ผู้เขียน | มิสมิลเลียนแนร์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ทุกวันนี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยเริ่มหันมาตั้งคำถามในการจับจ่ายมากขึ้น ไม่ใช่แค่เพราะต้องการประหยัดเงิน แต่พวกเขารู้สึกว่าสิ่งของหลายๆ อย่างไม่จำเป็นต้องซื้อ จะได้ไม่ต้องคอยดูแลรักษา แถมไม่เปลืองทรัพยากรจนกลายเป็นภาระให้โลกอีกด้วย
ยกตัวอย่าง “รถยนต์” ที่อาจจะขายดิบขายดีในบ้านเรา แต่คนรุ่นใหม่ในหลายประเทศไม่ได้รู้สึกอยากครอบครอง เพราะเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้มีแอพพลิเคชั่นแบ่งปันกันใช้ ใครทางเดียวกันก็ไปด้วยกัน หารค่าใช้จ่ายแล้วจบ ไม่ต้องมีภาระผ่อน แถมค่าบำรุงรักษาจิปาถะ
แนวคิดเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน (Sharing Economy) กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่บริษัทต่างๆ ต้องเผชิญ และบริการให้เช่าสิ่งของก็กลายเป็นทางเลือกที่ช่วยตอบโจทย์เรื่องนี้
ในอนาคตจะไม่ได้มีแค่การเช่าที่อยู่อาศัย แต่จะรวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ แม้แต่เสื้อผ้า รองเท้า และกระเป๋าสำหรับทำงาน ก็จะไม่ต้องควักเงินซื้ออีกต่อไป
“อิเกีย” ห้างค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ของโลกก็กำลังปรับตัวรับเทรนด์ชอบใช้ แต่ไม่อยากซื้อ เห็นได้จากคำพูดของ “เจสเปอร์ โบรดิน” ซีอีโอของบริษัท ที่กล่าวในเวทีประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม ที่เมืองดาวอส เมื่อต้นปีนี้
เขาบอกว่า ปัจจุบัน นักช็อปไม่ได้รู้สึกอยากเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์อีกต่อไปแล้ว แถมพวกเขายังกังวลถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการนำทรัพยากรมาผลิตเฟอร์นิเจอร์ บริษัทก็เลยทดลองแก้ปัญหานี้ด้วยวิธีที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่
อย่างในญี่ปุ่น “อิเกีย” มีโครงการรับซื้อคืนโซฟาจากลูกค้า แทนที่จะนำไปทิ้งเป็นขยะ จากนั้นบริษัทก็จะนำวัสดุไปรีไซเคิล นอกจากนี้ อิเกียยังพัฒนาวัสดุจากเส้นใยเซลลูโลส เพื่อใช้ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
แนวทางนี้เป็นการผสมผสานความต้องการของลูกค้าเข้ากับโมเดลธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน (Circular Economy) ที่เน้นใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดขยะ ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม
นอกจากเฟอร์นิเจอร์แล้ว พรมปูพื้นก็จะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่หาเช่าได้ในอนาคต โดยบริษัทดีเอสเอ็มของเนเธอร์แลนด์ก็มีแนวคิดให้เช่าพรมรุ่นใหม่ ซึ่งผลิตจากโพลีเอสเตอร์ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้
หมายความว่า ไม่ต้องควักเงินซื้อพรมอีกต่อไป ก็แค่เช่าใช้ไปเรื่อยๆ เพราะบริษัทนำพรมเหล่านี้ไปรีไซเคิลได้ไม่รู้จบ
ไม่เพียงแต่สินค้าชิ้นใหญ่ๆ ที่จะมีทางเลือกนี้ สินค้าที่ใช้ส่วนบุคคลชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็เข้าร่วมกระแสนี้กันมากขึ้น
“เรนท์ เดอะ รันเวย์” ที่มีบริการให้เช่าเสื้อผ้าแฟชั่นก็กำลังรุกคืบธุรกิจนี้อย่างเต็มแรง “เจนนิเฟอร์ ไฮแมน” ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ตั้งเป้าชัดเจนว่า จะขยายธุรกิจจากเดิมที่ให้เช่าเสื้อผ้าสำหรับใส่ในโอกาสพิเศษ เช่น พิธีแต่งงาน ปาร์ตี้ฉลองจบการศึกษา ไปสู่บริการให้เช่าเสื้อผ้าสำหรับสวมใส่ไปทำงาน
เรนท์ เดอะ รันเวย์ เดิมพันอนาคตไว้กับการสมัครสมาชิก เพื่อให้ลูกค้านักช็อปใช้บริการเช่าชุดที่ใส่ในชีวิตประจำวัน โดยผู้ที่สนใจจ่ายค่าบริการเดือนละ 159 ดอลลาร์ แลกกับการเลือกเสื้อผ้าใส่ได้ไม่อั้น ครั้งละ 4 ชิ้น ต่อ 1 รอบ แถมบริษัทยังมีบริการจัดส่งให้ถึงมือ ซักแห้ง และดูแลซ่อมแซมเสื้อผ้าให้ดูดีอยู่เสมอ
ขณะนี้ เรนท์ เดอะ รันเวย์ มีสัดส่วนบัญชีสมาชิกคิดเป็น 1 ใน 3 ของรายได้ ซึ่งเมื่อปี 2559 รายได้บริษัทแตะ 100 ล้านดอลลาร์
ขณะที่หลายบริษัทก็มองเห็นโอกาสจากธุรกิจให้เช่าเสื้อผ้า รวมถึง “อะเมซอนดอทคอม” อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของโลก
ความหรูหราที่เข้าถึงได้ง่ายแบบไม่ต้องซื้อ ยังเลยเถิดไปถึงรองเท้าด้วย โดยร้านรองเท้า “ดีไซเนอร์ ชู แวร์เฮ้าส์” หรือ DSW เริ่มให้บริการเช่าตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ซึ่งครอบคลุมไปถึงการซ่อมรองเท้า และจัดเก็บ
เพราะลูกค้ายุคนี้มีความต้องการที่มากกว่าการเป็นเจ้าของ นั่นคือ อยากได้รับประสบการณ์ที่แปลกใหม่ DSW ก็เลยอยากเป็นร้านที่ลูกค้าสามารถนำรองเท้าไปใส่ได้บ่อยๆ แทนที่จะลงทุนซื้อแพงๆ ซึ่งบางครั้งอาจจะได้ใส่ในวันพิเศษแค่ครั้งเดียว
เช่นเดียวกับกระเป๋าถือแบรนด์ดัง ที่การเช่ากลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ในเกาหลีใต้ สาวๆ นิยมสมัครสมาชิกรายเดือนสำหรับเช่าใช้กระเป๋าและนาฬิกาหรู เพราะการครอบครองสินค้าราคาแพงเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
การจ่ายค่าสมาชิกจะช่วยให้พวกเธอสามารถเช่ากระเป๋าที่มีให้เลือกกว่า 500 ใบ จาก 30 แบรนด์ดัง เช่น ชาแนล หลุยส์ วิตตอง หรือนาฬิกาจากแบรนด์แอร์เมส คาเทียร์ โอเมก้า
“Reebons Korea” เป็นบริษัทสตาร์ตอัพที่ทำธุรกิจนี้ โดยลูกค้าจะเสียค่าสมาชิกเดือนละราว 100,000 วอน หรือ 93 ดอลลาร์ แลกกับการได้ยืมกระเป๋าหรือนาฬิกาไปใช้ครั้งละ 1 ชิ้น