เปิดใจเสี่ยใหญ่พันล้านแห่ง “ซัยโจ เดนกิ” เริ่มธุรกิจด้วยทุนติดลบ 30 ล้าน เคยจ่ายเช็คค่าน้ำประปาพันกว่าบาทเด้ง!

คุณสมศักดิ์ จิตติพลังศรี กรรมการผู้จัดการ  บริษัท ซัยโจ เดนกิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศ แบรนด์ “ซัยโจ เดนกิ” กรุณาสละเวลา เปิดสำนักงานย่านงามวงศ์วาน เป็นสถานที่พูดคุยกัน ด้วยอัธยาศัยยิ้มแย้มกันเอง  เริ่มต้นให้ฟังเกี่ยวกับข้อมูลกิจการ  ปัจจุบันธุรกิจซัยโจ เดนกิ มีขนาด 2 พันล้าน มีคนงานกว่า 500 คน  ฐานะทางการเงินระดับ AAA ไม่ต้องกู้เงินธนาคารมาเกือบ 20 ปีแล้ว  ส่วนยอดขายอยู่ในระดับ “ท็อปไฟว์”ของตลาดเมืองไทย  อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับบริษัทข้ามชาติแล้ว ซัยโจ เดนกิ คงเป็นเพียงบริษัทเล็กๆ แต่ถ้าเทียบกับบริษัทคนไทยด้วยกัน ต้องถือว่าเป็นผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศรายใหญ่ที่สุดของประเทศ

แม้วันนี้ ซัยโจ เดนกิ จะมีฐานะมั่นคงไม่น้อย แต่เมื่อลองมองย้อนไปเมื่อครั้งเริ่มต้น คุณสมศักดิ์ ยอมรับว่า เคยผ่านอุปสรรคมามากมาย ขนาดต้องล้มลุกคลุกคลาน ถึงขั้นเกือบล้มละลายมาแล้ว

“ธุรกิจของครอบครัว ดั้งเดิมคือโรงงานรับจ้างผลิตเครื่องปรับอากาศให้คนอื่น พอมาทำยี่ห้อของตัวเองก็ไม่เป็นที่รู้จัก ช่วงเรียนอยู่ม.ปลาย เริ่มรับรู้ได้ว่าฐานะการเงินทางบ้านเริ่มมีปัญหา” เจ้าของเรื่องราว เล่าเสียงเรียบ

คุณสมศักดิ์ จิตติพลังศรี

ก่อนย้อนความทรงจำให้ฟัง แม้จะเป็นลูกชายคนเล็ก แต่ธุรกิจในบ้านง่อนแง่นเต็มที พวกพี่ๆจึงไม่มีใครอยากรับช่วงต่อ พอ พ.ศ. 2518 เขาเข้าเรียนในคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงต้องเข้ามาช่วยงานของครอบครัวแบบไม่อาจปฏิเสธ

“ปกติลูกชายคนเล็ก ไม่มีสิทธิแบกภาระครอบครัว แต่ธุรกิจกำลังลำบากเป็นช่วงขาลง มีแต่คนอยากจะออกไม่มีคนอยากเข้า ตอนมารับช่วง ยังเรียนอยู่ปี 3 ถือว่าลำบากที่สุด” คุณสมศักดิ์ เผยอดีต

กระทั่ง พ.ศ.2524 ได้เข้ามาบริหารต่อแบบเต็มตัว ซึ่งช่วงเวลานั้น ครอบครัวของเขาอยู่ในฐานะเกือบล้มละลาย ติดหนี้ทั้งในและนอกระบบกว่า 30 ล้านบาท แม้แต่เช็คค่าน้ำประปาแค่พันกว่าบาท ยังเด้ง

“ตอนเข้ามาบุกเบิกคนเดียวแทนพ่อ เป็นช่วงที่ต้องตัดสินใจระหว่างทิ้งบริษัทหรือทำต่อ แต่สุดท้ายเลือกเดินหน้าต่อ ด้วยเหตุผลที่บอกกับตัวเองว่า เป็นธุรกิจที่พ่อแม่สร้างมา ถ้ามีสำนึกที่ดีต่อพ่อแม่ ควรทำในสิ่งที่ท่านรักและมีความผูกพัน คนเราไม่ควรแสวงหาความสุขสบายของตนเองเท่านั้น  แต่ควรมองว่าความสุขสบายของคนที่มีบุญคุณกับเรานั้นคืออะไร” คุณสมศักดิ์ บอกจริงจัง

