SOS มัลติแบรนด์แฟชั่น ขวัญใจนักช็อป เปิด 3 ปี ขยายแล้ว 8 สาขา

หลายปีมานี้มีธุรกิจเกิดใหม่หลายรูปแบบ อาจนำเสนอได้ไม่หมดว่ามีอะไรบ้าง เส้นทางเศรษฐีขอหยิบยกรูปแบบธุรกิจที่เติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วง 3 ปีหลังมานี้ มาเป็นต้นแบบให้ได้ลองศึกษากัน

ธุรกิจที่ว่าคือ ธุรกิจมัลติแบรนด์ หลายคนสงสัยว่ามันคืออะไร อธิบายง่ายๆ คือร้านที่รวบรวมแบรนด์ดังคุณภาพจากออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม มาไว้ในร้านเดียวกัน โดยแต่ละแบรนด์ล้วนเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและมีแฟนคลับติดตามอยู่จำนวนมาก

เอสโอเอส หรือชื่อเต็ม เซนส์ ออฟ สไตล์ (SOS-SENSE OF STYLE) ร้านมัลติแบรนด์ชื่อดัง เปิดตัวไปเมื่อปี 2558 เกิดจากวัยรุ่นจบใหม่ 4 คนที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง (ภายหลังเพิ่มเป็น 9 คน) หนึ่งในนั้นมีพระเอกหนุ่มชื่อดัง สน ยุกต์ รวมอยู่ด้วย

จากปัญหานำพาสู่ธุรกิจ

ช่วงบ่ายของวันทำงานมีโอกาสได้ร่วมพูดคุยกับสองตัวแทนจากเอสโอเอส คุณนำทรัพย์สิทธิ์ ดำรงรัตน์ และ คุณพิมพ์พิมพ์จิรา เจริญลักษณ์ นานกว่าครึ่งชั่วโมง พอจับใจความได้ว่า เอสโอเอสเกิดจากการมองเห็นปัญหานำพาสู่ธุรกิจ

คุณนำ หนึ่งในเจ้าของร้าน เล่าให้เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ฟังว่า หลังเรียนจบตนและเพื่อนๆ อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ทุกคนมองเห็นปัญหาเหมือนกัน ว่าสมัยนี้คนนิยมซื้อของผ่านออนไลน์กันเยอะ โดยเฉพาะสาวๆ สะดวกจริงแต่ปัญหามีให้เห็นบ่อยครั้ง เช่น สินค้าไม่ตรงภาพบ้าง สีไม่ถูกใจบ้าง สั่งมาใส่ไม่ได้ส่งกลับไปแก้ไขกว่าจะได้ใส่ใช้เวลานาน

แบรนด์ออนไลน์มีเยอะมากในเมืองไทย ลึกๆ แล้วแบรนด์พวกนี้อยากมีหน้าร้าน แต่มีข้อจำกัดเรื่องค่าเช่าที่ ค่าใช้จ่ายร้าน รวมถึงการก่อสร้าง เราเองมีแบรนด์พาร์ตเนอร์ซึ่งเป็นแบรนด์เสื้อผ้าออนไลน์อยู่หนึ่งแบรนด์ (ไลลาแบรนด์) จึงเกิดไอเดียชวนเพื่อนที่รักและชอบในแฟชั่นมาร่วมกันทำศูนย์รวมแบรนด์ออนไลน์ ให้แบรนด์ได้มาแชร์ค่าเช่ากัน สาขาแรกอยู่ที่สยามสแควร์

คุณพิมพ์ หุ้นส่วนสาว เสริมปิดท้ายว่า มัลติแบรนด์จึงเป็นอะไรที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้านักช็อปและแบรนด์ได้ดี ลูกค้าได้มาลองสินค้าจริงและซื้อกลับไปได้เลย ที่สำคัญ แบรนด์ได้พื้นที่หน้าร้านด้วย

จาก 30 แบรนด์ สู่ 500 แบรนด์

เมื่อมีไอเดียการทำงานจึงเริ่มต้น นักธุรกิจหนุ่มคนเดิม เล่าย้อนไปช่วงปีแรก การติดต่อแบรนด์เข้ามาเช่าหน้าร้านไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนั้นคนไทยไม่เข้าใจรูปแบบธุรกิจมัลติแบรนด์ หุ้นส่วนทุกคนไม่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจ ความน่าเชื่อถือจึงลดไป

ทุกคนทำงานกันหนัก เตรียมข้อมูลเพื่อติดต่อแบรนด์ออนไลน์กว่า 200 แบรนด์มาลงที่ร้าน แต่ได้รับการตอบกลับมาเพียง 20-30 แบรนด์

ก่อนบอกต่อ ปัจจุบันมีแบรนด์ออนไลน์มาเช่าหน้าร้านแล้วกว่า 500 แบรนด์

เจ้าของแบรนด์ที่เข้ามาเช่าหน้าร้านสามารถเลือกรูปแบบการเช่าได้ ใช้ระบบคล้ายกับห้างสรรพสินค้า คือ แบบ Fix Rate จ่ายค่าเช่าพื้นที่ และแบบ GP หักเปอร์เซ็นต์ของราคาขายสินค้าแต่ละชิ้น นอกจากนี้ ยังมีระบบการดูแลแบบครบวงจร คือมีระบบสต๊อกของ พนักงานขาย และพื้นที่โชว์สินค้า

