หลังพ่อเสียชีวิต เด็กอายุ 13 ต้องกลายเป็นเสาหลักครอบครัว ตามปลดหนี้ 50 ล้าน ใฝ่ดีเลี้ยงชะมดขายขี้ ทะยานสู่เถ้าแก่ร้อยล้าน

ต้องกลายเป็นเสาหลักของครอบครัว หลังผู้เป็นพ่อถูกลูกหลงโดนยิงเสียชีวิต พร้อมทิ้งหนี้สินให้ต้องชดใช้ 50 ล้านบาท ฐานะพี่ชายคนโต “เกียรติศักดิ์ คำวงษา” หรือ    เฟลม ในขณะที่อายุเพียง 13 ปี ต้องแบกรับภาระ ช่วยแม่หาเงินปลดหนี้และยังต้องเลี้ยงน้อง เคยลำบากได้กินไข่ต้มวันละ 1 ฟอง จากเคยได้อยู่บ้านหลังใหญ่ ต้องมาอยู่เพิง โดนดูถูกเหยียดหยามจากญาติฝั่งพ่อ แต่ทั้งหมดกลายเป็นแรงผลักดันให้ชีวิตต้องต่อสู้ จนกระทั่งวันนี้เขากลายเป็นเจ้าของอาณาจักรกาแฟขี้ชะมด ที่จังหวัดนครพนม ทำรายได้ต่อปีนับร้อยล้านบาท

เฟลม ในวัย 23 ปี เล่าย้อนว่า เป็นพี่ชายคนโต มีน้องสาว 1 คน เดิมทีครอบครัวทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ฐานะดี แต่โดนผู้ว่าจ้างโกง เลยเป็นหนี้เบ็ดเสร็จ 50 ล้านบาท จากนั้นไม่นานคุณพ่อโดนลูกหลงโดนยิงเสียชีวิต แถมยังถูกญาติฝั่งพ่อไล่ออกจากบ้าน อาศัยนำอุปกรณ์ก่อสร้างที่ติดตัวมา กั้นห้องอยู่กันชั่วคราว 3 คน อดเรียนโปรแกรมเมอร์ ไปเรียนอาชีวะสายก่อสร้าง ระหว่างเรียนต้องทำงานไปด้วย ช่วยแม่ใช้หนี้ แบ่งเบาภาระครอบครัว

“หลังพ่อเสีย ครอบครัวก็มีหนี้สิน ญาติฝั่งแม่ช่วยขายที่ดินใช้หนี้แต่ก็ยังไม่พอ แม่เครียดจนเป็นมะเร็งเต้านม มีคนตามทวงหนี้ทุกวัน โชคดีที่แม่ยังทำงานประจำ เป็นข้าราชการเงินเดือน 18,000 บาท  ตอนเรียน ปวช. ปี 1 เริ่มใช้ความรู้ด้านก่อสร้างทำงานหาเงิน”

กระทั่ง เฟลม จบ ปวช. เขาเลือกเรียนต่อปริญญาตรี ในคณะวิศวกรรมโยธา และเริ่มเข้าวงการรับเหมาก่อสร้างอีกครั้ง ในครั้งนี้เองชายหนุ่มได้เรียนรู้ว่าธุรกิจดังกล่าวมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา และมีปัญหาจุกจิกเรื่องคนงาน หนที่สุดล้มเลิก แล้วมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ปี 54 พบว่า ธุรกิจกาแฟขี้ชะมดกำลังได้รับความนิยมมาก มีคนไทยนิยมสั่งกาแฟขี้ชะมดมาจากประเทศอินโดนีเซีย เลยศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง

“ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ค่อนข้างเจอปัญหาที่แก้ไม่ตกหลายอย่าง เลยมองหาอาชีพอื่น ราวปี 54 พบว่า ธุรกิจกาแฟขี้ชะมด กำลังเป็นที่นิยม เลยตัดสินใจหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต”

เมื่อเห็นโอกาสธุรกิจกาแฟขี้ชะมด ชายหนุ่มรีบคว้าไว้ โดยนำเงินเก็บราว 3,000 บาท ไปซื้อชะมด (อีเห็น) จากจังหวัดนครพนม 1  คู่ และฝากเพื่อนแม่ที่มีไร่กาแฟอยู่จังหวัดเลยเลี้ยงให้ ให้กินแต่ผลกาแฟสุกโรบัสต้า และนำขี้ชะมดมาลองคั่ว ในช่วงแรกขี้ชะมดไม่หอมเท่าที่ควร อาศัยเรียนรู้ไปเรื่อยๆ จนพบว่า ก่อนนำขี้ชะมดมาคั่ว ต้องตากแดดก่อนประมาณ 20 วัน เพื่อไล่ความชื้น

