ไปรู้จัก นักธุรกิจค้าผ้าเมืองคอน ผู้ประกาศบริจาค”ตูน” 16 ลบ. เคยทำบุญมาแล้วทีละ 28 ลบ.

จากโครงการ ก้าวทีละก้าว ของศิลปินนักร้องชื่อดังวิ่งการกุศล จากยะลาไปยังเชียงราย หรือจากใต้สุดไปยังเหนือสุดของประเทศ เพื่อหาเงิน 700 ล้านบาทจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาล 11 แห่ง ตูนบอดี้ สแลม

ล่าสุด มีข่าวปรากฏว่า  นายจิมมี่ ชวาลา ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางคือ “เศรษฐีใจบุญเมืองนคร” นักธุรกิจห้างผ้ารายใหญ่ของ จ.นครศรีธรรมราช คือ “ห้างผ้าจิมมี่” ซึ่งเคยบริจาคเงิน 28 ล้านบาท ซื้อทองคำบูรณะพระบรมธาตุเจดีย์วัดพระมหาธาตุ มีความตั้งใจจะบริจาคเงินให้กับโครงการก้าวคนละก้าวของ “ตูน บอดี้สแลม” เป็นเงินจำนวน 16 ล้านบาท  อ่านข่าว “จิมมี่ ชวาลา”เศรษฐีใจบุญเมืองคอน ประกาศบริจาค 16 ล้านให้ “ตูน บอดี้สแลม”

เรื่องราวของ เศรษฐีใจดีผู้นี้ “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” เคยนำเสนอมาแล้ว ถึงธุรกิจและอัธยาศัยต่อผู้อื่น ที่ชอบทำบุญ ปฏิบัติต่อลูกน้องเป็นอย่างดี อีกทั้ง กิจการค้าขายก็เสียภาษีเป๊ะ โปร่งใส อันน่าเป็นตัวอย่างให้กับนักธุรกิจอื่นๆ

 

ด้วยโอกาสนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ขอนำเสนอเรื่องราวของเศรษฐี ผู้นี้อีกครั้งหนึ่ง โดยเป็นบทความของ คุณไมตรี ลิมปิชาติ นักเขียนและคอลัมนิสต์อิสระของนิตยสารเส้นทางเศรษฐี ดังนี้

 

……………ชีวิตของเศรษฐีตัวจริง ที่เมืองคอน ขายผ้าได้วันละห้าแสนบาท ถึงล้านบาท ใช้หลักการบริหารลูกน้อง ทำให้ทุกคนอยากอยู่ อยากช่วยงานไปตลอดชีวิต ถึงคราวต้องเสียภาษีก็ครบถ้วนถูกต้อง ให้เงินเข้ารัฐทุกบาททุกสตางค์ แถมกำไรที่ได้ยังแบ่งปันและทำบุญ……..

 

“ผมกลับไปเยี่ยมญาติพี่น้องและเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันที่นครศรีธรรมราช หรือที่มีชื่อเรียกสั้นๆ ว่าเมืองคอน

ทุกครั้งที่ผมกลับเมืองคอนบ้านเกิด ผมจะต้องไปที่วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร หรือที่คนคอนจะเรียก

สั้นๆ ว่าวัดพระธาตุ

ขณะอยู่ที่วัดพระธาตุจึงได้เห็นว่าเจดีย์ซึ่งมียอดทองคำกำลังบูรณะซ่อมแซม

ไม่ได้ซ่อมแซมอย่างเดียวยังได้นำทองคำมาห่อหุ้มยอดให้เหลืองอร่ามเพิ่มขึ้นด้วย เพราะมีผู้บริจาค

เงินคนเดียวถึง 28 ล้านบาท

ผู้บริจาคเงินมีชื่อว่า ‘จิมมี่ ชวาลา’ เป็นพ่อค้าขายผ้า มีร้านค้าชื่อว่า หจก.จิมมี่นคร ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าวัง ถนนราชดำเนิน ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับบ้านของผมในอดีต

ผมอยู่ที่เมืองคอนหลายวัน วันหนึ่งของบางวันผมได้ถือโอกาสไปพบกับคุณจิมมี่

คุณอนันต์  สิงหโกวินทร์ ซึ่งพาผมไปพบเพื่อสัมภาษณ์ คุณจิมมี่ได้บอกผมเพิ่มเติมว่า คุณจิมมี่ไม่ได้บริจาคเงินเพื่อซื้อทองคำหุ้มยอดพระธาตุเท่านั้น  คุณจิมมี่ยังได้ช่วยเหลือคนด้อยโอกาสทั้งเด็กและผู้ใหญ่เสมอ ให้อาหาร ให้ทุนการศึกษา ให้อาชีพ และยังดูแลพนักงานเป็นอย่างดียิ่ง

