“บ้านกลางทุ่ง” โฮมสเตย์ ขายความช้า ไม่รวย…แต่สุข

“โฮมสเตย์” คงไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวดังว่า เริ่มเข้ามามีบทบาทในบ้านเรา  ตั้งแต่เมื่อกว่าสิบปีก่อน จนปัจจุบันขยายครอบคลุมไปแล้วแทบทุกท้องถิ่น

ด้วยไม่ต้องลงทุนด้วยเม็ดเงินมากนัก ขอเพียงมีอัธยาศัยไมตรีเป็นมิตรกับผู้มาเยือนเสมือนญาติ ก็สามารถหารายได้จากที่พักอาศัยของตัวเองได้ไม่มีกำหนด แถมยังได้ใช้ชีวิตชนบท  เรียบง่าย ใกล้ชิดธรรมชาติ

เหล่านี้อาจเป็นเหตุผล ทำให้ทุกวันนี้ ยังมีผู้คนจำนวนมากอยากมี “โฮมสเตย์” สักแห่ง เป็นธุรกิจ…ในบั้นปลาย

“บ้านกลางทุ่ง – ออร์แกนิคโฮม” อาจเป็นโฮมสเตย์ ต้นแบบในฝันของใครหลายคน และเป็นที่ถูกอกถูกใจชาว “สโลว์ไลฟ์” เป็นหนักหนา อยู่ในเขต ตำบลหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี มี คุณทิพวัน ประเสริฐกุล หรือรู้จักกันดีในละแวก ว่า “ป้าแอ๊ด” เป็นเจ้าของดูแล

ป้าแอ๊ด เริ่มต้นบทสนทนาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มใจดี ย้อนความเป็นมาของโฮมสเตย์แห่งนี้ให้ฟังว่า เมื่อราวห้าปีที่แล้ว ทั้งตัวเธอและสามี- คุณสาคร ประเสริฐกุล เกิดเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยกันทั้งคู่ เลยตัดสินใจลาออกจากงาน มาหาซื้อที่ดินในเมืองกาญจน์ หวังมาอยู่อาศัยใช้ชีวิตแบบ “ชีวจิต” คือ การกินอยู่ หลับนอน จะไม่เกี่ยวข้องกับสารเคมีใดๆ ทั้งสิ้น

“หลังต้องตัดมดลูกทิ้ง เกิดอาการเวียนหัว โลกหมุน มีแพทย์แนะนำให้ทานฮอร์โมน แต่บางท่านบอกไม่จำเป็น จึงสับสนไม่รู้จะดูแลตัวเองยังไง เลยเริ่มศึกษาแนวทางปลอดสารพิษ เริ่มจากปลูกผักรอบบ้าน บำรุงด้วยปุ๋ยหมักเอง พอมีผลผลิตมากขึ้น จึงนำไปแจกจ่ายบรรดาเพื่อนฝูงบ้าง” ป้าแอ๊ด เล่าให้ฟัง

ดูแลตัวเองและสามี ด้วยวิถี “ออร์แกนิก” อยู่ได้ไม่นาน ชุมชนรอบข้าง รวมทั้งพระผู้ใหญ่ที่นับถือ แนะนำให้ทำบ้านเป็น โฮมสเตย์ เพื่อต้อนรับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะ

“ชุมชนรอบๆบ้านเป็นชุมชนโฮมสเตย์ อยู่ก่อน แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ ไม่ค่อยถนัดที่จะดูแลชาวต่างชาติ หลวงพ่อที่วัดอินทาราม ท่านเลยอยากให้เราทำบ้านเป็นโฮมสเตย์ เพื่อรับแขกฝรั่ง สุดท้ายเลยตัดสินใจทำ เพราะอยากช่วยเหลือชุมชน ตามกำลังความสามารถของตัวเองที่มี” ป้าแอ๊ด บอกอย่างนั้น

โฮมสเตย์ ในแบบของคุณลุงสาครและป้าแอ๊ด เริ่มต้นอย่างจริงจัง เมื่อราวปี 2549 โดยช่วงเวลานั้น ใช้ชื่อ “สโลว์ โฮมสเตย์” มีคนสนใจพอสมควร

