กว่าจะมาเป็น PET MASTER บ้าน “หลังสุดท้าย” ของสัตว์เลี้ยงแสนรัก

ปัจจุบันธุรกิจสัตว์เลี้ยงในบ้านเรามีศักยภาพ มีการเติบโตต่อเนื่อง และ มีแนวโน้มน่าลงทุนไม่น้อย

 PET MASTER  คือ ธุรกิจภาคบริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงทุกชนิด ซึ่งกำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เกริ่นมาแค่นี้หลายท่านอาจคาดว่า คงหนีไม่พ้น โรงพยาบาล ร้านอาหาร ร้านอาบน้ำตัดขน หรือ ไม่ก็ที่พักโรงแรม ดังเห็นกันอยู่มากมายหลายแบรนด์

หากใครเดาอย่างนั้นต้องขอบอกว่าผิดถนัด เพราะธุรกิจเจ้าของเรื่องราวนับจากนี้ มีการบริการไว้สำหรับสัตว์เลี้ยงที่ไร้ลมหายใจแล้ว….เท่านั้น!

 โครงการฌาปนกิจสัตว์เลี้ยง PET MASTER มีหญิงสาวบุคลิกคล่องแคล่ว ร่าเริงเป็นกันอง วัยสามสิบปีกว่า ชื่อ  พลอยทราย ภัสสรศิริ เป็นเจ้าของ

ช่วงเริ่มต้นของการสนทนา เธอย้อนความเป็นมาให้ฟัง จบการศึกษาด้านสถาปัตย์ จากมหาวิทยาลัยศิลปากร  ก่อนได้รับปริญญาตรีจะต้องทำงานวิจัยส่ง และด้วยความที่กิจการของครอบครัวเป็นโรงงานรับจ้างผลิตเตาไร้มลพิษทุกประเภท  เลยเลือกทำหัวข้อเกี่ยวกับการออกแบบพื้นที่การจัดงานศพสำหรับส่วนรวม มีวัตถุประสงค์เพื่อลดมลพิษ ในเขตกรุงเทพฯ

หลังเรียนจบออกมา ระหว่างช่วยทำธุรกิจที่บ้าน คิดอยากมีกิจการในแบบของตัวเอง

“เป็นคนชอบเลี้ยงสัตว์ พอมันตายมักฝังในบริเวณบ้าน แต่ลองนึกถึงคนเลี้ยงกลุ่มอื่นซึ่งเขาอาจไม่มีพื้นที่ให้ฝัง การทิ้งร่างของสัตว์เลี้ยงลงถังขยะบางครั้งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งย่อมก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม เลยคิดว่าน่าจะมีธุรกิจรับเผาซากสัตว์พวกนี้ให้เป็นเรื่องเป็นราว” คุณพลอยทราย บอกถึงที่มา

หลังจากวางแนวคิดเริ่มต้นไว้ดังว่า สิ่งที่คุณพลอยทราย ดำเนินการต่อมานั่นคือ ศึกษาธุรกิจรับเผาซากสัตว์ตัวอย่างในต่างประเทศ พบมีที่อังกฤษ และ ญี่ปุ่น เท่านั้นทำกันเป็นกิจจะลักษณะ

“ก่อนทำธุรกิจจริงจัง หาข้อมูลอยู่ 4-5 เดือน เจอใครมักถามว่าอยากทำแบบนี้จะดีมั้ย บางคนบอกดี บางคนขำ บางคนงง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเปิด”คุณพลอยทราย เล่าน้ำเสียงสดใส

กระทั่งราวปลายปี 52 เธอจึงเริ่มเดินหน้าหาวัดที่มีแนวคิดตรงกัน เนื่องจากการศึกษากฎหมายท้องถิ่นหลายฉบับ พบว่าการตั้งเตาเผาซากสัตว์ ไม่สามารถไปตั้งในพื้นที่เอกชนโดยทั่วไปได้  ต้องทำกันภายบริเวณวัดเท่านั้น

