณมายด์ วัย 37 ปี  เป็นอีกคนหนึ่งที่มาได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองชอบ หลังจากผ่านงานประจำมาระยะหนึ่ง

งานที่ว่านี้คือ การทำขนมบัวลอย

พอพูดถึง ขนมบัวลอย หลายคนก็อาจจะคิดไปว่า ก็เป็นขนมพื้นๆ ใครๆ ก็รู้จัก เป็นขนมอยู่คู่สังคมไทยมานาน แทบจะเรียกได้ว่า เกิดมาก็รู้จักขนมบัวลอยแล้ว

แต่ขนมบัวลอย ของคุณมายด์มีความแตกต่าง และความแตกต่างนี้เอง ที่ทำให้มีพื้นที่ทางการตลาด อีกทั้งหากจะต่อยอดธุรกิจออกไปก็ไม่ใช่เรื่องยาก

ความแตกต่างที่ว่านี้คือ จากแป้งขาวๆ ก็กลายเป็นแป้งม่วงที่ทำจากมันม่วง แถมมีไส้ไข่เค็มอยู่ด้านใน

นอกจากมันม่วง ยังมี สีเหลืองจากฟักทอง สีม่วงอ่อนจากเผือก สีเขียวใบเตย สีฟ้าอัญชัน และสีแดงจากบีทรูท

ยังไม่พอ  กะทิยังเป็นกะทิสดเย็น  เป็นบัวลอยเย็น ไม่ใช่บัวลอยอุ่นๆ แบบเดิมๆ

ทุกวันนี้ บัวลอยมันม่วง เจ้านี้ ไม่มีหน้าร้านประจำ แต่จะออกอีเว้นต์เป็นหลัก และขายระบบดีลิเวอรี่ โดยใช้ระบบขนส่งที่ทันสมัย ทั้งไลน์แมน ลาล่ามูฟ ที่สามารถเช็กการส่งด้วยระบบจีพีเอส ภายใต้ชื่อแบรนด์ “มานาขนมไทย”

คุณมายด์ เล่าให้ฟังว่า จริงๆ แล้วก็ได้อาชีพนี้โดยบังเอิญ

โดยวันหนึ่งคุณแม่มาเยี่ยมที่บ้านและอยากรับประทานขนมบัวลอย แต่แถวบ้านไม่มีขาย เลยลงมือทำเอง

เมื่อรับประทานกันแล้ว หลายคนก็บอกว่าอร่อย  นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของกิจการนี้

“แรกๆ เมื่อสักประมาณปี 2557 ก็ทำไปขายที่คอมมูนิตี้มอลล์ ใกล้ๆ บ้าน จากนั้นก็พัฒนาสูตรไปเรื่อย ยอดขายช่วงแรกไม่คงที่  ไม่คุ้มค่าเช่าที่ด้วยซ้ำ วันไหนขายได้ถึงพันบาทก็ดีใจ เราก็ค่อยๆ ทำทีละเล็กละน้อย ค่อยๆ ขายไป” คุณมายด์ เล่าให้ฟัง

จากนั้นก็ขยับไปที่ห้างที่ใหญ่ขึ้นมา แม้จะเสียค่าเช่าที่สูงขึ้น แต่ก็ทำให้เข้าถึงคนได้มากขึ้น  ผลตอบรับดีมากขึ้น เพราะทุกคนชอบกับสีธรรมชาติที่ใช้ อีกทั้งมีรสชาติหวานน้อย ถูกใจผู้บริโภค

สุดท้ายก็ขยับไปขายตามห้างต่างๆ มากขึ้น เป็นที่รู้จักมากขึ้น เรียกว่า ไปเปิดตัวกับลูกค้าแต่ละโซน

“ผลตอบรับที่ได้ พอใจระดับหนึ่งเลยค่ะ เพราะเราไม่มีพื้นฐานธุรกิจมาก่อนเลย ไม่ได้มีสูตรเริ่มต้นของบรรพบุรุษ เพียงแต่เราต้องศึกษามากขึ้น ในการให้มันเติบโตขึ้นไป

ยอดขายต่อเดือน ปัจจุบัน 3-5 แสนบาท (ยังไม่หักค่าใช้จ่าย) โดยแต่ละวันจะใช้ มันม่วงประมาณ 200 กก. ฟักทอง 100 กก. เผือก 150 กก.

ส่วนวัตถุดิบอื่น ก็คัดเกรดดีๆ ทั้ง น้ำกะทิแท้ ไม่ผสม ใส่เนื้อมะพร้าวอ่อน  จาก อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี  โดยเลือกลูกที่มีรสชาติหวาน

ราคาต่อถ้วย 50-60 บาท หากให้ส่ง จะลดราคาลงมาอีก 5 บาท เป็น 45-55 บาท ค่าส่งขึ้นกับระยะทาง ส่วนใหญ่ได้ลูกค้าที่เป็นพนักงานออฟฟิศรวมๆ กันสั่งมา หรืองานเลี้ยง งานมงคล

ทั้งนี้คุณมายด์มีคำแนะนำสำหรับคนที่อยากมีอาชีพว่า “อยากให้ทุกคนออกมาทำธุรกิจ ไม่ว่าจะทำอะไร มายด์เป็นตัวอย่างที่ว่า ไม่เคยมีพื้นฐานเลย แต่เราต้องซื่อสัตย์ ถ้าออกมาจากใจ ก็สัมผัสได้ โดยเฉพาะอาหารไทย  กำลังถูกกลืน  มายด์ว่า ขนมไทยยังคงมีคุณค่า  อยากให้ช่วยกัน หันมาทำขนมไทย ส่วนตลาด ก็ยังคงมีเยอะ ลูกค้าเยอะ ออกมาทำเถอะ เดี๋ยวเพื่อนๆ หรือลูกค้า ก็จะบอก จะแนะนำเราไปเรื่อยๆ เอง”