%e0%b8%ab%e0%b8%ab%e0%b8%ab%e0%b8%ab%e0%b8%ab

พนักงานขายผ้าที่เคยทำงานมาสมัยพ่อนั้น หลังจากทำงานมานานจนมีอายุมาก เจ้าตัวขอพักผ่อน คุณจิมมี่ได้ซื้อบ้าน ซื้อที่ดินให้ เพื่อจะได้มีที่พักผ่อนสบายๆ ในบั้นปลายชีวิต  พนักงานขายผ้าที่มีอยู่ในปัจจุบันกว่า 50 คนนั้นแต่ละคนทำงานกับคุณจิมมี่กันคนละหลายปีกว่า 20 ปีก็มีหลายคน

แสดงให้เห็นว่าคุณจิมมี่มีหลักในการบริหารงาน ทำให้ทุกคนอยากอยู่ อยากช่วยงานไปตลอดชีวิตก็ว่าได้

คุณจิมมี่ได้ให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี  ยิ่งรู้ว่าผมเป็นคนเมืองคอนและเคยรู้จักกับพ่อของเขามาก่อน ทำให้การพูดคุยเล่าเรื่องราวในอดีตง่ายขึ้น

จากการได้สนทนากับคุณจิมมี่หลายแง่มุม จึงได้รู้ถึงความเป็นมาของเขาก่อนมาถึงวันนี้ได้อย่างน่ายกย่อง ถ้าจะนำมาเขียนคงต้องยาวมาก จึงขอสรุปเพียงสั้นๆ ดังนี้

พ่อของคุณจิมมี่ชื่อ รามซิงห์ เป็นพ่อค้าขายผ้า แต่ชอบการต่อยมวย จนเป็นนักมวยที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของภาคใต้

หลังจากรามซิงห์เลิกชกมวยก็มีอาชีพขายผ้าอย่างเดียว ในวัยเด็กคุณจิมมี่ได้ช่วยพ่อขายผ้าที่ตลาดนัดเป็นประจำ จนคุณจิมมี่โตพอที่จะช่วยตัวเองได้ พ่อจึงส่งไปเรียนต่อที่ประเทศอินเดีย ขณะอยู่ที่อินเดีย

มีเรื่องมีราวน่าสนใจมากสำหรับคุณจิมมี่ แต่ขอผ่านไปก่อน

คุณจิมมี่กลับมาอยู่เมืองไทยเริ่มต้นขายผ้าด้วยตนเองในปีพ.ศ. 2518 ก็เมื่อ 41 ปีมาแล้ว ขณะที่เขามีอายุ 18 ปีเท่านั้น

เนื่องจากคุณจิมมี่อยู่กับวงการผ้ามานาน จึงรู้จักผ้าทุกชนิด  รู้คุณลักษณะของผ้าเป็นอย่างดี

คุณจิมมี่ไม่ได้รู้แค่คุณภาพผ้าอย่างเดียว ยังรู้ถึงแหล่งผลิตและแหล่งขายด้วย*

ผ้าในร้านของคุณจิมมี่จึงมีทั้งที่ออกมาจากโรงงานในประเทศไทย จากสำเพ็งและส่งโดยตรงมาจาก

ต่างประเทศ

ในร้านจิมมี่นครมีการจัดแบ่งผ้าแต่ละชนิดตามความเหมาะสมโชว์ไว้เป็นล็อก เพื่อความสะดวกกับลูกค้าที่จะเข้ามาซื้อไปใช้หรือขายต่อ

%e0%b8%ab%e0%b8%ab%e0%b8%ab%e0%b8%ab%e0%b8%ab%e0%b8%ab%e0%b8%ab%e0%b8%ab%e0%b8%ab%e0%b8%ab%e0%b8%ab%e0%b8%ab%e0%b8%ab

การขายผ้าของคุณจิมมี่ใช้หลักจะต้องเป็นผ้าที่มีคุณภาพดี ราคายุติธรรม และซื่อสัตย์กับลูกค้า แปลว่าจะพูดความจริงบอกความจริงกับลูกค้า

 