“ราวปี 56 ผมกับแม่และญาติๆ ฝ่ายแม่ที่จังหวัดนครพนม ปรึกษากันว่าจะเลี้ยงชะมดอย่างจริงจัง นำที่ดินที่มีอยู่ราว 200 ไร่ เลิกปลูกข้าว แล้วหันมาเลี้ยงชะมด ปลูกกาแฟโรบัสต้า เริ่มขายกาแฟขี้ชะมดผ่านทางเฟซบุ๊ก ในช่วงแรกขายไม่ดี เลยสร้างความแตกต่างด้วยกรรมวิธีการชง Moka Pot หรือกาต้มกาแฟสด ซึ่งเป็นกระบวนการชงที่จะสามารถดึงรสชาติของความหอมของกาแฟออกมาได้ดีที่สุด และยังไม่มีใครใช้วิธีนี้นำมาชงกาแฟขี้ชะมด และใช้ชื่อแบรนด์ว่า Blue Gold”

หลังจากสร้างแบรนด์ Blue Gold เฟลม บอกว่า เลี้ยงชะมดเพิ่ม เริ่มจ้างคนงาน ทำเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่เลี้ยงชะมด เก็บขี้ชะมด ล้างทำความสะอาด คุมคนงาน กระทั่งจุดเปลี่ยนที่ทำให้กาแฟขี้ชะมดของเขาได้แจ้งเกิด นั่นคือ  แพ็กเกจจิ้งในกล่องไม้สวยหรู  มีลูกค้าซื้อไปเป็นของฝาก เกิดปรากฏการณ์บอกปากต่อปาก

เฟลม เล่าต่อว่า ขายกาแฟขี้ชะมดได้ 3 ปี ปลดหนี้สินทั้งหมดได้สำเร็จ พร้อมกับเดินหน้าลุยธุรกิจ ปัจจุบันเปิดร้านกาแฟย่านรามอินทราเพื่อให้ลูกค้าที่ชื่นชอบกาแฟขี้ชะมด และเครื่องดื่มทั่วไปได้เข้ามาลิ้มลอง เลี้ยงชะมดด้วยวิธีธรรมชาติประมาณ 300-400 ตัว ขยายพันธุ์เพิ่มปีละ 50-60 ตัว ตั้งเป้าอีก 1-2 ปี จะเพิ่มเป็น 1,000 ตัว ปลูกต้นกาแฟประมาณ 1,000 ต้น

“ผมเลี้ยงชะมดแบบอิสระ 1 ไร่ เลี้ยงได้ประมาณ 100-200 ตัว  ขยายพันธุ์ได้เอง โดยธรรมชาติชะมดอายุ 2-3 ปี จะเริ่มผสมพันธุ์ได้ ใช้เวลาตั้งท้อง 50-60 วัน อายุขัยเฉลี่ย 10 ปี  อาหารที่ใช้เลี้ยงเฉพาะฤดูหนาวจะให้กินเมล็ดกาแฟสุกสายพันธุ์โรบัสต้า ส่วนช่วงเวลาปกติจะให้กินกล้วย เนื้อหมูต้มสุก ชะมด 1 ตัว  จะให้ผลผลิตประมาณ 1.6 กก./ปี เมื่อนำไปตากแดดจะเหลือ 1 กก. จากนั้นนำไปคั่วและบดจะเหลือเพียง 800 กรัมเท่านั้น”

สำหรับกาแฟขี้ชะมดจะมีเพียงปีละครั้งเท่านั้น ก็คือในช่วงฤดูหนาว ส่วนนอกฤดูกาลขี้ชะมดจะไม่สามารถนำมาทำกาแฟได้ ทำให้ปัจจุบันวัตถุดิบยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ในอนาคตเจ้าของไร่ บอกว่า จะเพิ่มปริมาณชะมด เพื่อรองรับการต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นกาแฟชี้ชะมดบรรจุกระป๋อง โดยจะนำกาแฟขี้ชะมด มาบดผสมกับกาแฟธรรมดา เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น

5 ปีที่เฟลมอยู่ในธุรกิจกาแฟ เขาฉายภาพว่า ตลาดกาแฟเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ยอดขายก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รายได้ปี 60 ตั้งเป้าไว้ 100 ล้านบาท ส่วนแผนปีหน้า จะเปิดไร่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาศึกษาการผลิตกาแฟขี้ชะมดรวมถึงขยายสาขาร้านกาแฟ และบุกตลาดต่างประเทศอีกด้วย