แบรนด์ที่เข้ามาเช่าหน้าร้านกับเอสโอเอสขายได้แน่นอน เพราะมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจนเลือกแล้วว่าตรงกับสไตล์ของแบรนด์นั้น ทุกแบรนด์ที่ฝากขายจะได้รับการโปรโมตผ่านหลายช่องทาง ทั้งอินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และเว็บไซต์ของเอสโอเอส ยอดขายจะไม่ได้เพิ่มแค่หน้าร้านเท่านั้น แต่ยอดขายทางออนไลน์จะเพิ่มขึ้นด้วยนักธุรกิจหนุ่ม เสริม

ขยาย 8 สาขา ใน 3 ปี

เอสโอเอสใช้เวลาเพียง 3 ปีพิสูจน์ตัวเองขยายฐานลูกค้ามากถึง 8 สาขา กระจายตามย่านช็อปปิ้งทั่วกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ และแตกไลน์ธุรกิจเพิ่มคือแบรนด์ SENSE (เซนส์)

ที่จริงไม่ได้อยากรีบร้อนขยายสาขาเพิ่ม แต่ถ้าเจอทำเลที่เหมาะสม มีตลาดที่ดีก็ไม่ควรปล่อยพื้นที่ไว้โดยเปล่าประโยชน์ ยิ่งเร็วยิ่งได้เปรียบ

เมื่อถามถึงการเลือกพื้นที่เปิดสาขา คุณนำ บอกว่า ดูจากกำลังซื้อ และกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับคอนเซ็ปต์ โดยแต่ละสาขาใช้พื้นที่ประมาณ 150-200 ตารางเมตร

คอนเซ็ปต์ที่ว่า นักธุรกิจแจกแจงอย่างละเอียด ดังนี้

เอสโอเอส ชูคอนเซ็ปต์ Simple Luxury เรียบหรู ดูดี เน้นเจาะกลุ่มมหาวิทยาลัย และวัยทำงาน ช่วงอายุ 18-35 ปี ราคาสินค้าเริ่มต้นตั้งแต่หลัก 1,000 บาทขึ้นไป

ส่วนแบรนด์เซนส์ ชูคอนเซ็ปต์ Easy Everyday Look เน้นเสื้อผ้าใส่สบายใส่ได้ทุกวัน เจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มเด็กมัธยม หรือกลุ่มที่มีกำลังซื้อรองลงมา ราคาต่ำกว่า 1,000 บาท

ราคาสินค้าเท่ากับราคาขายในออนไลน์ ถ้าแบรนด์ออนไลน์มีส่วนลด หน้าร้านต้องลดด้วย ข้อดีของการที่ลูกค้ามาซื้อหน้าร้าน คือ ได้เห็นสินค้าจริงและซื้อกลับบ้านได้เลยโดยไม่ต้องรอ

รวบรวมสินค้าไว้หลายประเภท ทั้ง เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ อาทิ แหวน นาฬิกา สร้อยคอ และเคสโทรศัพท์ เป็นต้น มีทั้งแบรนด์ของคนทั่วไปและดารารวมอยู่ด้วย เช่น กิ๊บซี่ วนิดา อดีตนักร้องเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง หันมาจับธุรกิจขายเสื้อผ้าเช่นกันในชื่อแบรนด์ Petite Pony และอีกหนึ่งสาวนักแสดงวัยรุ่น มุก วรนิษฐ์ หนึ่งในหุ้นส่วนร้านก็มีแบรนด์ฝากขายเช่นกันในชื่อ dayandnight.bkk

มองอนาคตเพิ่มฐานลูกค้า

ในตลาดต่างประเทศ

พูดคุยกันมาถึงช่วงท้าย อดถามไม่ได้ถึงการเติบโตของตลาดมัลติแบรนด์ในไทย นักธุรกิจหนุ่ม ลงความเห็นว่า ช่วงสองสามปีที่ผ่านมาถือเป็นปีทองของมัลติแบรนด์ไทยเลยก็ว่าได้ เพราะโตขึ้นแบบก้าวกระโดด จะเห็นว่ามีธุรกิจประเภทเดียวกันนี้ผุดขึ้นเดือนละ 2-3 ราย แต่หลังจากนี้ไปการเติบโตอาจช้าลงเพราะพื้นที่หรือย่านช็อปปิ้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองต่างจังหวัดถูกจับจองเกือบหมด การขยายฐานลูกค้าและมองตลาดต่างประเทศจึงเป็นทางออกที่ดี

เห็นธุรกิจประสบความสำเร็จ คุณนำ เล่ายิ้มๆ ว่า ใช่ว่าจะราบรื่นซะทีเดียว เกิดความผิดพลาดหลายอย่าง แต่ทุกคนช่วยกันแก้จนผ่านมาได้ เช่น การเช็กของ วิธีแก้คือตัดสินใจซื้อระบบซอฟต์แวร์ เขียนโปรแกรมขึ้นมาใหม่ให้เหมาะกับเอสโอเอสโดยเฉพาะทำให้การทำงานง่ายขึ้น

เอสโอเอส คืออีกหนึ่งตัวอย่างธุรกิจที่บริหารงานโดยนักธุรกิจเจนวาย สามารถประสบความสำเร็จในระยะเวลาเพียง 3 ปี เส้นทางเศรษฐีออนไลน์เชื่อว่ามีหลายคนสนใจรูปแบบธุรกิจเดียวกันนี้ อาจทำตามได้แต่แน่นอนว่าความสำเร็จยังเลียนแบบกันไม่ได้

สนใจสามารถแวะไปช็อปกันได้ที่สาขา ดังนี้ สยามสแควร์ ซอย 2, ซอย 6, ซอย 7, ทองหล่อ ซอย 16, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และ เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ หรือเข้าไปดูรายละเอียดร้านต่างๆ ได้ที่ เฟซบุ๊ก SOS-Sense of Style อินสตาแกรม sos.senseofstyle ไลน์ @sos.senseofstyle