คุณพลอยทราย บอกด้วยว่า การเข้าไปขออนุญาตเพื่อขอตั้งเตาเผาสัตว์เลี้ยง จากเจ้าอาวาสแต่ละวัดในเขตกรุงเทพฯซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นทำเลเหมาะสมนั้น นับเป็น “งานยาก”สุด สำหรับการเริ่มต้นทำธุรกิจนี้

“หลายวัดปฏิเสธโดยให้เหตุผลงานของคนกับงานของสัตว์ ไม่ควรเอาไปรวมกัน แต่บางวัดเห็นต่าง บอกสัตว์ก็มีชีวิตเหมือนกัน การทำพิธีให้ตามสมควรจะทำให้ได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดี”

“วัดที่ตอบรับส่วนใหญ่ท่านเจ้าอาวาสรักสัตว์เป็นทุนเดิม แต่บางวัดพอเดินเข้าไปกราบหลวงพ่อขอตั้งเตาเผาหน่อย ท่านบอกจะบ้าเหรอใครเขาเผาหมาในวัด แถมโดนไล่ไม่คุยด้วยเลย เลยต้องเดินคอตกออกมา” คุณพลอยทราย ย้อนความทรงจำ ก่อนยิ้มกว้าง

 ทุกวันนี้ โครงการฌาปนกิจสัตว์เลี้ยง ภายใต้การดูแลของ PET MASTER มีอยู่ที่ วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน วัดบางบัว เขตบางเขน

เจ้าของกิจการ เล่าต่อ  เธอเริ่มต้นทำธุรกิจแบบเรียบง่าย โดยใช้เตาเผามือสองจากโรงงานที่บ้าน มาปรับปรุงให้ใช้การได้ดี ก่อนนำมาติดตั้ง แต่ต่อมามีลูกค้าทยอยมากันมากขึ้น จึงเปลี่ยนเป็นเตาเผาสภาพใหม่เอี่ยม มูลค่าประมาณหนึ่งล้านเจ็ดแสนบาทมาให้บริการ

ส่วนการให้บริการด้านอื่นๆ ของ PET MASTER นอกเหนือจากเตาเผาไร้มลพิษ ซึ่งประกอบไปด้วย รับส่งร่างสัตว์เลี้ยงมายังวัด รวมทั้งพิธีกรรมทางศาสนา นับแต่การสวด การเผา เก็บกระดูก ลอยอังคาร จำหน่ายโลง-กล่องเก็บกระดูกนั้น ทยอยออกมาตามความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก

“ความกังวลในตอนแรก คือ เกรงสังคมจะตำหนิว่าสร้างค่านิยมฟุ่มเฟือย แต่พอลูกค้าทราบว่ามีบริการเตาเผาสัตว์เลี้ยง พวกเขามักถามต่อ มีพิธีสวดมั้ย มีโลงมั้ย มีเก็บกระดูกมั้ย จึงค่อยๆคิดรูปแบบการบริการและผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าต้องการออกมา” คุณพลอยทราย ว่ามาอย่างนั้น

ถามถึงบลงทุนทำธุรกิจนี้  เจ้าของเรื่องราว เผยให้ฟัง สาขาแรก ใช้เงินเกือบ 3 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าเตาเผา 1.7 ล้านบาท ค่าก่อสร้างโรงเรือนครอบเตา ค่าติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด และค่าเครื่องประกอบพิธีจิปาถะ

เกี่ยวกับผลตอบแทนนั้น คุณพลอยทราย คำนวณคร่าวๆ หากความถี่ในการเผาอยู่ในราว 30-50 ตัวต่อเดือน ใช้เวลาไม่เกิน 3 ปีน่าจะคืนทุน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นกับการให้บริการด้านอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น ขายโลง กล่องเก็บอัฐิ พวงหรีด ฯลฯ หากพึ่งรายได้จากเตาเผาเพียงอย่างเดียวคงอยู่ลำบาก เพราะต้นทุนค่อนข้างสูง