ทำอยู่ไม่นาน มีรายการโทรทัศน์มาบันทึกกิจกรรม เพื่อนำไปออกอากาศ  หลังจากนั้นมีคนนำไปขยายต่อผ่านทางเว็บไซต์  กิจการของสองสามีภรรยาคู่นี้ จึงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง นับแต่นั้นมา

ป้าแอ๊ด เล่าต่อ โฮมสเตย์ ในแบบของเธอนั้น เน้นขาย “ความช้า” เช่น ถ้าจะทำอาหาร ต้องเก็บผักมาจากแปลงข้างบ้าน  ไม่ใช่เหมาซื้อที่ตลาดท่าเดียว ส่วนใครมักติดทำอะไรเร็ว จะให้หยุดไว้ก่อน ฉะนั้นที่พักแห่งนี้ จึงไม่มีโทรทัศน์ หากแต่มี หนังสือดีๆไว้ให้เลือกอ่าน ตามแต่ความชอบ

นอกจากนี้ยังมีแนวคิด เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวที่มาพักกับโฮมสเตย์ของเธอและสามี ได้เรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นโดยรอบว่าเขาหาอยู่หากินกันอย่างไร

พูดง่ายๆ อยากให้ “ทัวร์สิสต์” ได้มีโอกาสดื่มด่ำกับบริเวณที่มาเยือนด้วย ไม่ใช่เที่ยวแบบ “ชะโงกทัวร์” เหมือนหลายคน…ทำกัน

“เราจัดทริปไปเที่ยวชมความน่าสนใจหลากหลาย เช่น เที่ยวหมู่บ้านวัฒนธรรม ชมป่าธรรมชาติ ดูการทอผ้า การเจียระไนนิล พักสายตากับทิวทัศน์ของ ต้นตาล นาข้าว ฯลฯ กิจกรรมเหล่านี้ เราเชื่อว่าจะช่วยทำให้คนมาเที่ยวได้มีโอกาสชาร์จแบตให้ตัวเอง” ป้าแอ๊ด บรรยายกิจกรรม จัดเตรียมไว้ต้อนรับแขกผู้มาเยือน

“สโลว์ โฮมสเตย์” ขายไปไม่เท่าไหร่ มีตัวแทนบริษัททัวร์ในท้องถิ่น เข้ามาติดต่อ ขอทำธุรกิจด้วย แต่มีข้อแม้ ขอให้เปลี่ยนชื่อ เพราะชื่อเดิมอาจทำให้ขายยาก จึงอยากได้ชื่อ “กลางๆ” ที่ไม่ถูกตั้งคำถามมากนัก สุดท้ายลงตัวที่ “บ้านกลางทุ่ง–ออร์แกนิคโฮม”

แม้วันนี้ คุณลุงสาคร จะ “จากไป” แล้ว แต่ป้าแอ๊ด ยังเข้มแข็งพอที่จะสานต่อเจตนารมณ์ โฮมสเตย์ ตามวิถีออร์แกนิก

“ธุรกิจนี้ทำยังไงก็ไม่รวย แค่พอเลี้ยงตัวได้ เพราะกำไรเป็นเม็ดเงินไม่มากมายอะไร แต่กำไรที่เป็นความสุขในการใช้ชีวิต มีเข้ามาทุกวัน ซึ่งมีเงินเท่าไหร่ก็หาซื้อไม่ได้” ป้าแอ๊ด บอกจริงจัง

โฮมสเตย์ “บ้านกลางทุ่ง” ของป้าแอ๊ดผู้นี้ มีห้องพักรองรับแขกได้ไม่เกิน 10 คน ซึ่งเธอบอก แทบเต็มตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงเกิดเหตุชุมนุมทางการเมือง หรือ น้ำท่วมกรุงเทพฯ ยิ่งมีแขกมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะคนไทย ติดต่อขอเข้าพักเพื่อ “ลี้ภัย” หามุมสงบให้กับครอบครัว นานเป็นเดือน