เนื่องจากแต่ละวันมีคนเข้าร้านเป็นจำนวนมาก คุณจิมมี่จะอบรมพนักงานขายทุกคนให้สามารถอธิบายถึงเนื้อผ้าหรือคุณภาพของผ้าได้โดยไม่ติดขัด และ

ประการสำคัญให้การต้อนรับลูกค้าอย่างดียิ่ง คือพูดดีและมีหน้าตายิ้มแย้มต้อนรับแขก

เท่าที่คุณจิมมี่ได้ให้พนักงานพาผมเดินชมผ้าที่วางขายแต่ละห้องแต่ละชั้น ซึ่งมีหลายชั้น จึงมีโอกาสได้

เห็นคนที่มาซื้อผ้าแต่ละชั้นไม่น้อยเลย คนขายก็ตั้งใจขาย คนซื้อก็ตั้งใจซื้อ

 

วันหนึ่งๆ น่าจะขายได้รวมทั้งขายส่งไม่น่าจะต่ำกว่า 500,000 บาท หรือบางวันก็ต้องได้เป็นล้านบาทขึ้นไป

แน่นอน จะต้องได้กำไรแต่ละเดือนแต่ละปีมากแน่ๆ แต่เป็นความมากที่น่ารัก น่ายกย่อง เพราะคุณจิมมี่เป็นพ่อค้าที่ได้กำไรมาแล้ว ไม่ได้เก็บไว้เป็นของตัวเองทั้งหมด คือนอกจากเสียภาษีให้รัฐเต็มเม็ด เต็มหน่วยแล้วยังได้นำส่วนที่มีกำไรแบ่งปันและทำบุญดังกล่าวข้างต้น

 

เศรษฐีส่วนใหญ่เป็นได้เพียงมีชื่อว่าเป็นเศรษฐีเท่านั้น เพราะไม่เคยบริจาคให้ใครหรือทำบุญก็แทบไม่มี ถ้ามีก็ไม่มากเท่าคุณจิมมี่

 

เมื่อรู้ว่าคุณจิมมี่บริจาคเงิน บริจาคทองและช่วยเหลือคนจนคนด้อยโอกาสแต่ละปีเป็นจำนวนมากๆอย่างนี้ทำให้ผมอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ในอนาคตคุณจิมมี่อาจจะต้องยากจนเพราะการทำบุญทำทานก็เป็นได้

สำหรับเรื่องนี้ คุณจิมมี่บอกเองว่าไม่ต้องห่วงเลย เพราะเขาเอาส่วนที่ได้กำไรมาทำบุญ ไม่ได้เอาทุนมาทำบุญหรือใช้เงินทำบุญไปก่อน โดยไม่รู้ว่าจะมีกำไรหรือไม่

อีกอย่างหนึ่งที่คุณจิมมี่เล่าให้ฟังด้วยความภูมิใจก็คือ เมื่อไม่นานมานี้ คุณจิมมี่ได้ซื้อที่ดินใจกลางเมือง

คอนแปลงหนึ่ง ด้วยเงิน 90 ล้านบาท

 

ตอนไปโอนที่ดินที่สำนักงานที่ดินจังหวัด มีคนแนะนำคุณจิมมี่ให้แจ้งว่าใช้เงินซื้อที่ดินเพียง 20 ล้านบาท

ตามราคาประเมินก็พอ เพราะจะได้เสียภาษีค่าโอนน้อยลง

 

แต่คุณจิมมี่ไม่ได้ทำตาม ยอมเสียค่าโอนแพงตามราคาที่ได้ซื้อจริงโดยเสียเงินค่าโอนไปกว่า 2 ล้าน

บาท เพราะต้องการให้เงินที่เสียไปเข้าหลวง ไม่ได้เข้าใครคนหนึ่งคนใด

 

ผลของการทำเช่นนี้ทำให้มีผลดีกับคุณจิมมี่ตามมา เพราะหลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่สรรพากรได้มา

ตรวจสอบรายได้รายจ่ายและอื่นๆ ของคุณจิมมี่ ผล ทุกอย่างเรียบร้อยไม่มีอะไรที่ทำให้กรมสรรพากร

เรียกภาษีย้อนหลังได้ ที่สำคัญไม่ทำให้คุณจิมมี่เสียชื่อด้วย  นับว่าคุณจิมมี่ไม่ได้เป็นเศรษฐีใจบุญอย่างเดียว ยังเป็นคนดีอีกด้วย