เริ่มทำธุรกิจของครอบครัว ด้วยต้นทุนติดลบ 30 ล้านบาท ไม่มีเครดิตแม้แต่สลึงเดียว แต่ด้วยพื้นฐานไม่คิดเบี้ยวใครและไม่หาเงินในทางที่ผิดกฎหมาย  เขาใช้เวลา 3 ปี สามารถปลดหนี้ก้อนใหญ่ได้จนหมด

“เจ้าหนี้มารุมทวงหนี้พร้อมกันเพราะกลัวหนี  ผมบอกไม่ต้องมา เดี๋ยวไปหาเอง ทุกคนตกใจกันหมด ที่ผ่านมาได้เพราะไม่ใช่คนนั่งรอความทุกข์ กล้าเดินชน ถ้านั่งรอ ความทุกข์มันทับคุณแบนพอดี” เสี่ยคนดัง เล่าพร้อมหัวเราะอารมณ์ดี

จากนั้นอีก 3-4 ปี  เก็บเงินได้ 10 กว่าล้านบาท คุณสมศักดิ์ จึงเริ่มต้นทำบริษัท ซัยโจ เดนกิ ฯ  สร้างแบรนด์ของตัวเอง ไม่รับจ้างผลิตให้ใครอีกต่อไป เพราะได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง คุณโตชิโอะ ฮานาดะ เจ้าของเครื่องหมายการค้า “ซัยโจ เดนกิ” ของญี่ปุ่น ซึ่งต่อมาได้โอนมาเป็นลิขสิทธิ์ของเขา แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว

ผ่านไปกว่าสิบปี ธุรกิจเครื่องปรับอากาศ ซัยโจ เดนกิ เติบโตตามลำดับ กระทั่งปี 2540 เกิดวิกฤตค่าเงินบาท ส่งผลให้เงินกู้จากธนาคารราวสิบล้านเหรียญเพิ่มขึ้นทันทีหลายเท่าตัว แต่ด้วยพื้นฐานความคิด ไม่เคยจะเบี้ยวใคร ทำให้มองเห็นทางว่าจะหาเงินมาใช้หนี้ได้จากไหน

“นักธุรกิจกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ มัวแต่ไปต่อรองกับธนาคาร ขอผ่อนชำระหนี้ ขอลดดอกเบี้ย ขอลดเงินต้น แต่ผมไม่ทำเพราะมองว่าไม่ใช่ทางออก เป็นหนี้ก็ต้องคิดจะชำระหนี้เขา แล้วจึงจะดูออกว่าปัญหาอยู่ตรงไหน เงินบาทมันอ่อน เงินยูเอสแข็ง ก็เร่งส่งออกซิ ตอนนั้นกู้ธนาคารมาสิบล้านเหรียญ กำหนดผ่อนชำระห้าปี แต่ช่วง  ปี 40-42 ซัยโจ เดนกิ มียอดส่งออกกว่า 30 ล้านเหรียญ หมายความว่าผมมีเงินมากขึ้นกว่า 20 ล้านเหรียญ ในช่วงที่ประเทศเผชิญภาวะวิกฤตค่าเงินบาท” คุณสมศักดิ์ เผยอย่างนั้น

และการที่มียอดส่งออกงดงามเกินคาด ทำให้กิจการของเขา “เนื้อหอม” มีเครดิตเพิ่มขึ้นทันที แต่สิ่งนี้ ไม่ได้ทำให้ยินดีแม้แต่นิดเดียว

“ผมเข็ดหลาบกับเครดิต นับแต่นั้นไม่ยอมกู้เงินเด็ดขาด ขอขยายธุรกิจากความพร้อมของเรามากกว่าขยายจากกำลังคนอื่น ใครจะว่าคิดแบบคอนเซอร์เวทีฟก็ไม่เป็นไร” เสี่ยซัยโจ เดนกิ ทิ้งท้ายไว้อย่างนั้น