“ลูกค้าเป็นคนไทย 70 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็นต่างชาติ  และถ้าคนมาพักไม่รู้จักความเป็นออร์แกนิก มาก่อน  จะไม่รับเลย เพราะพวกเขาอาจไม่เข้าใจและไม่ชอบสไตล์ของเราก็ได้ ฉะนั้นถ้ามีลูกค้าโทรศัพท์ติดต่อเข้ามา จะถามก่อน ได้ข้อมูลจากไหน แล้วรู้มาอย่างไรบ้าง เพื่อจูนความคิดให้ตรงกัน” ป้าแอ๊ด อธิบายกติกาเบื้องต้น

ถามถึงหน้าที่รับผิดชอบ ป้าแอ๊ด หัวเราะเบาๆ ก่อนตอบ

“เอนเตอร์เทนเป็นหลัก เพราะแขกส่วนใหญ่เป็นขาประจำกัน บางคนมาเป็นครั้งที่ 8 ถ้าไม่เจอป้าแล้วไม่ได้   มันเหมือนเป็นโลโก้ไปแล้ว”

เห็นมีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนไม่ขาดสาย แสดงว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อย “โหยหา” สถานที่พักผ่อนหย่อนใจสไตล์ออร์แกนิก ป้าแอ๊ด คิดครู่หนึ่ง ก่อนอธิบาย โฮมสเตย์ แบบบ้านกลางทุ่ง อาจมีน้อย แต่ไม่ใช่ว่าใครมาทำแบบนี้แล้วจะประสบความสำเร็จเหมือนกันหมด ขึ้นกับความเป็น “เจ้าบ้าน” ของคนนั้นด้วย ว่าสามารถต้อนรับแขกเหมือนญาติมาเยี่ยมได้หรือเปล่า

ทราบว่าที่ผ่านมา มีผู้คนจำนวนไม่น้อย ทั้งรายย่อยและกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เดินทางมาขอ “วิชา” การจัดการโฮมสเตย์ ให้ประสบความสำเร็จ ป้าแอ๊ด ยิ้มก่อนทิ้งท้าย…ถ่อมตัว

“การดูแลโฮมสเตย์ นั้นไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่สิ่งแรกที่เจ้าของบ้านต้องถามตัวเอง คือ รูปแบบการใช้ชีวิตของเราเป็นแบบไหน จากนั้นจึงค่อยเปิดให้ตรงกับความสามารถของเรา”

“คนบนโลกมีตั้งกี่ล้านคน ถ้าเขารู้ว่ามีที่พักผ่อนแบบนี้ ที่คิดตรงกับเขา เดี๋ยวเขาก็มาอุดหนุนเอง”

“บ้านกลางทุ่ง-ออร์แกนิคโฮม”  โฮมสเตย์ ขายความช้า เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบการพักผ่อนแบบเรียบง่าย ใกล้ชิดกับวิถีธรรมชาติ ตั้งอยู่ เลขที่ 106 หมู่ 6 ตำบลหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี 71110

อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 8 กิโลเมตร หากเดินทางโดยรถยนต์ ให้ไปตามทางถนนเพชรเกษม หรือถนนบรมราชชนนี ผ่านนครชัยศรี-นครปฐม บ้านโป่ง ท่ามะกา ท่าม่วง ถึงจังหวัดกาญจนบุรี ตามทางหลวงหมายเลข 324 (กาญจนบุรี – สุพรรณบุรี) ก่อนถึงอินทารามและหมู่บ้านหนองขาว สังเกตทางขวามือ (ฝั่งตรงข้าม) จะเป็นบริษัท ฮิปโปเมทัลสตีลฯ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอย จะเห็นป้ายบอกตลอดทาง

สนใจต้องจองล่วงหน้าติดต่อ ป้าแอ๊ด โทรศัพท์ 089-919-9093 Facebook/บ้านกลางทุ่งออร์แกนิคโฮม  สเตย์ และ อีเมล [email protected]