พิซซ่าแป้งดำ จากไรซ์เบอร์รี่ แถมใส่หน้าส้มตำ ลาบเห็ด แค่สร้างจุดต่าง ก็ขายได้

พิซซ่า  เป็นอาหารที่แทบจะเห็นได้ทั่วไปในเมืองไทยไปแล้ว

แต่พิซซ่า เจ้านี้ ต่างจากคนอื่น ตรงที่ตัวแป้งมีสีดำ จากข้าวไรซ์เบอร์รี่  และหน้าพิซซ่า ก็ใช้อาหารท้องถิ่นมาดัดแปลง ไม่ว่าจะเป็นลาบเห็ด ส้มตำ ข้าวเม่า หมากพร้าวหมากม่วง

คุณเฉลิมพล ร่มโพธิ์ทอง  วัย 44 ปี เป็นเจ้าของ มีร้านประจำอยู่ที่ ซ.โรงพยาบาลศรีวิไล อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ  แต่ก็ออกอีเว้นต์เสมอๆ อย่างงานวันยางพาราและกาชาดบึงกาฬ ก็มาร่วมด้วยทุกปี หรืองานโอท็อปที่เมืองทอง หรืองานศิลปาชีพ ก็ไปกับทางจังหวัด เป็นต้น

คุณเฉลิมพล เล่าว่า เริ่มต้นคือทำพิซซ่าเป็น โดยมีคนเกาหลีสอนให้เมื่อนานมาแล้ว จากนั้น เขาคิดว่าเป็นอาหารที่ไม่ยาก น่าจะทำขายได้

เพียงแต่ต้องดัดแปลงให้มีเอกลักษณ์ เป็นของตัวเอง

เขามองไปที่ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ที่ จ.บึงกาฬ ปลูกกันอยู่มาก ก็เลยไปสั่งโรงสี ขัดผิวข้าวไรซ์เบอร์รี่ออกมา เพื่อเอาผิวข้าวที่มีสีดำ ไปผสมกับข้าวสาลี จนได้ตัวแป้งมีสีดำ อันเป็นเอกลักษณ์ของจ.บึงกาฬ ที่แปลว่า ลำน้ำสีดำ

ข้าวไรซ์เบอร์รี่ 50 กก. ขัดผิวออกมาได้ 4 กก. ซื้อมา กก.ละ 50 บาท  (ส่วนตัวข้าวที่ขัดแล้ว ก็มีสีขาวเหมือนข้าวหอมมะลิ นำไปหุงกินได้)

เมื่อได้แป้งที่มีสีดำแล้ว ตัวหน้าพิซซ่า ก็ปรับแตกต่างขึ้นไปอีก ด้วยการท็อปปิ้งเป็นหน้าส้มตำ ลาบเห็ด  ปลาหย็องต้มยำน้ำโขง ข้าวเม่าหมากพร้าว ข้าวเม่าหมากม่วง ข้าวเม่าช็อกโกแลต เป็นต้น

ส่วนหน้าปกติที่คนอื่นก็ทำขายเช่นกัน เขาก็ทำออกมา เช่น หน้าปูอัดแฮม ไก่ไส้กรอก แฮมชีส แฮมเห็ด ฮาวาเอี้ยน  ซีฟู้ด เปปเปอโรนี ซาลามี่

คุณเฉลิมพล เล่าว่า  เขาขายมาราว 20 ปีแล้ว จัดเป็นร้านที่รู้จักกันดีของชาวบึงกาฬ กลุ่มลูกค้ามีทุกเพศทุกวัย ขายในราคาชิ้นละ 60 บาทขนาดเล็ก 120 บาทขนาดกลาง และ 180 บาทขนาดใหญ่

“ผมคิดว่าผมทำงานนี้ เป็นงานโฮมเมด ที่สูตรเป็นของผมเอง วันหนึ่งลูกๆ ผมอาจจะสืบทอดกิจการ แต่ไม่ได้คิดการใหญ่ ว่าจะส่งออก หรือตั้งโรงงานอะไร” คุณเฉลิมพล ว่าอย่างนั้น พร้อมกับบอกอีกว่า เป็นกิจการที่ไปได้ดี ขายได้เรื่อยๆ โดยเฉพาะหากไปออกงานที่กรุงเทพฯ ลูกค้าจะให้การตอบรับดีมาก

และนี่เป็นอีกหนึ่งอาชีพอิสระสุจริต ที่เติมไอเดียใส่เข้าไปจนได้สินค้าที่มีเอกลักษณ์ ที่สำคัญ มันขายได้!!