“ลูกค้าของเรา มีทั้งไทยและต่างชาติ ถ้าเป็นโซนสุขุมวิท ส่วนใหญ่เป็นจีน ญี่ปุ่น กลุ่มนี้เน้นความสวยงามทุกอย่างทั้งโลงทั้งดอกไม้  ส่วนโซนพัทยามักเป็นฝรั่ง” คุณพลอยทราย บอกและว่า สำหรับทำเลที่ตั้งของธุรกิจนี้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในย่านของคนมีกำลังซื้อ แต่น่าจะไปตั้งอยู่ในย่านที่ไม่มีที่ดินให้ฝัง เช่น พื้นที่ที่มีคอนโดฯ ทาวน์เฮาส์ ก่อสร้างเต็มไปหมดมากกว่

เปิดมาหลายปี ถึงวันนี้กิจการมีความแข็งแรงพอตัว ผู้ก่อตั้ง บอก ถึงเวลามองหาแนวร่วมทางธุรกิจ

“ความสามารถของเราสามารถดูแลได้แค่พื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล แต่ความต้องการของลูกค้ามีมากกว่านั้นโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ประกอบกับมีคนสนใจอยากลงทุนบ้าง เลยตัดสินใจทำระบบแฟรนไชส์ขึ้นมา”คุณพลอยทราย อธิบาย

ก่อนแจงเงื่อนไขในการร่วมลงทุน หากต้องการธุรกิจ PET MASTER เต็มรูปแบบ ต้องใช้งบฯ 3 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าเตาเผา 1.7 ล้านบาท โรงเรือน กล้องวงจรปิด และอุปกรณ์ประกอบพิธีครบชุด สามารถเปิดดำเนินงานได้ทันที

และที่สำคัญไม่มีค่ารอยัลตี้รายเดือนหรือรายปี เพียงแต่ต้องซื้อผลิตภัณฑ์ประกอบพิธี เช่น โลง กล่องเก็บอัฐิ จากทางบริษัทแม่เท่านั้นนอกจากนี้ยังจะได้รับการดูแลด้านทำเล ทำการตลาด ทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ รวมทั้งติดต่อประสานกับทางร.พ.สัตว์ต่างๆให้ด้วย

แต่ถ้าผู้ลงทุนอยากทำธุรกิจแบบเดียวกันนี้ แต่ภายใต้แบรนด์ตัวเอง เธอไม่มีปัญหา ยินดีขายเตาเผาไร้มลพิษให้ในราคาเอ่ยมาข้างต้น

“เชียงใหม่ อุดรธานี  ขอนแก่น ภูเก็ต นครราชสีมา  เป็นทำเลน่าสนใจ แต่ควรเปิดไม่เกิน 2 แห่งต่อหนึ่งจังหวัดใหญ่  ส่วนเมืองเล็กเปิดที่เดียวคงพอ ฉะนั้นการขายแฟรนไชส์จะไม่ซ้ำซ้อนหรือมีหลายเจ้า จนเกิดปัญหาแย่งลูกค้ากันเองเด็ดขาด” คุณพลอยทราย เผย

เกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ลงทุนในธุรกิจเฉพาะทางนี้ คุณพลอยทราย นั่งนึกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนบอก ควรเป็นคนที่มีจิตใจรักสัตว์ มีเวลาดูแลใกล้ชิด  และมีบุคลากรพร้อมทำงานอย่างต่ำ 2 คน แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ปประจำเตาเผา 1 คน และเจ้าหน้าที่ต้อนรับ 1 คน ซึ่งจะต้องประจำอยู่หน้างาน

ส่วนเรื่องการทำบัญชีรายจ่าย-รายรับ เงินเดือนพนักงานนั้น ทางบริษัทแม่จะมีรูปแบบให้ศึกษาอย่างชัดเจนว่า แต่ละเดือนควรมีเงินเข้า-ออกเท่าไหร่และอย่างไรบ้าง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ล้วนผ่านการคัดกรองมาจากประสบการณ์ตรง ฉะนั้นหากแฟรนไชซีมีปัญหาติดขัดอะไร สามารถเข้าไปช่วยแก้ไขได้แทบทุกกรณี

สนใจเกี่ยวกับธุรกิจ PET MASTER บริการพิธีศพสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจร ติดต่อโทรศัพท์  089-9500-155 หรือ Facebook/Pet Master.